บทที่ 68 อาจถึงชีวิต
หลังจากที่จ้าวต้าไห่พูดประโยคนี้ออกมา สีหน้าของจ้าวหรูเย็นก็แย่ลง
สมองก็นึกถึงเหตุการณ์ที่คลับดีโอราในคืนนั้นโดยอัตโนมัติ ผู้ชายขี้ขลาดอย่างซูจื้อเฉิง เพื่อความปลอดภัยของตัวเองแล้ว เขาส่งเธอออกไปเป็นของขวัญอย่างไม่นึกลังเล
ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้ เธอก็รู้สึกขยะแขยงมากถึงมากที่สุด
ในอนาคตถ้าต้องแต่งงานกับผู้ชายแบบนี้ เธอกลัวว่าตัวเองคงแตกสลายจนอยากฆ่าตัวตาย
ตอนแรก จ้าวหรูเย็นคิดจะปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นหน้าซีดๆของผู้เป็นพ่อแล้ว เธอก็ลังเล เมื่อก่อนพ่อของเธอเคยสดใสมากกว่านี้ แต่หลังจากเหตุการณ์นั้น เขาก็ตกที่นั่งลำบาก ตอนนี้ความศรัทธาหนึ่งเดียวที่เขายังยึดถืออยู่คือคลินิกแห่งนี้ ถ้าหลังจากนี้คลินิกถูกปิดลง กลัวก็แต่พ่อของเธอจะได้รับผลกระทบอีกครั้ง จะสามารถยืนหยัดได้อีกหรือเปล่าก็ไม่อาจทราบได้
ซูจื้อเฉิงที่ก้าวขาออกไปนอกประตูแล้วข้างหนึ่งก็พลันหยุดนิ่ง
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาคงตอบตกลงอย่างไม่คิดลังเล แต่ตอนนี้ เขามีเป้าหมายใหม่แล้ว เขาต้องจับผู้หญิงรวยๆอย่างถังปิงหยู่ให้อยู่หมัด ต้องอาศัยอำนาจของตระกูลถัง เพื่อบรรลุความทะเยอทะยานของเขา
“ขอโทษนะครับ ตอนนี้ผมเปลี่ยนใจแล้ว ผมไม่ได้สนใจจ้าวหรูเย็นอีกต่อไปแล้ว ลุงจ้าว ต่อไปนี้เราอาจต้องเป็นคู่แข่งกันแล้วนะครับ….อ่อ ไม่สิ ผมว่าคลินิกเล็กๆอย่างนี้ คงเทียบโรงพยาบาลของตระกูลถังไม่ติดด้วยซ้ำ พวกคุณคงต้องแหงนมองผมอย่างเดียวแล้วล่ะ”
“นี่…..” จ้าวต้าไห่ทำหน้าเจ็บปวด พร้อมกับกำหมัดแน่น ถ้าไม่ใช่เพราะเคยผ่านเรื่องเมื่อตอนนั้นมา คลินิกของเขาคงรุ่งเรืองจนขยายเป็นโรงพยาบาลไปแล้ว และเขาก็จะได้เป็นคุณหมอที่โด่งดังที่สุดในเมืองปินเหอ แต่ว่าตอนนี้…….
เขาในตอนนี้ต่างอะไรกับอยู่กินให้รอดไปวันๆ
เมื่อลู่เสี้ยงหยางเห็นซูจื้อเฉิงกำเริบเสิบสานขนาดนี้ ก็ทนดูต่อไปไม่ไหว แสยะยิ้มแล้วพูดกับซูจื้อเฉิงว่า “กระดาษไม่เคยต้านไฟได้หรอกนะ สักวันความจริงก็จะปรากฏ สิ่งที่นายกลืนลงไปยังไงก็ต้องทะลักออกมาทั้งหมด”
เมื่อได้ยินดังนี้ ซูจื้อเฉิงก็ไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด ถ้าเกิดมีวันนั้นจริงๆ เขาก็คงกลายเป็นลูกเขยของตระกูลถังไปแล้วล่ะ ไม่แน่บางทีเขาอาจจะได้เป็นผู้คุมหางเสือของตระกูลถังก็ได้ ถึงตอนนั้นต่อให้เรื่องทุกอย่างถูกเปิดเผยออกมา แล้วยังไง
“ไอ้ทึ่ม เป็นแค่หมอแมะกระจอกๆ คิดจะพูดอะไร” ซูจื้อเฉิงหัวเราะหึๆ ไม่ได้คิดมากกับคำพูดของลู่เสี้ยงหยางเท่าไหร่
ลู่เสี้ยงหยางยักไหล่ เขาเองก็ขี้เกียจพูดแล้วเหมือนกัน
ซูจื้อเฉิงหันหลัง เดินเคียงไหล่ถังปิงหยู่ออกไปข้างนอก
ต่อมา ถังปิงหยู่กับซูจื้อเฉิงก็เดินมาถึงรถแลนด์โรเวอร์ที่จอดไว้ข้างนอก
เป็นรถที่ ถังปิงหยู่ขับมา
เมื่อเปิดประตูรถ ตอนที่ทั้งสองกำลังจะขึ้นรถ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งอุ้มผู้หญิงเดินเข้าคลินิกไปอย่างเร่งรีบ
ผู้หญิงหมดสติไปแล้ว บริเวณท้องมีเลือดไหลออกมา จนเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าไปหมด อีกอย่างเลือดก็ไหลออกมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
