ตอนที่9
#หยิ่งนักลองมารักกันหน่อยไหม
ถึงวันที่ภูสามารถถอดเฝือกที่ข้อมือออกได้สมาชิกภายในชมรมต่างพากันดีใจ แสดงใบหน้าร่าเริงจนตอนนี้เป็นคินเสียเองที่มานั่งรู้สึกผิดที่ทำให้ภูต้องเจ็บตัว ไม่ใช่เพียงเป็นกัปตันแต่เหมือนภูจะเป็นความหวังของทีมรวมไปถึงการเป็นไอดอลของเด็กในชมรมด้วย คินยอมรับว่าก็เคยได้ยินชื่อของภูผ่านหูเหมือนกันสำหรับฝีมือในการว่ายน้ำที่ไม่ได้เป็นสองรองใคร เดินตามหลังกลุ่มสมาชิกในชมรมที่หัวเราะร่าเริงหลังจากที่ในตอนนี้ภูกลับมาเหมือนปกติอีกครั้ง นั่งทานข้าวด้วยกันเสียงพูดคุยดังไม่หยุดแล้วก็มีหลายครั้งที่คินแอบชำเลืองมองกัปตันทีมว่ายน้ำที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
จนที่อีกคนมองจ้องกลับมาพลางเลิกคิ้วให้คินถึงได้รีบเบือนสายตาหลบ
“ซ้อมเสร็จไปไหนกันต่ออะพวกมึง” แบงค์เป็นคนที่ตั้งคำถามนี้ขึ้น
“กลับไปนอน” และภูตอบประโยคนี้ก่อนที่จะโดนเพื่อนสนิทขยับเอาไหล่ชนสะกิดที่ช่วงต้นแขน
“แต่วันนี้วันศุกร์นะ ร่างกายไม่ต้องการแอลกอฮอล์หน่อยหรอ”
“พวกมึงอยากกินกันหรือไง” พอภูถามกลับมาแบบนี้ทุกคนต่างพากันตอบอย่างจริงจังว่า
“อยาก กิน!” เสียงประสานเสียงจนคนถามต้องหลุดส่งเสียงหัวเราะ เริ่มตกลงกันว่าจะไปเจอกันที่ไหนแล้วไปเจอตอนกี่โมง ทุกคนต่างตกลงรับปากว่าคืนนี้เจอกัน กระทั่งหลายสายตาเริ่มมองมาที่คิน เด็กหนุ่มมีสีหน้าสงสัยว่ามีอะไร
“มึงหละจะไปไหม”
“เอ่อ ผมมีนัดติวกับธารครับ คงไปไม่ได้”
“โหไรหว่า เบี้ยวซักวันคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง” แบงค์กำลังรบเร้าในขณะที่ด้านของคินก็ยืนยันชัดเจนว่าในรอบนี้คงต้องปฏิเสธเพราะว่าไม่สามารถไปได้จริงๆ ทำไงได้ พรุ่งนี้เขามีควิซย่อยเก็บคะแนน ขนาดทานข้าวเสร็จถึงเวลาที่ต้องไปซ้อมเหล่าเพื่อนและพี่ในชมรมยังคอยถามหลายครั้งจนคินปฏิเสธแล้วปฏิเสธอีก ผลัดกันเข้ามาวอแวจนคินไม่ได้ไปเปลี่ยนชุดซ้อมซักที
“แค่ไม่ไปกินเหล้าด้วยเอง” ระหว่างทางที่เดินมาห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเด็กหนุ่มพึมพำ มองประตูที่เปิดอยู่นั่นหมายความว่ายังมีคนเปลี่ยนชุดอยู่ในนั้น ไม่ได้คิดอะไรเดินตรงไปยังล็อกเกอร์ของตัวเองตามปกติ
