บทที่ 327 กลับขาวเป็นดำ
ปากที่ดุร้ายของงูยักษ์ ในตอนที่อยู่ห่างจากตัวของลู่เสี้ยงหยางเพียงครึ่งเมตร ทันใดนั้นก็หยุดนิ่งตัวแข็งทื่อ
ดวงตาสีแดงจ้องเขม็งไปที่จี้หยกคาดเอวที่อยู่ข้างตัวลู่เสี้ยงหยาง
จี้หยกชิ้นนี้เพิ่งจะตกลงมาจากตัวของลู่เสี้ยงหยาง และเป็นของขวัญที่ท่านผู้อาวุโสไฟนภามอบให้ลู่เสี้ยงหยางก่อนจากไป
ฟ่อว!
ร่างขนาดมหึมาของงูยักษ์เริ่มสั่นสะท้านขึ้นมาและดูเหมือนหวาดกลัวอย่างมาก หลังจากเปล่งเสียงร้องออกมาแล้ว หัวที่เชิดสูงขึ้นก็ลดต่ำลงมาในทันที
ใบหน้าของลู่เสี้ยงหยางเต็มไปด้วยความงุนงง จากนั้นเขาก็สังเกตเห็นจี้หยกที่อยู่ข้างตัวเขา
เขาเอื้อมมือไปหยิบจี้หยกขึ้นมา
ภาพเหตุการณ์นี้ตกอยู่ในสายตาของงูยักษ์ทำให้งูยักษ์กลัวมากยิ่งขึ้น ในปากส่งเสียงกรีดร้องออกมา ทันใดนั้นก็หันหัวขนาดใหญ่กลับไปแล้วพุ่งออกจากถ้ำอย่างไม่คิดชีวิตราวกับว่าเจอสัตว์ที่เป็นศัตรูกันตามธรรมชาติ
นี่มัน!
ลู่เสี้ยงหยางตกตะลึงไปในพริบตา หรือว่าจี้หยกชิ้นนี้ของตัวเองจะมีมนต์ขลังที่ทำให้ทำอะไรไม่ได้?
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าจี้หยกคาดเอวชิ้นนี้เป็นสิ่งที่อาจารย์ทิ้งไว้ให้เพื่อระลึกถึง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่เรียบง่ายขนาดนั้น
ทันใดนั้นเขาจ้องมองจี้หยกคาดเอวชิ้นนี้อย่างระมัดระวังอยู่เป็นเวลานานหลังจากวิเคาระห์ซ้ำไปซ้ำมาแล้วก็ไม่ได้ผลลัพธ์อะไร
…….
ทางด้านของเย่สวน
เธอร้องไห้อย่างหนักเป็นเวลานาน ร้องไห้จนเสียงที่ลำคอแหบแห้งไปหมดแล้ว ในใจของหวังเสว่เป็นทุกข์อย่างมาก
ตอนนี้เอง เย่สวนนึกได้ถึงอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นก็พูดว่า : “ฉันจะไปตามหาลู่เสี้ยงหยาง ฉันไม่เชื่อว่าเขาตายแล้ว”
พูดแล้วเธอก็เช็ดน้ำตาพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่งูยักษ์รัดเอาตัวลู่เสี้ยงหยางไปเมื่อสักครู่นี้
หวังเสว่ตัดสินใจร่วมเดินทางไปกับเย่สวนโดยไม่คิดเลย ด้วยกลัวว่าเธอจะเจอกับงูยักษ์ตัวนั้นอีกครั้งระหว่างทางจึงรีบตามไปทันที
ซุนยีเฉินต้องการที่จะแสดงออกต่อหน้าหวังเสว่อีกครั้งอยู่ตลอดเวลา เพื่อสร้างภาพลักษณ์ของเขา ในตอนนี้ เขาเองก็อยากจะตามไป แต่เมื่อคิดถึงความกลัวที่จะได้เจอกับงูยักษ์ตัวนั้นอีกครั้งก็เกิดขี้ขลาดขึ้นมา
