ตอนที่ 67 เชื่อมามี๊ไม่มีผิด!
ปากของวรินทรชะงักๆ ทันใดนั้นรู้สึกเจ็บกว่าแผลที่ขาอีก แต่เท่าที่ดูทาวัตก็ยังไม่รู้เรื่องของกวิน
“แน่นอน จำได้สิ ที่แท้ก็เป็นพิษณุกรนี้เอง พี่รินคิดถึงแกแทบตายแหน่ะ” วรินทรยื่นมือไปบีบแก้มของกวินเหมือนรักและสนิทสนมมาก พอทาวัตมองไม่เห็นก็ทำหน้าโหดๆใส่ เหมือนกำลังบ่งบอกว่า เดี๋ยวแกตายแน่
“ดีเลย”กวินยิ้มโดยบังคับตัวเอง ซวยแล้วตู
“เหอะๆ ความสัมพันธ์พวกคุณดีมากเลยนะ” ทาวัตพูดเหมือนจะหึงหน่อยๆ นอกจากเขา ก็ไม่เคยเห็นวรินทรสนิทสนมกับใครขนาดนี้ แต่มั่นใจแล้วว่าวรินทรรู้จักกวินจริงๆ เขาก็วางใจละ
“ทาวัต ฉันหิวแล้ว” วรินทรหันไปมองทาวัตกะทันหัน แววตาที่น่าสงสาร มองจนทาวัตใจอ่อน
“อยากกินอะไร ผมสั่งปกเกศไปซื้อมาให้คุณ”นานๆทีวรินทรจะอ้อน จึงทำให้ทาวัตอารมณ์ดีขึ้นมากมาย
“ไม่ ฉันจะให้คุณไปซื้อให้ฉัน ฉันจะกินอาหารแนะนำร้าน whv cake ที่ถนนสายไหม แล้วก็ซาลาเปาน้อยร้านนั้น!”น้ำเสียงอ่อนโยนและนุ่มนวลน่าฟัง อาจเป็นเพราะป่วย เพราะฉะนั้นเวลาฟังจึงทำให้รู้สึกว่าอ่อนนุ่มมาก
ทาวัตขมวดคิ้วเบาๆ ปฏิเสธเธอ “ไม่ได้ คุณเพิ่งฟื้น กินของหวานมันเกินไปไม่ได้”
สีหน้าของวรินทรแย่ลงทันที จริงๆแล้วเธอแค่อยากหลอกให้ทาวัตออกไป จึงพึ่งพาความป่วยมาอ้อนเขาเฉยๆ
“เอางี้ ผมจะไปซื้ออาหารคลีนร้านนั้นมาให้ คุณรอผมนะอย่าดื้อ”ทาวัตใจอ่อน ยื่นมือลูบหัวของเธอ แล้วเดินออกไป
เสียงประตูปิดปุ๊ป วรินทรไม่แน่ใจว่าปกเกศเฝ้าอยู่ข้างนอกหรือเปล่า ดึงคอเสื้อของกวินมานั่งข้างๆบนเตียงนอน บีบๆหมุนๆใบหน้าของกวิน
“มามี๊ครับ เบบี้เจ็บ”กวินทำเป็นอ่อนแอ หดคอลง
“ใครเป็นมามี๊แก?ฉันเป็นพี่สาวแก!”วรินทรก็ยังเป็นห่วง เบาแรงลง หือๆ นอกจากขาที่ขยับไม่ได้ แรงก็เยอะเหมือนเดิม
“ใครบอก! แค่เราสองคนเดินออกไปข้างนอก ใครที่มีตาดูก็รู้ว่าเราคือแม่ลูกกัน!”กวินมองวรินทรด้วยความเอาใจ เพื่อก้นของตัวเอง ห้ามขัดมามี๊เด็ดขาด
วรินทรออกเสียงไปทีหนึ่ง ปล่อยมือไป “สารภาพมา แกมาอยู่ที่นี้ได้ยังไง?ฉันจำได้ว่าวันนี้แกต้องไปเรียน!”
กวินไม่กล้าบอกหรอกว่าให้เอฟลาให้เรียบร้อยแล้ว ได้แต่เปลี่ยนเรื่อง “มามี๊ พี่ผู้ชายสุดหล่อเมื่อกี้หน้าเหมือนเบบี้จัง เป็นแดดดี๊ของเบบี้หรือเปล่าน้าาาา?”
อะไร?!
หนามในตัววรินทรจะตั้งขึ้นหมดแล้ว มองกวินที่ถามอย่างจริงจัง “เบบี้ทักทายเขาแล้ว?”
