ซู่จื่อหังพูดอย่างเย็นชา "ในเมื่อพวกท่านปฏิเสธที่จะช่วยแม่ของข้า ต่อไปข้าก็จะไม่มอบเงินให้พวกท่านอีก"
แม่เฒ่าซูได้ยินดังนั้น ก็รีบเคาะไม้เท้าเสียงดัง ใบหน้าบิดเบี้ยวน่าเกลียด
"จื่อหัง เจ้าอยากแยกบ้านงั้นรึ?"
"เป็นเช่นนั้น" ซู่จื่อหังพยักหน้าโดยไม่ปฏิเสธ
ทันทีที่คำพูดออกจากปาก ไม่เพียงแต่คนอื่น ๆ ที่ตกตะลึง แม้แต่ถูซินเยว่ที่กำลังนั่งอยู่บนม้านั่งเนื้อคนก็ผงะไปเล็กน้อย
แยกครอบครัว?
เธอเงยหน้าขึ้นและครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง
หากจำไม่ผิด การแยกครอบครัวในชนบทสมัยโบราณถือเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย
คิดไม่ถึงว่าซูจื่อหังอายุยังน้อย จะมีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวถึงเพียงนี้
ถูซินเยว่รู้สึกทึ่งไม่น้อย
ถูซินเยว่รู้สึกทึ่ง แต่แม่เฒ่าตระกูลซูนั้นถึงกับขนหัวลุกเลยทีเดียว
ที่ผ่านมานางเห็นว่าซูจื่อหังเป็นปัญญาชนที่มีการศึกษา แม่เฒ่าตระกูลซูจึงไม่กล้าใช้กำลังกับเขา แต่ทว่าตอนนี้นางยกไม้เท้าขึ้นในมือแล้วเหวี่ยงใส่ซูจื่อหังเต็มแรง
"เจ้าคนอกตัญญู ข้ากับปู่เจ้ายังไม่ตายก็คิดจะแยกบ้าน ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วรึ"
ไม้เท้าทำจากไม้มีน้ำหนักไม่น้อย เมื่อกระแทกเข้าใส่หัวของซูจื่อหังก็ส่งเสียงดังกึก
เสียงนั้น ถูซินเยว่ได้ยินแล้วยังรู้สึกเจ็บแทน
แต่ซูจื่อหังก็ไม่หลบ รอรับไม้เท้าของแม่เฒ่าตระกูลซูอย่างไม่ไหวติง จากนั้นจึงเดินไปหานางและจับมือนางลากออกไปจากห้อง
"ซินเยว่ มาช่วยข้าหน่อย"
เสียงนุ่มดังกังวานดังมาจากข้างนอก ด้วยระดับเสียงขนาดนี้ เดาได้ว่าถูซินเยว่ต้องได้ยินอย่างแน่นอน
"ได้!" ถูซินเยว่ตอบเสียงเฉียบ จากนั้นจึงขยับก้นของตนหิ้วซูเฟิ่งอี๋ขึ้นมาเหมือนกับหิ้วลูกเจี๊ยบ แล้วโยนนางออกไปนอกประตู
ต้องยอมรับว่าโครงสร้างร่างกายของเจ้าของร่างนี้ไม่ใช่คนอ้วนที่อ่อนแอเลย แต่เป็นหญิงแกร่งที่มีพลังเยอะจริง ๆ
เท่าที่จำได้ เจ้าของร่างเป็นคนสติไม่ดี ปกติไม่มีอะไรทำก็จะชอบไปจับกุ้งในแม่น้ำ ลักขโมยของ ทะเลาะเบาะแว้งกับเด็ก ๆ และบางทีก็ทะเลาะกับหมูในคอกหมูของตัวเอง เดาว่าพละกำลังที่มีก็คงฝึกมาจากพวกนี้นี่เอง
ถูซินเยว่บุ้ยปาก หลังจากที่โยนซูเฟิ่งอี๋ออกไปแล้ว ก็หาเก้าอี้มานั่งลงอย่างสงบเสงี่ยม
เนื้อบนร่างกายเยอะเกินไป ยืนนาน ๆ ก็เมื่อยเท้า
ซูจื่อหังงับประตูเข้าหากันเสียงดัง "ปัง" กันเอาเสียงด่าของแม่เฒ่าตระกูลซูและซูเฟิ่งอี๋ไว้ด้านนอก หันหลังเดินกลับไปที่ข้างเตียง มองดูอาการของนางหยูจึงถามหมอหลี่ขึ้นว่า "มือของแม่ข้าไม่มีทางหายดีจริง ๆ หรือ?"