และเซี่ยงหยู่โม่หลังจากที่เพิ่งจะเอาแต่พูดว่าชอบเย่สวนและต้องการปกป้องเธอต่อจากนี้ ได้กลายเป็นเต่าหดหัวและแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่เย่สวนพูด
กงหยู่หนิงส่งเสียงฮึดฮัดในจมูก คนพวกนี้ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเขยแต่งลู่เสี้ยงหยางคนนี้เลย แต่ในแง่ของความกล้าหาญองอาจ พวกเขาล้วนแต่ห่างไกลไม่สามารถเทียบกับลู่เสี้ยงหยางได้เลย
ดังนั้นเธอจึงเดินออกไปและเตรียมพร้อมจะออกไปตามหาลู่เสี้ยงหยางพร้อมกับเย่สวน
คนจำนวนไม่น้อยมองดูภาพเหตุการณ์นี้ ในใจรู้สึกอิจฉาลู่เสี้ยงหยางหาที่เปรียบไม่ได้ ไอ้ขยะลู่เสี้ยงหยางคนนี้ มันมีดีอะไร ตายก็ตายไปแล้ว ยังสามารถทำให้เทพธิดาทั้งสามคนออกไปตามหาได้อีก
หลังจากนั้น เย่สวนก็เดินลงไปบนสนามหญ้า เมื่อเดินไปได้สองสามก้าวก็รู้สึกเจ็บปวดใจจนไม่สามารถควบคุมไว้ได้จึงร้องไห้สะอึกสะอื้นขึ้นมาอีก : “ลู่เสี้ยงหยาง คุณต้องมีชีวิตอยู่นะ ขอเพียงคุณกลับมาอย่างปลอดภัย จากนี้ไปฉันจะฟังคุณทุกอย่าง คุณอยากให้ฉันทำอะไร ฉันจะทำทุกอย่างเลย”
“ฮ่าๆ สวนเอ๋อ นี่เรื่องจริงเหรอ? จากนี้ผมให้คุณทำอะไร คุณจะทำหมดเลยใช่ไหม?” อย่างไรก็ตามในตอนนี้เอง มีเสียงหัวเราะเบาๆของชายคนหนึ่งดังขึ้น เย่สวนเงยหน้าขึ้นทันทีทันใดและมองเห็นลู่เสี้ยงหยางยืนอยู่ตรงหน้าตนเอง
เขายิ้มเบาๆให้ตนเอง รอยยิ้มบนใบหน้านั้นดูดีเป็นพิเศษ
หัวสมองของเย่สวนว่างเปล่าในชั่วพริบตาและมองลู่เสี้ยงหยางอย่างมึนงง
เขากลับมาแล้วจริงๆเหรอ?
พระเจ้า ผู้ชายคนนี้มีความกล้าหาญและพลังอำนาจมากเกินไปแล้ว ถูกงูยักษ์เอาตัวไปแล้วยังมีชีวิตรอดกลับมาได้ ทั้งๆที่ต้องพ่ายแพ้งูยักษ์นั่นอย่างแน่นอน
ลู่เสี้ยงหยางพูดอย่างสบายๆว่า : “งูยักษ์ตัวนั้นไม่ได้ร้ายกาจอะไรเลย ผมสุ่มแทงไปไม่กี่ครั้ง มันก็เชื่อฟังแล้ว”
ได้ยินคำพูดนี้แล้ว ผู้คนที่อยู่รายรอบจำนวนมากต่างพากันหัวเราะเยาะอยู่ในใจ
ไอ้เชี่ยนี่! เจ้าลูกเขยนี่เริ่มจะทำตัวลอยแล้ว คิดว่าตัวเองทำร้ายงูยักษ์จนหนีไปได้แล้วสามารถเป็นพระเจ้าได้แล้ว
