ห่วงรักคุณปีศาจ นิยาย บท 47

ได้ยินประโยคของเหล่ากู้ สองโซวฝูหรงและโค้วยู่นเอ๋อแม่ลูกมองหน้ากันทันที เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา

ตราบใดที่ตนกับกู้จิ่วฉือผูกมัดกันอยู่ ยังต้องกลัวไม่มีทุนก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงในอนาคตงั้นเหรอ?

โค้วยู่นเอ๋ออารมณ์ดีในทันที อีกทั้งยังเอื้อมมือไปจับมือกู้จิ่วฉือ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความดีใจ

“อาฉือ ต่อจากนี้ไปเราจะดูแลกันและกันนะ เราจะพลิกโฉมวงการบันเทิง และนำความรุ่งโรจน์มาให้กับครอบครัวของเราได้อย่างแน่นอน!”

“ใช่ ยู่นเอ๋อในฐานะที่เป็นพี่สาว จะต้องดูแลอาฉือให้ดี”

โซวฝูหรงรีบเปิดปากร่วมพูดกับลูกสาวในทันควัน

กู้จิ่วฉือขมวดคิ้วเล็กน้อย แกล้งเอื้อมมือไปหยิบนม และสะบัดมือโค้วยู่นเอ๋อออก

แหม่ นังตอแหลทั้งสองนี้ คิดว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลกู้จริงๆ

“ฉันไม่ได้คิดที่จะขอความช่วยเหลือจากที่บ้าน”

กู้จิ่วฉือปริปากพูดอย่างสงบ สีหน้าของสองแม่ลูกก็เปลี่ยนไปในทันใด เธอแกล้งทำเป็นไม่เห็นและพูดต่อ

“ตอนนี้ฉันแค่ลองเล่นตัวละครตัวประกอบ ยังไม่ทันได้เล่น ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าปฏิกิริยาจะเป็นอย่างไร มันไม่คุ้มที่จะใช้ทุนของที่บ้าน และไม่คุ้มที่จะเสียความโปรดปรานของพี่ชายคนโตและคุณพ่อ”

“แต่ว่า……”

ในใจของโค้วยู่นเอ๋อกำลังร้อนรุ่ม อยากจะค้านซึ่งๆหน้า แต่รอบนี้กู้จิ่วฉือดันไม่ให้โอกาสเธอ

“อีกทั้งฉันยังไม่ได้ตัดสินใจว่าตัวเองอยากเป็นนักแสดงหรือว่านักดนตรีกันแน่ ก็แค่อยากจะลองทำมันทั้งหมด ดังนั้นเรื่องที่จะเปิดบริษัทบริหารจัดการดูแลศิลปิน ก็ระงับไปก่อนละกัน”

กู้จิ่วฉือพูดจบ เหล่ากู้และพี่ใหญ่ก็ไม่ได้โน้มน้าวเธอต่อ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเอนเอียงความคิดไปทางเธอ

โซวฝูหรงเมื่อเห็นกู้ชิงหยวนเริ่มจะลังเล ก็รีบเปิดปากพูดอย่างระมัดระวัง

“อาฉือ เธอยังเป็นเด็กน้อย และไม่รู้ถึงความโหดร้ายในวงการบันเทิง ครั้งนี้เธอไม่มีอะไรหนุนหลัง ก็ได้แค่บทบาทตัวประกอบ ภายภาคหน้าเธอจะอยู่ต่อไปได้อย่างไร หยุดเอาแต่ใจได้แล้ว ให้พี่ใหญ่ของเธอเปิดบริษัทบริหารจัดการดูแลศิลปินให้นั่นแหละ!”

ชีวิตก่อนหน้านี้ โซวฝูรงสามารถโน้มน้ามความคิดของกู้ชิงหยวนให้คล้อยตามไปด้วยโดยใช้คำพูดเพียงไม่กี่คำ แต่คราวนี้โซวฟูหรงดันพลาด

“น้า ทำไมน้าถึงได้ดูถูกฉันตลอด ฉันจะเป็นเหมือนแม่ของฉัน ค่อยๆก้าวหน้าไป! ”

ตอนที่แม่เป็นสุดยอดนักแสดง พ่อยังจีบแม่ไม่สำเร็จเลยด้วย! เธอไม่ได้หาที่พึ่งใดๆ เพราะคิดว่าความพยายามของเธอคือที่พึ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด!”

กู้จิ่วฉือทำหน้ามุ่ย ท่าทีช่างน่ารักและไร้เดียงสา เวลาพูดถึงแม่ แววตาของเธอจะดูเปล่งประกาย

กู้ชิงหยวนมองดูลูกสาวแบบนั้น ก็รู้สึกฉงนเล็กน้อย ใบหน้าเด็กคนนี้ราวกับเขากำลังมองเห็นคนที่เขาคิดถึงอยู่ทั้งวันทั้งคืน

เธอในตอนนั้น ก็เหมือนกับอาฉือในตอนนี้ ทั้งกล้าหาญและเข้มแข็ง

“ไอ้หยา! อาฉือ แม่ของเธอสมัยไหน แล้วตอนนี้สมัยไหน ทั้งสองคนจะเอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้หรอก…… “

“ทำไมจะเปรียบเทียบไม่ได้?”

โซวฝูหรงยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกเหล่ากู้ขัดจังหวะอย่างเย็นชาเสียก่อน

“อาฉือสามารถเอาชนะใจผู้เขียนบทได้ด้วยคลิปวิดีโอสั้นๆ ทันทีที่คัดเลือกเธอก็ได้รับเลือกให้เล่นบทนี้

เธอได้พึ่งครอบครัวที่ไหน? เธอพึ่งความสามารถของตนเอง เหมือนแม่ของเธอ!

ฉันคิดว่าอาฉือพูดถูกมาก ตอนนี้เธอก็โตเป็นผู้ใหญ่เสียที!

แต่เป็นเธอสองคนที่ไม่คิดที่จะใช้ความพยายามของตัวเอง คิดแต่เรื่องให้คนมาหนุนหลัง แล้วแบบนี้จะประสบความสำเร็จได้อย่างไร?

มันก็เท่ากับเหยียบบนภูเขาของตระกูลกู้ นั่นเป็นความสำเร็จจอมปลอม!”

ขณะที่กู้ชิงหยวนกำลังพูด สีหน้าก็ยิ่งเคร่งขรึมขึ้นเรื่อยๆ ทันใดนั้นเองนึกย้อนไปถึงการเปลี่ยนไปต่างๆของแม่ลูกโซวฝูหรง ท้ายที่สุดก็ตบตะเกียบลงบนโต๊ะอย่างแรง!

“ตอนนี้ฉันกลับคิดว่า การตัดสินใจที่รับพวกเธอเข้ามาในตระกูลกู้ถูกหรือไม่…… “

พี่ใหญ่ที่เงียบมาโดยตลอด ก็เงยหน้ามองไปที่โซวฝูหรงทันควัน

“น้า เร็วๆนี้แฟนละครของแม่ฉันกำลังจัดงานวันครบรอบให้กับแม่ เลยต้องการเอกสารต้นฉบับที่ร่างด้วยมือ น้าพอจะมีเวลาช่วยฉันหาสิ่งนั้นหน่อยได้ไหม?”

ใบหน้าของโซวฝูหรงชะงักกะทันหัน นิ้วของเธอกำมีดและส้อมแน่นอย่างช่วยไม่ได้

“พินัยกรรมนี้เป็นของสำคัญที่แม่ของเธอฝากไว้ให้ฉัน มันไม่ควรที่จะให้แฟนดูหรอก?”

“ไม่เป็นไรหรอก แค่ส่งให้พี่ใหญ่ ให้เขาไปถ่ายเอกสารทำสำเนาให้แฟนก็ได้แล้ว”

เดิมทีคิดว่าเรื่องนี้จะจบแบบค้างคาเมื่อเธอพูดแบบนั้น แต่คาดไม่ถึงว่าจู่ๆเหล่ากู้ก็เปิดปากพูด มือของโซวฝูหรงสั่นคลอนทำให้มีดกับส้อมในมือของเธอกระแทกเข้ากับจานอาหารค่ำอย่างแรง ทำให้เกิดเสียงดังแสบหู

“แค่ให้เธอไปเอาพินัยกรรมมาเองไม่ใช่เหรอ? เธอลนลานอะไร?”

กู้ชิงหยวนมองโซวฝูหรงด้วยความสงสัย

“แม่ก็อายุมากแล้ว เดี๋ยวนี้ก็เลยมือไม้สั่นตลอดเลย พรุ่งนี้ฉันจะพาแม่ไปตรวจที่โรงพยาบาลดู!”

โค้วยู่นเอ๋อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ค่อยจะดี ก็รีบปิดประเด็น เปลี่ยนเรื่องคุย

“พวกเรารีบกินข้าวกันเถอะ ไม่งั้นซุปที่อาฝูทำจะเย็นหมด มา อาฉือส่งชามมาให้ฉันสิ เดี๋ยวฉันตักให้”

กู้จิ่วฉือก็ไม่ได้พูดอีก คืนนี้แม่ลูกคู่นี้ถูกเปิดโปงเรื่องราวไปมากพอแล้วล่ะ

หลังจากมื้อค่ำแล้ว เป็นเรื่องยากที่ทั้งครอบครัวจะนั่งบนโซฟาดูทีวีด้วยกัน

พี่รองที่กำลังเปลี่ยนช่องตามต้องการ ข่าวของถังยู่ก็ปรากฏบนหน้าจอทีวี

กู้จิ่วฉือนั่งตัวตรงทันที และจ้องไปที่ทีวีด้วยท่าทีที่เป็นห่วง

ชาติที่แล้วเธอใจจดใจจ่ออยู่กับเจี้ยยู่ถัง ไม่ได้ติดตามข่าวสารจากโลกภายนอกมากนัก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ห่วงรักคุณปีศาจ