…กึก… จนกระทั่งประตูล็อกเกอร์ถัดไปที่ในตอนแรกประตูตู้เปิดอยู่เลยไม่ได้เห็นว่าเป็นใคร
คราวนี้ได้ยินเสียงปิดคินถึงได้หันไปมอง
“……….” ถึงขั้นยืนเงียบ ไล่สายตามองคนตรงหน้าที่มีเหลือเพียงกางเกงว่ายน้ำ
“มองกูเก่งจังเลยนะมึงเนี่ย” เมื่อภูพูดสวนมาแบบนี้คินเหมือนได้สติถึงได้รีบหันหน้าหนี ตั้งใจบอกตัวเองว่าให้ทำเป็นมองไม่เห็นแล้วแค่ยืนเปลี่ยนเสื้อผ้าไปซะ แต่กับการที่ยืนถอดเสื้อแล้วมีคนมายืนกอดอกมองอยู่แบบนี้นี่มัน…
“แล้วทำไมพี่ไม่ออกไปหละครับ”
“อ้าวก็ทีมึงยังมองกูได้เลย กูก็ขอมองมึงกลับบ้างดิเดี๋ยวเสียเปรียบ” ได้ยินแบบนี้คินยืนเงียบจ้องหน้าอีกคน มองสายตาของภูที่กำลังไล่มองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนที่คนอายุมากกว่าจะเผยรอยยิ้มมุมปาก
“คงจะไม่ลืมนะว่าเคยท้าอะไรกูไว้”
“จะแข่งกันตอนนี้เลยไหมหละ” คินก็ไม่ได้ยอมเหมือนกัน
“ใจเย็น ช่วงนี้สนใจการซ้อมไปก่อน…แล้วเดี๋ยวหลังแข่งทีมจบ มึงมาแข่งตัวตัวกับกู”
“ได้ พี่เตรียมแพ้ผมได้เลย”
“โอเคครับ กลัวแพ้ใจจะขาดแล้วเนี่ย” ประโยคยียวนและหน้าตากวนประสาทจากภูคือสิ่งที่ได้รับมา ใครอีกคนเดินออกไปแล้วเหลือไว้แค่คินที่ยังเปลี่ยนชุดไม่เสร็จ เด็กหนุ่มบ่นงึมงำกับตัวเองด้วยใบหน้าหงุดหงิด ตอนแรกว่าดีกันแล้วนะแต่พอเอาเข้าจริงก็ยังไม่ชอบขี้หน้ากันอยู่ดี ไม่ได้ถึงขั้นเกลียดนะ แต่ว่า ความสัมพันธ์อะไรก็บอกไม่ถูกเหมือนกันเนี่ย
เดินกลับมายังสระว่ายน้ำอีกครั้งคินยืนมองคนที่เพิ่งจะกระโดดลงสระ
ไม่เคยเห็นภูว่ายน้ำ เพราะตอนนั้นคือแข่งกันแล้วเขาก็ไม่ได้มองด้วย
“เจ๋งอะดิ” แล้วเสียงที่ดังจากคนที่ไม่รู้เดินมาตอนไหนทำคินหันมอง พบว่าเป็นแบงค์เขายิ้ม
“เฉยๆครับไม่เห็นเท่าไหร่”
“แหม่ จะอวยแฟนหน่อยก็ได้มั้ง” โดนแบงค์แซวมาแบบนี้คินทำขมวดคิ้วไป เดินหนีออกมาท่ามกลางเสียงหัวเราะตามหลังจากรุ่นพีขี้เล่น ได้เวลาลงซ้อมแล้วหลังจากที่วอร์มอัพเสร็จ เขาว่ายอยู่สระข้างกันกับที่ภูกำลังว่ายอยู่ ไม่ได้อยากจะสังเกตนะแต่ว่าบังเอิญเห็นเอง แถมเหมือนคนอื่นก็ไม่ได้ทันมองด้วย