บนหน้าซุนยีเฉินนั้นร้อนผ่าว เขารู้สึกว่าภาพอันงดงามของเขาถูกลู่เสี้ยงหยางแย่งไปแล้ว ดังนั้นจึงพูดด้วยท่าทีคลุมเครือว่า : “เย็ดแม่ม ไอ้เขยแต่งพิกลพิการคนนี้นี่ทำตัวอย่างกับเป็นมนุษย์จริงๆ ก็แค่ต่อสู้แล่ไล่งูยักษ์ตัวนึงให้หนีไปเท่านั้นเอง มีอะไรให้อวดล่ะ ตอนอยู่ที่บ้านนายรู้สึกว่าไม่มีตัวตน ตอนนี้พอออกมาข้างนอกเลยแสร้งทำเป็นค้นหาตัวเองสินะ น่าเสียดาย ไม่ว่านายจะแสดงละครยังไงก็ตาม นายก็เป็นแค่ตัวตลกที่กระโดดไปมา จะต้องถูกเหยียบอยู่ใต้เท้าชนชั้นสูงอย่างพวกฉันไปตลอดชีวิต”
ทันที่พูดคำนี้ออกมา หญิงสาวจำนวนไม่น้อยพากันเอามือปิดปากแล้วแอบหัวเราะ
ลูกเขยแต่งเข้าบ้านคนนี้ช่างไร้เดียงสาเหลือเกิน ถึงแม้ว่าจะต่อสู้และไล่งูยักษ์ไปได้แต่ก็ยังเป็นขยะอยู่ดี ต่อจากนี้จะดีอีกแค่ไหน อย่างดีที่สุดก็เป็นเพียงแค่สุนัขรับใช้ในสายตาคนรวยอย่างพวกเขาอยู่ดี และยังถูกพวกเขาควบคุมอยู่ตลอดเวลา
หวังเสว่ได้ยินคำพูดของซุนยีเฉินก็โกรธขึ้นมา หัวกลับมาจ้องมองเขาด้วยสายตาที่ดุร้ายและพูดว่า : “คุณหุบปากไปเลยนะ”
ซุนยีเฉินยักไหล่และพูดว่า “ผมพูดความจริง เสว่เอ๋อ คุณปฏิเสธไม่ได้หรอก”
ลู่เสี้ยงหยางพยักหน้ารับตามที่พูดแล้วมองไปที่หวังเสว่ด้วยรอยยิ้มกริ้มและพูดว่า: “ใช่แล้วล่ะเสว่เอ๋อ ผมต่อสู้และไล่งูยักษ์ไป มันไม่มีอะไรให้อวดหรอกครับ ที่จริงแล้วคุณไม่รู้ว่างูยักษ์ที่ผมต่อสู้แล้วไล่ไปตัวนั้นเป็นหุ่นยนต์งูปลอม ผมจ่ายเงินในราคาแพงเพื่อซื้อมาแสดงละครเพื่อจะได้แสดงความกล้าหาญ พอพิชิตคุณแล้วจะได้หลอกคุณไปขึ้นเตียง ฮ่าๆๆ ผมนี่มันฉลาด ต่ำช้า และน่าขยะแขยงมากใช่ไหมล่ะ?”
คำพูดนี้เป็นการจงใจพูดให้ซุนยีเฉินได้ยิน
แน่นอนว่าซุนยีเฉินโกรธจนเต้นเร่าๆทันที เขามองไปที่ลู่เสี้ยงหยางอย่างโกรธจัดและพูดว่า “แกกำลังพูดถึงใคร? กล้าพูดว่าฉันต่ำช้าและน่าขยะแขยงงั้นเหรอ เชื่อไหมว่าฉันฆ่าแกได้?”
ผู้คนทั้งหลายต่างพากันพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ซุนยีเฉินใช้เงินจำนวนมากหาซื้องูยักษ์ปลอมเพื่อเล่นละครตบตา ถ้าหากเรื่องนี้แพร่ออกไปข้างนอก น่ากลัวว่าจะต้องกลายเป็นเรื่องตลกขนานใหญ่
แต่ว่าไอ้เจ้าหมอนี่ก็ตลกจริงๆ วิธีแบบนี้ก็ยังคิดออกมาได้ ฮ่าๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนุ่มเศรษฐีลึกลับ