ตอนที่377 เธอไม่ต้องกลัว
หลังจากเธอกลับมาถึงที่พักแล้ว ทุกคนต่างก็กำลังทำงานของตัวเอง แต่ไม่มีใครสนใจเธอเลยแม้แต่น้อย
ประภาพยืนอยู่ด้านหลังของเธอ ไม่ได้เข็นเธอไปต่อ เขารู้ว่า คนที่เคยเกลียดเขามากอย่างวรินทร จะเชื่อใจเขาง่ายๆได้ยังไงล่ะ
เขารีบเร่งเกินไปหน่อย
แต่ทันใดนั้นเอง ก็เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้น
ในคฤหาสน์ทุกวันคนงานจะต้องเช็ดเครื่องลายครามสะอาดหมดจดยู่เสมอ
บนบันไดชั้นสอง มีคนงานคนหนึ่งกำลังเช็ดเครื่องลายครามอยู่ ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆก็เกิดลื่นหลุดมือขึ้นมา ทำให้เครื่องลายครามนั้นหล่นลงมากระแทกพื้นอย่างแรง
และด้านนั้น วรินทรพึ่งจะผ่านไปเมื่อกี้นี้เอง
“เอ้ย!” คนงานคนนั้นตกใจกลัวจนสั่นไปหมด ไม่กล้าแม้แต่มองลงไปด้านล่าง
ปัก เพล้ง
เป็นเสียงที่เครื่องลายครามนั้นตกลงบนตัวคนก่อน ค่อยตกลงบนพื้น เสียงดังฟังชัดมาก
ซักพักคนงานคนนั้นถึงกล้ายื่นหัวออกไปมองดูข้างล่าง ก็มองเห็นจรินทร ที่ตอนแรกน่าจะโดนเครื่องลายคราม ตกใจอยู่ในอ้อมกอดของประภาพ วันนี้เขาใส่เสื้อสีขาวแต่ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยเลือด แต่ถึงยังงั้นก็ไม่ยอมปล่อยจรินทรออกจากอ้อมอก
จรินทรมองหน้าที่หล่อเหลาของประภาพด้วยความตกใจ แต่ถึงเขาจะพยายามที่สุดแล้ว แต่หลังของเขาก็โดนกระแทกเต็มๆ จะทำยังไงดีเนี่ย?
ทำไมเธอคิดไม่ถึงว่า เมื่อกี้ตอนอยู่ด้านนอกเธอแดกดันเขามากมายขนาดนั้น แต่พอเข้ามา เขากลับปกป้องเธอ
ที่จริงแล้วเมื่อกี้ตอนที่จรินทรเห็นเครื่องลายครามกำลังตกลงมา เธอไม่มีแม้แต่เวลาที่จะหลบ เพราะว่าเธอนั่งอยู่บนรถเข็น และการที่จะหลบนั้นก็เป็นเรื่องที่ยากมากจริงๆ
แต่ไม่ว่าจะยังไงเธอก็คิดไม่ถึงเลยว่า ประภาพจะใช้ตัวเองในการบังเครื่องลายครามนั้นให้กับเธอ
ภาพเหตุการณ์นี้....เหมือนเคยเกิดขึ้นมาแล้วเลย
ความสับสนได้คลืบคลานเข้ามาในใจเธอตอนนี้เธอไม่ได้ยินเสียงภายนอกอะไรทั้งนั้น จมอยู่ในโลกของตัวเอง
"วรินทร ไม่ต้องกลัวนะ" ประภาพพยายามฝืนยิ้มออกมาเพื่อปลอบเธอ แต่ความเจ็บปวดมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
วรินทรมองหน้าเขาด้วยความตกใจ เธอตกตะลึงเป็นอย่างมาก แม้แต่คนงานที่มาเก็บเศษกระเบื้อง เธอยังไม่รู้ตัวเลย
คนงานที่อยู่บนชั้นสองยังคงช็อกอยู่ เธอทำเรื่องที่ผิดมหันต์ ยากที่จะหลบหนี แต่ว่า...
เธอหันกลับไปมองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของเธอ ตกใจจนพูดจาติดๆขัดๆ "คุณ คุณสิบสอง ไม่ใช่ฉันนะคะ ไม่ใช่ฉันจริงๆ"
เมื่อกี้ชัดเจนเลยว่าสิบสองผลักมันลงไปจากมือเธอ เธอไม่ได้ทำ เธอไม่ได้ทำจริงๆ เธอยังไม่อยากตาย!
