หนี้รักประธานเจ้าเล่ห์ นิยาย บท 211

ตอนที่ 211 BLUELOVER

“วรินสู้ๆ ถ้าทำเสร็จก่อนเที่ยงได้ ฉันจะพาคุณไปเลี้ยงข้าว”ประภาพได้ปล่อยทีเด็ดเรื่องอาหารออกมาล้อ น้ำเสียงที่อ่อนโยนได้ปลิวผ่านเข้าไปในหูของวรินทร

วรินทรเอียงข้างให้ แววตาเป็นประกายคู่นั้นดุจดั่งเพชรที่มีค่าสองเม็ด ถ้าประภาพได้บอกว่าอร่อยแล้วจะต้องไม่ทำให้เธอผิดหวังแน่นอน

เพื่อของกินที่อร่อย เออ เพื่อไม่ให้เสียหน้า ประภาพเราไปกันเถอะ

“เริ่มได้”

มีอาหารอร่อยรออยู่ วรินทรรู้สึกทั้งเนื้อทั้งตัวมีกำลังใจในการทำงานขึ้นมาทันที ในหัวสมองมีของอร่อยๆลอยเข้ามาทีละจานๆเต็มไปหมด จังหวะการก้าวเท้าเริ่มอ่อนกำลังลง

เท้าอันเล็กขาวๆเปรียบเสมือนหยกคู่นั้นของเธอ เดินอยู่บนพื้นสีดำๆ บอกกับจังหวะการเดินและการปลิวไสวของกระโปรงยิ่งทำให้เธอยิ่งดูขาวเข้าไปอีก

ใกล้แล้ว ใกล้จะเสร็จแล้ว。

มองด้วยตาเหมือนว่าใกล้จะเสร็จแล้ว หัวใจของวรินทรก็อดใจไม่ได้ที่จะพองโตขึ้นมา นอกจากจการไม่กล้ามองลงไปข้างล่างแล้ว

เธอรู้สึกว่าก็ไม่อยากอย่างที่คิด

สายตาของประภาพก็เกิดประกายแห่งความดีใจ กำปั่นที่กำไว้แน่นก็คลายออกมา

“คัต ดีมากเลย ฉากนี้ผ่านครับ เปลี่ยนเสื้อผ้าได้ ฉากต่อไป!”ผู้กำกับสั่งคัตด้วยความดีใจ ให้คนที่อยู่ ณ บริเวณนั้นรีบเก็บของที่อยู่ตรงนั้นออกเปลี่ยนฉากต่อไป

ฉากต่อไปก็ยังอยู่ในฉากที่เดินอยู่บนดาดฟ้าอยู่ แต่ว่าครั้งนี้ เป็นประภาพเดินกับวรินทร เดินจากจุดที่อยู่ท้ายสุดของฉากแล้วเดินย้อนกลับมา วรินทรจะเอาน้ำหอมไปมอบให้ประภาพ พอทั้งสองคนเดินคลาดกันจึงจะนับว่าเสร็จ

“ดีมากเลยครับ”ประภาพยื่นมือไปให้วรินทรจับเดินลงมา ใบหน้าที่อ่อนโยนดั่งแสงอาทิตย์พร้อมกับรอยยิ้มที่ให้หำลังใจ

วรินทรแลบลิ้นออกมา แล้วพูดล้อเล่นขึ้นว่า“โชคดีที่มีอาหารอร่อยๆของคุณ”

ทั้งสองคนมองตากันแล้วยิ้มให้กัน

หลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยฉากที่สองก็เริ่มถ่าย

สำเร็จไปแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ดูออกเลยว่าวรินทรผ่อนคลายลงเยอะ แค่ไม่มองลงไปข้างล่าง เธอจะต้องผ่านมันไปได้ด้วยดีแน่นอน

ตอนนี้เธออยู่ที่จุดท้ายสุดของฉาก และประภาพยืนอยู่ที่จุดเริ่มต้นของฉาก ผู้กำกับพูดขึ้นว่า“เริ่ม”ทั้งสองคนก็เริ่มเดินไปทางที่อีกคนอยู่

ครั้งนี้วรินทรไม่ต้องกางมือทั้งสองออก แต่มือข้างหนึ่งของเธอถือน้ำหอมอยู่ในมือ พร้อมกับใบหน้าที่ยิ้มแย้มและอ่อนหวาน เดินทีละก้าวๆไปทางประภาพ

ในมือของประภาพถือ BLUELOVER ไว้ต้นหนึ่ง กลีบดอกไม้ยังมีหยาดน้ำค้างที่เปร่งแสงแวววาวอยู่ มองแล้วสวยงามมาก

ถือ BLUELOVER?

