ตอนที่ 42 เสพติดการจูบ?!
“ความจริงแล้วสิ่งที่ฉันคิดถึงที่สุดก็คือขนมเกาลัดที่อยู่ที่ถนนส้มโอน่ะค่ะ” ท่ามกลางสายตาที่เป็นประกายอยากรู้อยากเห็นของทุกคนในห้อง คำตอบของวรินทรช่างทำให้ทุกคนเหนือความคาดหมายมากจริงๆ
ขนมเกาลัด?
คำตอบของเธอทำให้ทุกคนถึงกับตะลึงก่อนจะค่อยๆเหลือบไปมองทางทาวัต
มือที่จับแก้วไวน์อยู่ของทาวัตแข็งเกร็งขึ้นมาจนข้อนิ้วขึ้นสีขาว ท่าทางของทาวัตทำให้ธรรศถึงกับสร่างเมาขึ้นมาทันที ในใจของชายหนุ่มกำลังคิดหาทางออกแก่ตัวเอง ถ้าเขาแกล้งเมาจนสลบไปทาวัตคงไม่กล้าทำอะไรเขาหรอกนะใช่ไหม?
ด้านวรินทรที่นั่งอยู่ข้างกายของเขาก็สัมผัสได้ถึงไอเย็นที่แผ่ออกมาจากคนข้างๆ เย็นจนแทงทะลุเข้ามาในกระดูกของเธอเลยทีเดียว หญิงสาวหนาวจนต้องกอดร่างของตัวเองไว้ โชคดีที่ทาวัตไม่คิดจะทำอะไรเธอ
กว่าที่งานสังสรรค์จะเลิกก็ปาไปเกือบห้าทุ่มแล้ว ธรรศก็ยังคงแกล้งเมาไม่ยอมลืมตาปล่อยให้นรชัยพยุงเขาขึ้นรถของตัวเองจากนั้นก็แวะส่งคาร่าซึ่งอยู่ในเส้นทางเดียวกันกลับบ้าน
ความจริงแล้วมันไม่ใช่ทางเดียวกันเลยสักนิดแต่นรชัยจงใจให้ทาวัตและวรินทรมีโอกาสอยู่ด้วยกันสองต่อสองมากกว่า
บูกัตติ เวย์รอนสีดำคันหรูขับไปตามท้องถนนในเมืองช่วงค่ำ
วรินทรนั่งตัวแข็งอยู่ที่เบาะข้างคนขับรถ บรรยากาศในรถเงียบมาก ลมยามค่ำคืนที่เย็นสบายพัดเข้ามาทางหน้าต่างที่ถูกลดลงมาครึ่งหนึ่งทำให้วรินทรที่ก่อนหน้านี้มึนเมาเล็กน้อยเริ่มสร่างขึ้นมา
กระจกรถด้านข้างสะท้อนให้เห็นใบหน้าของทาวัต เสี้ยวใบหน้าของชายหนุ่มทำให้เธอมองไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ข้อศอกถูกวางไว้ที่ด้านข้างของหน้าต่างรถ นิ้วของเขาเคาะเบาๆเป็นจังหวะ วรินทรรู้ดีว่าเวลาที่ผู้ชายคนนี้อารมณ์ไม่ดีเวลาขับรถเขามักจะทำท่าทางเหล่านี้อยู่เสมอ
เขาอารมณ์ไม่ดี
เมื่อมองดูทิวทัศน์ยามค่ำคืนผ่านทางหน้าต่างแบบนี้ จู่ๆวรินทรก็นึกถึงความทรงจำที่เธอเคยขาดหายไป
พี่ทาวัตในความทรงจำของเธอก็เหมือนกับในตอนนี้
เวลานั้นเธอยังเป็นเด็กน้อยที่อยู่ท่ามกลางกองเงินกองทอง
ในความทรงจำของเธอ ครั้งแรกที่เธอได้พบกับพี่ทาวัต ตอนนั้นเธอยังเป็นเพียงเด็กน้อยที่ชอบวิ่งซนไปทั่วทั้งยังพูดมากในช่วง เวลาที่เธอเป็นเด็กเธอมักจะชอบของกินขนมหวานที่มันเยิ้ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งขนมเกาลัด
เวลานั้นคุณแม่ของเธอมักจะไปร้านขายขนมหวานที่ถนนส้มโอเพื่อซื้อขนมเกาลัดกลับมาให้เธออยู่เสมอ