“ยังหน่า เบบี้ก็อย่างนี่มาตลอดแหละ”กวินยกๆแว่นดำบนจมูก “แต่เหมือนกับเบบี้มากเลย จริงๆนะ หล่อด้วย”
วรินทรโล่งอกไปที ขอแค่ทาวัตไม่รู้ก็ดีแล้ว เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้กะทันหันแล้วพูด “เบบี้ มามี๊เคยบอกแล้ว
เบบี้ออกมาจากแตงโมที่มามี๊หั่น กว่าจะหั่นออกมา มามี๊ดูแลไปตั้งสิบเดือนแหน่ะ เพราะฉะนั้นเบบี้ห้ามคิดมั่วซั่ว”
ริมฝีปากกวินชะงักๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาเชื่อแน่นอน แต่ว่ามามี๊อ่า แดดดี๊เพิ่งออกไปมามี๊ก็พูดแบบนี้มันดีหรอ?
“ถ้าเบบี้ไม่เชื่อมามี๊มีรูป”วรินทรนวดๆหน้าของกวิน มือนวดได้ดีมาก
อย่าคิดที่จะใช้รูปที่เอาเมล็ดแตงโมติดไว้แล้วมาหลอกเขาอีกเลย!
กวินเงียบ ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่สนใจ
“เบบี้ ตราบใดที่ลุงคนเมื่อกี้อยู่เบบี้ห้ามถอดหมวกและแว่นออกเด็ดขาดรู้ไหม”วรินทรพูดกับกวินด้วยความหนักใจ สายตามองที่ประตูตลอด เกรงว่าทาวัตจะกลับมากะทันหัน
พูดอยู่ดีๆ ก็หยิบซาลาเปาขึ้นมาหนึ่งลูกยัดเข้าไปในปากกวิน ยัดปกปิดคำพูดต่อไปนี้ของกวิน
“ฉันเนี่ย” ทาวัตหรี่ตา สองมือกอดอกก้มมองวรินทรเพราะร่างกายเขาสูง
วรินทรกำลังจะดื่มโจ๊กหมูเด้ง ได้ยินเขาพูดแบบนี้รู้สึกแปลกใจ มองเขาแล้วพูด “คุณไม่ไปทำงานหรอ?”
พูดจบประโยคนี้สีหน้าทาวัตยิ่งแย่เลย ผู้หญิงไม่รู้จักบุญคุณ เขาเฝ้าเธอทั้งคืน เธอตอบแทนเขาแบบนี้หรอ?
กวินฟังวรินทรพูดเกือบหัวเราะออกมาละ มามี๊ซื่อบื้อที่สุด แดดดี๊อยู่เฝ้าที่นี้ก็เพราะเป็นห่วงเธอนั้นแหละ ขนาดกวินยังรู้เรื่อง แต่มามี๊กลับไล่แดดดี๊กลับ แดดดี๊ผู้น่าสงสาร
“แกหัวเราะอะไร?”วรินทรหันไปมองกวินด้วยความแปลกใจ ทั้งเบบี้ใหญ่เบบี้น้อยก็ร่วมมือกัน เธอยังใจเย็นได้ขนาดนี้ วรินทรรู้สึกว่าความอดทนของตนสูงจริงๆ
แต่ เหมือนเธอรังแกคนสองคนพร้อมกันในเวลาเดียวกัน คนหนึ่งคือทาวัต คนหนึ่งคือกวิน
สำหรับทาวัตเธอรู้สึกผิดนิดเดียว แต่สำหรับกวิน วรินทรรู้สึก ไม่ยุติธรรมกับเขา
ความตกต่ำในใจของวรินทร ต่อมาก็มองแรงใส่ทาวัต ถ้าไม่ใช่เพราะเขา เบบี้ของเธอจะลำบากแบบนี้ได้อย่างไร!
แต่ว่า กวินลำบากจริงหรือเปล่า?ในใจเขาดีใจแค่ไหนก็ไม่รู้
“วันนี้ไม่ไปบริษัทแล้ว”ทาวัตเดินไปข้างโซฟาแล้วนั่งลง หยิบหนังสือพิมพ์ที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาดู
วรินทรดื่มโจ๊กไปคำหนึ่งถามด้วยความสงสัย
“บริษัทล้มละลายหรอ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนี้รักประธานเจ้าเล่ห์
ก็รู้นี่นาว่าตอนที่หายไปกำลังท้อง ทำไมไม่ถามถึงเด็ก...