“หมอจ้าว ช่วยเมียผมด้วย รีบช่วยเมียผมที” ผู้ชายคนนั้นพูดกับจ้าวต้าไห่อย่างร้อนใจ
แค่เห็นว่าผู้หญิงหมดสติ จ้าวต้าไห่ก็รู้ทันทีว่าอาการคร่าวๆของเธอเป็นยังไง จึงส่ายหน้าแล้วพูดว่า “เจิ้นเจียง ภรรยานายเลือดออกเยอะมาก คลินิกเราทำการรักษาไม่ได้หรอก นายรีบพาเธอไปโรงพยาบาลดีกว่า”
ได้ยินแบบนั้น จางเจิ้นเจียงก็ไม่คิดเปลี่ยนใจ พูดยืนกรานออกมาว่า “หมอจ้าว ผมเชื่อว่าคลินิกของคุณจะช่วยห้ามเลือดให้เมียผมได้ คุณไม่ต้องห่วง ถึงครอบครัวผมจะจน แต่ผมมีเงินจ่ายค่ารักษาเมียผมแน่นอน”
พูดพร้อมกับล้วงหยิบเงินจำนวนหนึ่งหมื่นมาวางไว้บนโต๊ะ
“เฮ้อ” จ้าวต้าไห่ถอนหายใจออกมา เมื่อเห็นว่าจางเจิ้นเจียงเชื่อมั่นในคลินิกของตัวเองขนาดนี้ เขาก็รู้สึกละอายใจ
ไม่กี่วันก่อน ซูจื้อเฉิงห้ามเลือดให้ถังปิงหยู่ด้วยอุปกรณ์ที่น้อยนิดในคลินิกได้สำเร็จ ถือเป็นการสร้างปาฏิหาริย์ใหม่ให้แก่วงการแพทย์ และเพื่อเป็นการกระตุ้นธุรกิจ เขาก็ป่าวประกาศเรื่องนี้ออกไป จนตอนนี้คนในหมู่บ้านต่างก็รู้กันหมด ว่าคลินิกของพวกเขาสามารถห้ามเลือดได้ดีกว่าโรงพยาบาล
มาคราวนี้ พอภรรยาของจางเจิ้นเจียงเลือดออก เขาจึงอุ้มภรรยามาที่คลินิกเป็นอันดับแรก
เมื่อเห็นว่าจ้าวต้าไห่ยังไม่ลงมือ จางเจิ้นเจียงจึงคิดว่าเป็นเพราะเงินหมื่นหนึ่งมันยังน้อยไป เขาเลยกัดฟันพูดขึ้นว่า “หมอจ้าว ขอแค่คุณห้ามเลือดให้เมียผม ผมจะกลับไปเอาเงินที่บ้านมาให้เพิ่ม คุณต้องการเท่าไหร่บอกมาเลย”
“ไม่เป็นไรค่ะ หมอซู เรื่องทำความคุ้นเคยกับงานที่โรงพยาบาลตระกูลฉัน ค่อยเป็นค่อยไปก็ได้ ตอนนี้คุณไปรักษาคนไข้ก่อนเถอะค่ะ ถ้าช้ากว่านี้อาจจะถึงชีวิตก็ได้” ถังปิงหยู่แนะนำ
“โอเคครับ ถ้าคุณถังพูดมาอย่างนั้น งั้นผมก็คงต้องทำตาม” ซูจื้อเฉิงตอบตกลงด้วยใบหน้ากล้ำกลืน
ดูเหมือนวันนี้คงต้องใช้มุขเดิมอีกแล้ว เดี๋ยวให้ลู่เสี้ยงหยางมารักษากับเขา จากนั้นค่อยถือโอกาสแย่งความดีความชอบมาจากลู่เสี้ยงหยาง
“ขอบคุณหมอซู ขอบคุณมาก คุณคือผู้มีพระคุณของพวกเรา” เมื่อจางเจิ้นเจียงเห็นซูจื้อเฉิงตอบตกลง ก็โขกหัวขอบคุณรัวๆ
ไม่นาน ถังปิงหยู่กับซูจื้อเฉิงก็กลับเข้ามาในคลินิกอีกครั้ง
เมื่อเห็นผู้หญิงนอนเลือดอาบอยู่บนเตียง หนังตาของซูจื้อเฉิงก็เต้นตุบๆ พูดกับจ้าวต้าไห่ว่า “เดี๋ยวผมจะทำการช่วยชีวิตคนไข้ ทุกคนออกไปก่อน ยกเว้นลู่เสี้ยงหยาง ต้องอยู่ช่วยผม”
“ได้” จ้าวต้าไห่ตอบรับ โบกมือไล่ทุกคน พร้อมกับเดินนำจ้าวหรูเย็น ถังปิงหยู่และจางเจิ้นเจียงออกไปข้างนอก
“เฮ้ย ลู่เสี้ยงหยาง นายจะไปไหน? นายต้องอยู่ช่วยฉัน” ซูจื้อเฉิงสะดุ้งตกใจทันที เมื่อเห็นลู่เสี้ยงหยางเดินออกไปข้างนอก ไม่มีทีท่าว่าจะอยู่ช่วยกันเลย
“เหอะๆ” ลู่เสี้ยงหยางหัวเราะขึ้นมา แล้วพูดว่า “ฉันมันแค่หมอแมะกระจอกๆจะไปช่วยอะไรได้ เมื่อกี้นายย้ำนักย้ำหนาว่าตัวเองเก่งมากไม่ใช่เหรอ? จัดการเองสิ”
พูดจบ ลู่เสี้ยงหยางก็หันหลังปิดประตูคลินิก
ตุบ!
ซูจื้อเฉิงแข้งขาอ่อน ทรุดลงนั่งกับพื้น
ถ้าเป็นแบบนี้เขาอาจจะทำให้คนไข้เสียชีวิตก็ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนุ่มเศรษฐีลึกลับ