สิบสองมองเธอด้วยสายตาสงสาร มองภาพเหตุการณ์วุ่นวายที่อยู่ด้านล่าง แล้วก็ยิ้มมุมปาก "วางใจเถอะ เดี๋ยวฉันจะจ่ายเงินให้เธอเอง วันนี้เธอช่วยพวกเราไว้เยอะเลย"
คนงานคนนั้นรีบส่ายหัว "ไม่ค่ะไม่ คุณสิบสอง ฉันไม่อยากได้อะไรทั้งนั้น ฉันไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ฉันจะรีบเก็บของไปจากที่นี่ค่ะ!"
"ฮ่าฮ่า ฉันชอบคนฉลาดแบบนี้เนี่ยแหละ ไปเถอะ ไม่ไปส่งนะ" สิบสองยิ้มอย่างพอใจ พอพูดจบ ก็หมุนตัวละเดินออกไป
คนงานถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ตอนแรกก็คิดว่าตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากซะแล้ว ใครจะคิดว่าทันทีที่เธอหันหลังไป ก็โดนคนเอาผ้าปิดจมูกและนำตัวเธอไป
วรินทรมองหลังของทั้งสองคนที่เดินออกไป ไม่ได้ยินว่าพวกเขาคุยอะไรกัน ในใจก็รู้สึกสงสัย ความเจ็บปวดที่หัวของเธอทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก
ยิ่งเกิดเหตุการณ์เมื่อกี้ขึ้นอีก เธอยิ่งรู้สึกปวดหัวขึ้นไปใหญ่ ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิด
เธอกุมหัวแน่น ปวดจนตัวงอ กัดริมฝีปากตัวเองอย่างรุนแรง เธอกัดริมฝีปากบางๆของตัวเองอย่างรุนแรง แต่ก็ไม่สามารถบรรเทความเจ็บปวดที่หัวของเธอได้
แถมตอนนี้คุณหมอกับสิบสองกำลังคุยกันอยู่ที่อื่น ก็เลยไม่มีใครรับรู้อาการของเธอ
ผ่านไปซักพัก ความเจ็บปวดถึงค่อยๆหายไป แต่ว่าร่างกายของเธอเหงื่อออกจนเปียกไปหมด เหมือนพึ่งขึ้นมาจากน้ำ
วรินทรวางแขนลงช้าๆ ลืมตาขึ้น ความเจ็บปวดเมื่อกี้นี้มันหายไปแล้ว ก็ยืดตัวขึ้นพิงพนักเก้าอี้ แล้วก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
แล้วเธอก็หันหน้าไปมองคุณหมอกับสิบสองที่พึ่งคุยกันเสร็จและเดินกลับมา แววตาเต็มไปด้วยความสงสัย
“เขา...เป็นยังไงบ้าง?”
สิบสองพูดจากระแทกกระทั้นเธออย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ไม่มีอะไรร้ายแรงหรอก ก็แค่ซี่โครงหักหนึ่งซี่ ไม่ได้เจ็บถึงอวัยวะภายใน”
แค่ซี่โครงหักหนึ่งซี่งั้นเหรอ?
วรินทรเม้มปากแน่น เธอไม่เห็นด้วยกับความคิดแปลกๆของสิบสอง เธอจ้องมองไปยังประตูห้องของประภาพที่ถูกปิดอยู่แล้วกัดปากด้วยความลังเล “ฉันเข้าไปดูเขาได้ไหม?”
“เธอจะเข้าไป? เธอจะเข้าไปทำไม? ไปพูดจาเสียดสีเขาอีกงั้นเหรอ?” สิบสองหัวเราะเย้ยหยัน ไม่มีความเป็นมิตรเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป และเปิดประตูออก “เธอกลับไปเถอะ ฉันกลัวเขาเห็นเธอแล้วจะกระอักเลือด อาการแย่ลง”
พอพูดจบ เธอก็ปิดประตูลง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนี้รักประธานเจ้าเล่ห์
ก็รู้นี่นาว่าตอนที่หายไปกำลังท้อง ทำไมไม่ถามถึงเด็ก...