ถึงแม้จะได้ยินคำตอบของหมอหลี่มาแล้ว แต่ซูจื่อหังก็ยังไม่ยอมถอดใจ
พ่อของซูจื่อหังเสียชีวิตตั้งแต่เขายังเด็ก เป็นนางหยูที่เลี้ยงดูเขามาโดยลำพัง ดังนั้นนางหยูจึงสำคัญสำหรับเขามาก ไม่ว่าจะเป็นยังไง ซูจื่อหังก็ไม่มีทางจะทิ้งแม่ของตนได้
เมื่อเห็นแสงระยิบระยับในดวงตาของชายหนุ่ม หมอหลี่ก็ถอนหายใจและพูดว่า "มือที่บาดเจ็บนี้หากว่าเป็นคนในตระกูลที่ร่ำรวย ก็ไม่แน่ว่าจะรักษาให้หายดีได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ เช่นนี้ ศีรษะของนางหยูก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน ตอนนี้จะฟื้นขึ้นมาได้หรือไม่ก็ยังน่าห่วง"
ซูจื่อหังรีบถามต่อว่า "ท่านหมอ ค่ายาที่ท่านเพิ่งพูดถึง มันวันละเท่าไหร่กัน?"
แหม ก็สาวแก่ที่โสดมาสามสิบปี ถูกหนุ่มน้อยหน้าหล่อจ้องเข้าให้แบบนี้ก็ต้องเขินเป็นธรรมดา
ถูซินเยว่กำลังจินตนาการอยู่ในภวัง ซูจื่อหังกลับยื่นมือออกมา ชี้ไปที่ฟันของตน แล้วพูดว่า "ตรงนี้ มีผักติดอยู่ ตรงฟันหน้า"
"!!!"
จินตนาการเมื่อครู่หายวับไปทันที เธออยากจะร้องไห้ รีบลุกขึ้นยืนมองหากระจกจากทุกทิศทาง คาดไม่ถึงว่าลุกเร็วไปหน่อย ทำเอาม้านั่งพลิกคว่ำ เกือบล้มคะมำลงกับพื้น
ร่างใหญ่เทอะทะจนเกินไป แค่จะหมุนตัวยังอึกทึกครึกโครมขนาดนี้
ถูซินเยว่เช็ดเหงื่อบนหน้าผาก มือเท้าพันกันยุ่งเหยิงพยายามจะลุกขึ้นมา
จนปัญญาจริง ๆ อ้วนเกินไป ล้มง่าย แต่ลุกยาก
กำลังพยายามสะกัดกั้นความอับอายเอาไว้ ทันใดนั้นซูจื่อหังก็ยื่นมือมาดึงมือของเธอ แล้วพูดว่า "มา ข้าช่วย"
ถูซินเยว่หน้าแดงก่ำ พยักหน้าอย่างอาย ๆ
ด้วยความช่วยเหลือของซูจื่อหัง ในที่สุดเธอก็ลุกขึ้นมาได้ และแอบเอาผักที่ติดฟันออกไปอย่างเงียบ ๆ
"ขอบใจ" ชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลา ไม่ต้องพูดถึงว่าถูซินเยว่กำลังรู้สึกอับอายขนาดไหน
ซูจื่อหังกลับบุ้ยปาก อย่าหาว่าเขาติเลย แต่ถูซินเยว่สภาพในตอนนี้ ใบหน้าอ้วนกลม ดวงตาเล็กหยีจนเกือบจะปิด ใบหน้าดำคล้ำปกคลุมไปด้วยแป้งสีแดงเลอะเทอะ และเนื่องจากไม่เคยแปรงฟัน พออ้าปากก็เห็นฟันเหลืองเต็มปากแถมมาพร้อมกับกลิ่นเหม็น เกือบทำให้เขาเป็นลมหมดสติเลยทีเดียว
แต่งภรรยาแบบนี้เข้ามา เฮ้อ...ช่างเถอะ ต่อไปนี้เขาขอไปบวชเป็นพระทำจิตใจให้บริสุทธิ์หลีกหนีจากกิเลสตัณหาทั้งปวงจะดีกว่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง
รออยู่นะคะ...
รอ.....,....
รอ.........
แอดจ๋า...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ น่าสนุกมาก😭😭😭...
กำลังสนุกเลย ช่วยมาเพิ่มตอนให้ทีนะคะแอดมิน...
สนุกดี ไม่อัพต่อแล้วหรอค่ะ...