ลูกตาของวรินทรเป็นประกายเล็กน้อย ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ว่ามีครั้งหนึ่งเธอเคยได้รับต้น BLUELOVER จากคนแปลกหน้ามาหนึ่งต้น ก็สวยงามไม่แพ้ต้นนี้เลย เมื่อเทียบกับเสื้อสีขาวของประภาพแล้วเธอรู้สึกสะดุดตา

ครั้งก่อนที่ส่งต้นBLUELOVER ……เป็นใครกัน

ความคิดนี้แล่นขึ้นมาในสมองของวรินทร

ไม่น่าจะใช่ประภาพนะ ดอกไม้ต้นนี้เจ้าหน้าที่เป็นคนเตรียม และถ้าเป็นเขาจริงๆ ทำไมเขาถึงไม่เขียนชื่อ มีความจำเป็นอะไรต้องหลบๆซ้อนๆด้วย

ถ้าอย่างนั้นจะเป็นใครไปได้หล่ะ

สีของดอก BLUELOVERสวยงามมาก สีฟ้าสว่างสะดุดเข้าตา เหมือนกับคลื่นน้ำที่ค่อยๆกระเพื่อมขึ้น ทำให้คนรู้สึกเวียนศรีษt

สายตาของวรินทรไม่สามารถลาสายตาจากต้น BLUELOVERได้ ลูกตาเริ่มค่อยๆเคลิ่ม เลือนๆ ฝีเท้าค่อยๆขยับเดินหน้า

ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่อันตรายที่สุด และอยู่ในที่ที่สูงขนาดนี้ ถ้าเดินเม่อไม่ระวัง ก็อาจจะต้องมีสูญเสียอย่างน่าเสียใจ

เหล่าเจ้าหน้าที่อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเธอ นางแบบนักแสดงที่มีศักยภาพตั้งเยอะตั้งแยะไม่เอามา ทำไมจะต้องเอานักออกแบบที่

ในนี้ต้องมีเรื่องไม่ชอบมาพากลแน่ๆเลย ถ้าจะบอกว่าไม่มีคงไม่ใครเชื่อ

การพูดคุยของคนเหล่านี้วรินทรได้ยินหมดแล้ว หน้าอันเรียวเล็กค่อยๆซีดลง กัดริมฝีปากแน่น

เธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะให้เกิดเรื่องแบบนี้ เธอเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แค่จ้องมองไปที่ดอกไม้ดอกนั้น แล้วเธอเองก็เดินเม่อลอยไป เดินไปเดินมาเธอก็เกือบจะตกลงไป

เวลาอย่างนั้นยังจะเดินเม่อลอยอยู่อีก แน่นนอนว่าเป็นความผิดของเธอ

เธอเกือบห่างจากความตายแค่ระยะห่างเพียงก้าวเดียวเท่านั้น

“ไม่มีอะไรแล้ว พักกองสิบห้านาที จัดการสภาพทุกอย่างให้เข้าที่แล้วค่อยถ่ายใหม่”ผู้กำกับมองไปที่วรินทร ไม่ได้พูดอะไรอีก ทำให้ผู้คนเหล่านั้นแยกย้ายไปทำงาน

รอให้ผู้คนเหล่านั้นออกไปกันหมด บ่าไหลขอเธอก็ห้อยลงมา หน้าขมวดคิ้วด้วยความกลุ้มใจ

“ฉันทำมันพังอีกแล้ว”เธอกล่าว ในตาบอกว่าพ่ายแพ้ “ประภาพ ฉันรู้สึกว่าพวกคุณไม่น่าเชิญฉันมาร่วมงานด้วยเลย คนมีศักยภาพกว่าฉันมีตั้งเยอตั้งแยะ”

ถึงแม้จะพ่ายแพ้ สูญเสียความมั่นใจในตัวเอง เธอก็ยังอยากที่จะทำเรื่องนี้ต่อไปให้สำเร็จ ถ้าไม่ลองพยายาม จะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองทำไมได้

แล้วตอนนี้ เธอกลับนำพาความลำบวกมาให้เขาอีกมากมาย

อย่างนี้จะให้เธอเอาความมั่นใจกลับมาได้ยังไง ถ้าเปรียบเทียบกับสิ่งนี้ เธอเองยอมกลับไปวาดแบบตัดเสื้อผ้าของเธอยังจะดีซะกว่า

“ทำไมกัน ไม่มีความมั่นใจหรอ?”ประภาพเอามือวางไปที่ศรีษะของเธอ เลียนแบบมือทาวัตตอนที่ขยี้ผมเธอ ขยี้เบาๆ รู้สึกเป็นไปตามที่คิดไว้

วรินทรเบะปากไม่ได้พูดอะไร แต่การแสดงอออกของเธอกลับกลุ้มใจเป็นอย่างมาก

ประภาพพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “คุณยังจำตอนที่เราเจอกันครั้งแรกได้ไหม คุณพูดกับผมว่าในพจนานุกรมไม่มีคำว่ายอมอแพ้คำนี้ ตอนนี้ฉันจะยอมอแพ้มันแล้วหรอ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนี้รักประธานเจ้าเล่ห์