ตอนที่ 370 ไม่ว่าจะใช้วิธีใด
ตอนนี้ชีวิตที่ด้อยค่าของเขาถูกคนอื่นช่วยมา ทุกคนอยากจะให้เขาตาย ก็คงไม่ใช่เรื่องยากอะไร
คนที่สภาพจิตใจยิ่งอ่อนแอลง ส่วนมากถ้าเป็นตอนนี้ก็คงเลือกที่จะไกล่เกลี่ย ชายผู้นี้ก็เช่นกัน
เขาไม่รู้จะพยักหน้าอย่างไร จึงพูดแทน “โอเค โอเค”
“ก่อนที่จะระเบิด เขาอยู่พวกแกใช่ไหม?” เมื่อถามถึงตรงนี้ ทาวัตก็ตื่นเต้นราวกับมีคนยกหัวใจของเขาขึ้นมา มือทั้งสองที่อยู่ข้างตัวกำไว้แน่น
กวินกุมมือเล็กๆนั้นแน่น จ้องชายผู้นั้นอย่างไม่คราดสายตา
ชายผู้นั้นกัดฟันกรอด แล้วจึงค่อยๆเปิดปาก “เธอ เธอโดดลงทะเลไปพร้อมกับอีกคนแล้ว…”
โดดทะเล?
ตอนที่ระเบิดวรินทรไม่อยู่บนเรือ?
นัยน์ตาสีดำขลับของทาวัตทอประกายออกมา ซึ่งเป็นแบบเดียวกวิน
“แต่ว่า ต่อให้เขาโดดลงทะเลไป ในอากาศที่อุณหภูมิต่ำและในน้ำที่เย็นเยือกเช่นนั้น เกรงว่าจะ…” เอที่ยืนเงียบอยู่นาน เปิดปากพูดขึ้นมา ทำให้สองพ่อลูกไขสาเหตุออก
ใช่สิ ในสถานการณ์แบบนี้ ถึงแม้วรินทรจะไม่ได้ประสบอุบัติเหตุ แต่เขาก็คงหนีไม่พ้นอาการอันโหดร้ายกลางทะเลอยู่ดี
จะมีเปอร์เซ็นที่จะรอดซักเท่าไหร่ ต่ำเสียจนขั้นสุด
แล้วรู้สึกภายในห้องอากาศหนาวลง เอส่งสายตาสงสัยให้เอฟ ฉันพูดอะไรผิดไป?
เอฟจ้องมาอย่างช่วยไม่ได้ เรื่องอะไรไม่พูด มาพูดเรื่องนี้ นี่มันไม่ใช่การเพิ่มปัญหาเข้าไปหรอ?
“เพียงแค่ตอนนี้มีความหวังซักนิด ฉันก็จะไม่วางมือง่ายๆ” สายตาที่ทอประกายโศกเศร้าของทาวัตเปลี่ยนเป็นมุ่งมั่น กุมมือกวินแน่น แล้วพูดขึ้น “ปกเกศ ส่งคนไปตามหาในทะเลและเกาะต่างๆ เธอจะต้องมีชีวิตอยู่”
เธอจะต้องมีชีวิตอยู่
นี่ไม่ใช่เพียงความคิดของทาวัตเอง หรือกวิน
ก่อนที่จะได้รับข่าวคราวว่าเธอตายแล้ว พวกเขาจะไม่ลามือไปง่ายๆ
“ใช่ครับ คุณชาย พรตกลับมาแล้ว” ปกเกศรีบพูดขึ้น เขาลังเล แต่สุดท้ายก็พูดออกมา
ณ ตอนนี้ เอฟก็ได้ข่าวแล้ว กวินจึงพูด “ท่านนายน้อย เม กลับมาแล้ว”
ทั้งสองคนพูดขึ้นแทบจะพร้อมกัน และที่พูดออกมาก็เหมือนกัน
สายตาของทาวัตและกวินเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที นัยน์ตามีแววประกาย แล้วพูดขึ้นพร้อมกัน “รีบพาเขามา”
——
ประเทศนี้ มีสี่ฤดู แต่ไม่ใหญ่และเจริญเท่าประเทศซี เป็นพื้นแผ่นดินกว้างใหญ่
ตอนนี้เป็นเดือนหนึ่ง หิมะหยุดตกตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว และเช้าวันนี้ ก็ตกใหม่อีกครั้ง
ราวกับทั้งโลกถูกปกคลุมด้วยเสื้อขนเป็ดสีขาว ตรงที่ที่สามารถมองเห็น ล้วนเป็นสีขาวทั้งหมด
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ก็ไม่ทำให้ความผิดในใจเขาลดลง แต่เมื่อเวลาผ่านไป วรินทรแค้นเข้ากระดูกในขณะที่ยังสลบใสล
มีของสั่นอย่างแรงอยู่ในกระเป๋า เขากลัวว่าจะทำให้วรินทรตื่น จึงเปิดโหมดสั่นเอาไว้ มองดูที่หน้าจอ เขาลังเลไปซักพัก แล้วรับสาย
“หาคนเจอยัง?” เขายังไม่ทันได้เปิดปากพูด ปลายสายก็พูดขึ้นมาก่อน
เงียบไปชั่วครู่ จนคนนั้นเร่งขึ้น ประภาพจึงตอบ “อืม”
“ดีมาก ต่อไปต้องทำยังไงคงไม่ต้องให้ฉันพูดแล้วนะ ของที่ฉันอยากได้ ก็ต้องเอามาให้ได้ ไม่ว่าวิธีใดก็ตาม”
น้ำเสียงสั่งการเอาแต่ใจ ทำให้คนรู้สึกรังเกียจ
บนใบหน้าของประภาพเผยให้เห็นความขัดแย้ง มองดูวรินทรที่ยังสลบใสลอยู่ ในตาฉายแววสงสารและเจ็บปวด “รอก่อนนะ ตอนนี้อาการเธอยังสาหัส จะให้ลงมือยังไง?”
“สาหัส? ฉันให้แกพาเธอกลับมา ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ได้”
“นายดูถูกความสามารถของทาวัตเกินไปป่าว? ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนั้นหมดหนทาง ฉันถึงพาเขาโดดลงทะเล นายคงได้เสียเธอไปแล้ว” น้ำเสียงของประภาพแฝงความดุดัน น้ำเสียงที่พูดกับคนนั้น ก็ไม่ดี
คนนั้นเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงเปิดปากพูดขึ้น “แกอย่าลืม เธออยู่ในกำมือฉัน ถ้าแกกล้าตุกติกล่ะก็ ฉันจะทำให้แกไม่มีวันได้เจอเธออีก!และก็แก หึหึ”
ประภาพกำโทรศัพท์ในมือแน่น จนเป็นรอยขึ้นมา
นี่เป็นการขู่ แต่ประภาพรู้ดี ว่าคนนั้นพูดจริงทำจริง!
“รู้แล้ว” ตอบรับด้วยเสียงต่ำ แล้วตัดสายไป โยนโทรศัพท์ทิ้งไว้ แล้วเดินไปนั่งข้างวรินทรอีกครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนี้รักประธานเจ้าเล่ห์
ก็รู้นี่นาว่าตอนที่หายไปกำลังท้อง ทำไมไม่ถามถึงเด็ก...