หรูฉินกลัวมากจนล้มลงบนพื้น ร่างกายของนางสั่นเหมือนตะแกรงคัดแยกสิ่งของ ใบหน้าของนางก็ซีดเผือด
หลังจากนั้นไม่นาน นางก็คุกเข่าและคลานมาข้างหน้าพร้อมกับร้องไห้พลางพูดว่า "เหลียงเฟยเหนียงเหนียง ท่านว่าเราทำอย่างไรกันดี? หม่อมฉันไม่กล้ากลับไป นางนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งนั่น ราวกับเป็นผีตนหนึ่ง"
เหลียงเฟยเห็นว่าหรูฉินคงไม่น่าจะโกหก นางจึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถามเฉียวจวีสาวใช้ที่อยู่ข้างๆ ว่า "ท่านอ๋องอยู่ที่ไหน"
เฉียวจวีมองนางอย่างระมัดระวังและพูดว่า "ตอนนี้ท่านอ๋องน่าจะปรึกษาหารือกับอัครมเหสีในวังเกี่ยวกับการสมรสกับคุณหนูสกุลหลิวเพื่อแต่งนางเข้ามาเป็นเช่อเฟย"
เหลียงเฟยพูดอย่างเกลียดชัง "ยังจัดการคนที่เป็นหนามทิ่มแทงดวงตาข้าไม่ได้ และอีกคนที่อยู่ในใจของท่านอ๋องก็กำลังจะโผล่เข้าวังมาแล้ว ชินอ๋องสามารถมีหวางเฟยได้เพียงคนเดียว และมีเช่อเฟยได้สองคน ถ้าหลิวเจียอินเข้ามา แล้วข้าจะเป็นอย่างไร? ตอนนี้ฉีเฟยคนนั้นก็กำลังตั้งครรภ์อยู่ ซึ่งไม่สามารถลดระดับของนางได้”
หรูฉินพูดอย่างกล้าๆ กลัวๆ "เหนียงเหนียง หวางเฟยบอกให้ท่านไปพบ ท่านจะไปหรือไม่เพคะ?"
เหลียงเฟยลุกยืนขึ้นและประสานมือเข้าด้วยกัน สีเล็บของนางแดงระเรื่อราวกับสีของเลือดสด "ให้ข้าไปพบแล้วอย่างไร? ต่อให้คาดเดาได้ว่าเป็นฝีมือของข้าแล้วอย่างไร? นางจะฉีกข้าเป็นชิ้นๆ แล้วกินข้าทั้งเป็นได้อย่างนั้นหรือ? ตอนนี้นางยังจะทำอะไรข้าได้อีก? คิดว่าตัวเองยังเป็นลูกสาวของ ราชครูคนนั้นอยู่หรือไง?”
หรูฉินลุกขึ้นและไปเปิดประตู เหลียงเฟยเดินออกไป และตามด้วยสาวใช้สองคนในชุดสีน้ำเงิน
หลงชีชีรู้ว่าเหลียงเฟยจะมา ดังนั้นจึงยกเก้าอี้ออกมานั่งรอที่สวนด้านหน้าหอหรงหวาด้วยท่าทีสบายอกสบายใจ แต่ใบหน้า......ดูแย่อย่างมาก
มีสาวใช้คนหนึ่งกับแม่นมของนางยืนอยู่ที่ข้างกาย ซึ่งสองคนนี้ติดตามมาพร้อมกับนางจากที่บ้านตอนที่ได้แต่งงานเข้ามา สาวใช้ชื่อว่าหงจวี๋ และอีกคนคือต่งหมัวหมัว
มองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดที่ตัดเย็บด้วยผ้าสีแดงเลือดหมูจีบเอวและแขนกว้างที่ปักลายดอกไห่ถางสีแดงเล็กๆ ไว้เดินเข้ามาช้าๆ จากระยะไกล นางสวมเสื้อคลุมขนจิ้งจอกและมีหมวก พร้อมกับถือเตาอุ่นมือขนาดเล็กที่ทำจากเงินไว้ในมือ นางเดินกรีดกรายเข้ามาช้าๆ อย่างสง่า ซึ่งมีความเป็นผู้ดีสูงมาก
ริมฝีปากบางของเหลียงเฟยโค้งเป็นรอยยิ้มประชดประชัน "นี่ เกิดอะไรขึ้นกับใบหน้าของหวางเฟย? พวกสาวใช้ดูแลท่านอย่างไรกันนะ?"
หลงชีชีจ้องมองนางและถามด้วยเสียงแหบห้าว "เจ้าไม่รู้เหรอว่าเกิดอะไรขึ้นกับใบหน้าของข้า?"
เหลียงเฟยหัวเราะแปลกๆ จนร่างกายของนางสั่นเล็กน้อย และพู่บนผมของนางก็แกว่งไปมาด้วยเช่นกัน "หวางเฟยช่างพูดจาน่าขำนัก แม้ว่าหอเหลียงรั่วกับหอหรงหวาจะอยู่ไม่ไกลกันนัก แต่เราทั้งสองก็ไม่ได้ไปมาหาสู่กันเป็นกิจลักษณะ แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้นกับท่าน?"
แต่หลงชีชีกลับไม่ได้หัวเราะ สีหน้าของนางดูเคร่งขรึม "เลิกทำท่าทางลำพองใจเสียที เจ้าทำตัวเป็นผู้ต่ำต้อยต่อหน้าข้า แสดงว่าเจ้าก็ยังพอจะรู้จักสถานะของตัวเองอยู่ เจ้าฟังเอาไว้นะ ข้าไม่สนใจว่าเกิดอะไรขึ้นในอดีต แต่นับจากวันนี้เป็นต้นไป หากเจ้ามายั่วโมโหข้า ข้าก็จะทำให้เจ้าต้องลิ้มรสกับการใช้ชีวิตที่เลวร้ายยิ่งกว่าสุนัขตัวหนึ่ง"
เหลียงเฟยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะอย่างเย้ยหยัน "ไม่รู้ว่าหวางเฟยจะทำให้ข้ามีชีวิตที่เลวร้ายยิ่งกว่าสุนัขได้อย่างไรหรือ? อย่างน้อยในเวลานี้ คนที่เป็นใหญ่ในจวนหนิงอ๋องก็คือข้า ไม่ใช่ท่าน ข้ารู้จักสถานะของตัวเองดี แต่หวางเฟยล่ะรู้จักสถานะของตัวเองหรือไม่?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอเทวดา หวางเฟยร้ายร้อยเล่ห์
รออ่านนะ...