ภูกำลังเบ้หน้าแล้วมองข้อมือตัวเองด้วยใบหน้าหงุดหงิด
คงยังไม่หายดีสินะ…
“ที่จริงพี่ยังไม่ต้องพยายามจะซ้อมก็ได้นะ” ขึ้นมานั่งพักคินเดินมานั่งลงข้างกับภู
“อีกไม่ถึงเดือนก็แข่งแล้ว ไม่ซ้อมแล้วกูจะเอาอะไรไปสู้เขา”
“ก็มันยังไม่หายดีหนิ”
“แล้วใครทำหละ” โดนภูสวนมาแบบนี้คินเงียบ
“ผมขอโทษ” ก่อนพูดประโยคนี้ออกไปและนั่นทำคนฟังมีชะงักนิดหน่อย
“ก็ยังไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อย” ไม่รู้เพราะคำขอโทษหรือเพราะหน้าตารู้สึกผิดเหมือนหมาหงอยของคินกันแน่ที่ทำให้ภูเลือกที่จะพูดประโยคนี้ไป ได้รับรอยยิ้มจากคนอายุน้อยกว่ากลับมา ภูไม่ได้พูดอะไรแต่ยกขวดน้ำขึ้นดื่มพลางมองตรงไปยังเบื้องหน้าที่มีคนบางส่วนที่ยังซ้อมกันอยู่ ชำเลืองมองคินอยู่หลายรอบเหมือนมีอะไรอยากพูด
“แล้ว…ไม่ไปหรอคืนนี้อะ” สุดท้ายก็ถามไปจนได้
“ไม่ไปครับ ไว้รอบหน้าแล้วกันนะ”
“อืม” จบการคุยกันลงแค่นั้นก่อนที่ภูจะลุกเดินออกไป คินยังคงนั่งอยู่ที่เดิม มองคนที่กระโดดลงในสระน้ำอีกครั้ง คิดว่าภูคงจดจ่ออยู่กับการว่ายน้ำแต่เปล่าเลยเพราะมีหลายครั้งที่เผลอสบตากันเสียอย่างงั้น
เลิ่กลั่กกันเลยทีเดียวจนคินต้องกระแอมไอแล้วยกน้ำขึ้นดื่มบ้าง
สถานการณ์แบบนี้ทำตัวลำบากแหะ…
“อ่านอะไรอยู่อะคิน ไม่ใช่เรื่องเรียนหนิ” กระทั่งที่ตกเย็นแล้วมานั่งติวหนังสืออยู่ที่คอนโดตัวเองกับเพื่อสนิทตัวน้อย
“อะไรอ่าเอามาดูมั้ง” ธารชะโงกหน้ามามองพบว่าเป็นวิดีโอที่สัมภาษณ์ใครบางคนอยู่
“ไอ้พี่ภูหนิ”
“………..”
“ทำไมคินถึงต้องนั่งดูพี่มันด้วยอะ” โดนถามมาแบบนี้คนถูกถามนิ่งคิด จะให้บอกไปว่าเพราะอยากรู้ว่าเมื่อก่อนอีกคนเป็นยังไงก็จะดูเหมือนเขาสนใจภูเกินไป เพราะฉะนั้นแล้ว…
“โค๊ชบอกให้ดูอะ เพราะว่าตอนพี่ภูปีหนึ่งเคยให้สัมภาษณ์ไว้”
“อ๋อ” ธารครางรับมาจนกลายเป็นว่าตอนนี้กำลังนั่งฟังสัมภาษณ์ของภู หัวข้อวิดีโอคือ
//สัมภาษณ์หนุ่มหล่อดีกรีนักกีฬามหาลัย น้องภูคนคิ้วท์//
แต่เอาเข้าจริงภูตอนปีหนึ่งก็คือดูใสกว่าตอนนี้เยอะไง…
“แล้วทำไมถึงมาว่ายน้ำได้หรอคะ?”
“พ่อผมครับ คือผมโดนบังคับให้เล่นกีฬาตั้งแต่ตอนนั้นที่….”
“ที่?”