ตอนนั้นชยุตก็มักจะมาหาพวกเธออยู่เสมอ ในสายตาของเด็กน้อยอย่างเธอพวกเขาดูรักใคร่กันมาก แต่ในความเป็นจริงแล้วตอนนั้นเธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าจริงๆเธอเป็นแค่ลูกสาวนอกสมรสของเขา ส่วนแม่ของเธอก็เป็นเพียงแค่เมียน้อยเท่านั้น
ตอนนั้นเธอยังจำได้ว่าเพียงแค่ต้องการจะวิ่งไล่ตามน้องหมาพันธุ์ซามอยด์ตัวหนึ่งไม่ระวังทำขนมเกาลัดตกพื้น ขนมเกาลัดชิ้นนั้นกลิ้งหลุนๆไปจนถึงหน้าประตู
เด็กสาวก็รีบวิ่งตามเจ้าก้อนเกาลัดนั้นไปเพื่อจะเก็บขึ้นมาแต่ทันใดนั้นเองก็มีมือป้อมๆของใครบางคนหยิบมันขึ้นจากพื้นไปต่อหน้าต่อตา
เด็กหญิงวรินทรเงยหน้าขึ้นมองเด็กชายคนหนึ่งที่กำลังถือขนมเกาลัดของเธออย่างหวาดระแวง ด้วยความที่เด็กหญิงวรินทรห่วงว่าจะถูกแย่งของโปรดไปเธอก็กัดเข้าที่มือของเด็กชายคนนั้นอย่างแรงจนขนมเกาลัดตกลงไปที่พื้นอีกครั้ง
วรินทรมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ที่เบาะข้างๆอย่างหวาดระแวงกับท่าทางคุกคามของเขา แต่ดวงตากลมโตก็ยังมีความสงสัยอยู่ “คุณคือพี่ทาวัตหรือคะ?”
“เธอจำขนมเกาลัดได้แต่จำผมไม่ได้เนี่ยนะ?” ทาวัตขยับเข้าไปใกล้หญิงสาวมากขึ้นอีกนิด ลมหายใจร้อนผ่าวผสมแอลกอฮอล์ของเขารดอยู่บนหน้าเธอทำเอาหน้าเธอร้อนจนเกือบไหม้
“คุณจะทำอะไรคะ?” ดวงตาของวรินทรเปิดกว้าง เธอเม้มริมฝีปากไว้แน่น
ริมฝีปากของทาวัตเอ่ยชิดริมฝีปากของเธอ ยิ่งยามที่เขาขยับปากพูดยิ่งทำให้ริมฝีปากของคนทั้งคู่สัมผัสกันแผ่วเบา “ผมจะทำอะไรงั้นหรือ? ก็แค่พิสูจน์อะไรหน่อยก็เท่านั้น”
พูดจบ ริมฝีปากอุ่นร้อนก็แนบสนิทเข้ากับริมฝีปากของหญิงสาว ก่อนลิ้นร้อนๆจะกวาดไปทั่วโพรงปากของเธอ
วรินทรเบิกตากว้างมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา ครั้งที่สอง! ครั้งที่สอง! นี่เขาคงไม่ใช่พวกเมาแล้วเสพติดจูบคนหรอกนะใช่ไหม?!
ทาวัตยึดใบหน้าของเธอไว้แน่นไม่ยอมให้หญิงสาวขัดขืน แพขนตาของหญิงสาวกระพริบเบาๆ ชายหนุ่มจริงจังกับการจูบครั้งนี้ราวกับว่าจูบครั้งนี้มันล่ำค้าและสำคัญสำหรับเขามาก
ล้ำค่า? สำคัญ?
วรินทรไม่เข้าใจว่าทำไมเธอจึงคิดแบบนี้ แต่ตอนนี้หัวมองของเธอเบลอไปหมด มันล่องลอยจนเธอแทบจะเป็นลมหมดสติ
บรรยากาศในรถค่อยๆอุ่นร้อนขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้ว่านานแค่ไหนทาวัตถึงยอมปล่อยเธอให้เป็นอิสระและเริ่มออกรถอีกครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนี้รักประธานเจ้าเล่ห์
ก็รู้นี่นาว่าตอนที่หายไปกำลังท้อง ทำไมไม่ถามถึงเด็ก...