“เอ่อที่ ตอนมอสาม…เที่ยว โดนตำรวจจับแล้วตรวจเจอสารเสพติดในเลือด” เหมือนภูจะไมได้ตื่นเต้นกับเรื่องของตัวเองเพราะมันคืออดีตที่ผ่านมาแล้วแต่กับธารและคินถึงขั้นหันมองหน้ากันก่อนกลับมาตั้งใจฟังต่ออีก
“เปล่า” จบการคุยกันเท่านี้ ต่อไปก็ถึงตอนไปยังห้องพัก เข้ามาในลิฟต์
และพบว่าคินกดไปยังชั้นบนสุด
“รวยจังนะมึง” อดไม่ได้ที่จะพูดไปซึ่งคินหันมอง
“เงินแม่ผมตางหากไม่ใช่เงินผมซักหน่อย” ถึงชั้นบนสุดแล้วและภูเดินตามหลังอีกคนไป หันมองโดยรอบพบว่าทั้งชั้นมีอยู่สี่ห้อง ห้องตรงข้ามกับคินที่หน้าประตูถูกล็อคด้วยแม่กุญแจดอกใหญ่และภูใช้มือจับมันเล่น
“อย่าไปจับมั่วสิพี่ เดี๋ยวเจ้าของห้องเขาหาว่าขโมยหรอก”
“ไม่ว่าหรอก”
“จะไปรู้ได้ไง” คินบ่นพึมพำแต่ภูไมได้พูดอะไรต่อ เดินตามเข้าไปในห้องของอีกคน ทุกอย่างถูกแบ่งเป็นสัดส่วนไม่ต่างจากบ้านเป็นหลัง ห้องของคินสะอาดมากแถมหนังสือเยอะมากด้วย ภูเดินตามเข้าไปในห้องนอน ถอดเสื้อผ้าออกเพราะต้องอาบน้ำก่อนไม่งั้นอย่างเขานอนไม่ได้หรอก
“มีเสื้อผ้าให้กูปะ”
“มีครับเดี๋ยวหาให้” เหมือนสลับหน้าที่กันนิดหน่อยเพราะตอนนั้นเป็นคินที่ไปค้างห้องของภู
อาบน้ำเสร็จเดินออกมาพบกองเสื้อผ้าที่วางอยู่
และเจ้าของห้องที่หลับไปแล้ว…
“………” หลังจากใส่เสื้อผ้าภูนอนลงบนเตียงฝั่งที่ว่าง สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือกลิ่นที่หอมมาก ตอนแรกคิดว่ามาจากผ้านวมแต่เปล่าเพราะกลิ่นนั้นมันชัดเจนเมื่อเขาขยับตัวเข้าใกล้คนข้างกาย หลับตาลงพร้อมหันหลังให้คนอายุน้อยกว่า แค่ตามปกติที่นอนดิ้นมกาแถมยังติดกอดหมอนข้าง เพราะฉะนั้นเลย
…หมับ… เผลอไปกอดคินตอนไหนไม่รู้ รู้ตอนอีกทีก็ตอนที่คนในอ้อมแขนขยับตัว
“จะไปเข้าห้องน้ำ ปล่อยหน่อย” เสียงพูดที่ดังข้างหูเรียกภูให้รู้สึกตัว ลืมตาขึ้นมา
พบว่าหน้าอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ
ชิบ….
“……..” ต่างฝ่ายต่างเงียบทั้งที่ยังคงนอนมองหน้ากัน ลมหายใจที่สัมผัสได้และแขนของภูที่ในตอนนี้ยังคงวางพาดอยู่บนเอวของคนตัวขาว คินเริ่มเม้มปาก ใช้มือยกผลักอีกคนเพื่อให้ออกห่าง
“ก็…เออ มึงก็ไปเข้าห้องน้ำดิวะ” ภูที่รีบเด้งตัวผละออกแล้วพูดประโยคนี้ จนที่อีกคนลุกออกจากเตียงไปแล้วภูเงยมองนาฬิกาพบว่าเป็นเวลาตีห้า ปกติจะต้องนอนต่อแต่ว่าตอนนี้ร่างกายรู้สึกเหมือนจะควบคุมตัวเองไม่ดีเท่าไหร่เลยแหะ
แค่นอนกับผู้ชายนี่ต้องรู้สึกแปลกด้วยหรอวะ…
“อ้าวไปไหน” ส่วนคนที่เดินออกมาจากห้องน้ำพูดขึ้นคนเดียวเมื่อเห็นว่าเตียงว่างเปล่า
แต่เสียงทีวีที่ดังมาจากห้องนั่งเล่นทำคินต้องเดินออกไปดู พบว่าภูนั่งดูทีวีอยู่
“ทำไมตื่นเช้าจังครับ”
“ปกติกูก็ตื่นแบบนี้แหละ มึงไปนอนต่อเหอะ” งงนิดหน่อยแต่ก็พยักหน้ารับ
ปกติตื่นเช้าอะไร
ตอนนั้นที่นอนด้วยกันภูตื่นโคตรสาย
…เป็นบ้าอะไรของพี่มันอีก…
# # # # # # # # #
งื้อออฉันชอบความค่อยไปค่อยเป็นของพวกแกเหลือเกินนน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หยิ่งนักลองมารักกันหน่อยไหม [Yaoi]