อีเดน นิยาย บท 18

“แต่หนูไม่...”

“พี่สาบานด้วยเกียรติว่าจะรักและซื่อสัตย์กับเราไปจนตาย แต่งงานกับพี่นะได้โปรด...” ปริณลงไปนั่งคุกเข่า แล้วล้วงกล่องแหวนเพชรในกระเป๋ากางเกงที่ตั้งใจเตรียมมาเปิดออกอย่างไม่รอช้า

“พี่ป้องลุกขึ้นมานะ” อลิชาหน้าเหวอทันใดที่อีกฝ่ายลงไปนั่งบนพื้น

“บอกมาก่อนสิว่าจะแต่งกับพี่” ปริณเอ่ยย้ำ เพราะสิ่งเดียวที่เขากลัวที่สุดในตอนนี้ คือกลัวว่าผู้หญิงตรงหน้าจะหันหลังให้กับความรักของตน

“ฮึก...” อลิชามองเพชรเม็ดใหญ่ผ่านม่านน้ำตา แหวนเพชรวงนี้ เป็นวงที่ปริณประมูลสู้ราคามาได้ถึงหกสิบล้านบาทเมื่อสองเดือนก่อน จนเป็นข่าวดังขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์อยู่หลายวัน ว่าอีกฝ่ายเตรียมจะขอสาวแต่งงาน เธอรู้สึกเจ็บหนึบที่หัวใจอยู่เกือบเดือน เพราะคิดว่าเขากำลังจะสู่ขอมาริกา

“ได้โปรด... พี่จะไม่มีวันทำร้ายความรู้สึกของเรา และจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเรา ไม่ว่ามันคนนั้นจะเป็นใครก็ตาม” ปริณให้คำมั่น เมื่อเห็นแววตาและสีหน้าที่เหมือนกำลังจะปฏิเสธตนอีกครั้ง

“หนู...” อลิชาหลับตาลงอย่างรู้สึกทรมาน เธอกลัวที่จะรัก กลัวว่าวันหนึ่งเธอจะเป็นเหมือนแม่ กลัวว่าวันหนึ่งผู้ชายที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าของเธอจะเปลี่ยนไป...

“แต่งงานกับพี่นะ ได้โปรด...” ปริณอ้อนวอนพร้อมกับคว้าร่างบางเข้ามากอดแน่น ยิ่งเห็นเธอร้องไห้เขายิ่งรู้สึกเจ็บอย่างบอกไม่ถูก

“สัญญามาก่อนสิว่าพี่ป้องจะไม่ทิ้งหนู” อลิชาสะอื้นไห้จนตัวสั่น เพราะเธอเองก็ไม่สามารถตัดใจจากเขาได้ ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะทำเป็นไม่มองหรือไม่สนใจเขา

“พี่ให้สัญญา...” ปริณบอกก่อนจะก้มลงจูบริมฝีปากบางที่กำลังสั่นระริกนั้นอย่างดีใจ ที่ในที่สุดสาวตรงหน้าก็ตอบรับความรู้สึกของตน

“อืม...” อลิชาหลับตาลง ยอมรับจูบที่แสนหวานอย่างไม่อาจจะปฏิเสธหรือฝืนความรู้สึกที่มีต่อชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีทางพฤตินัยได้อีกต่อไป

“พี่จะรักเราไปจนวันตาย อลิซ” หลังจากที่ถอนจูบออก ปริณเอ่ยย้ำคำมั่นสัญญาพร้อมกับสวมแหวนให้สาวเจ้าอย่างไม่รอช้า

อลิชาก้มลงหอมที่แก้มอีกฝ่าย ก่อนจะเอ่ยกระซิบเบาๆ อย่างรู้สึกเขินอาย “ขอบคุณค่ะ”

“นี่ เดี๋ยวนะ เราต้องบอกว่า... หนูรักพี่ป้องค่ะ แทนคำว่าขอบคุณค่ะ ไม่ใช่เหรอ?” คนที่กำลังจะซึ้งต่อว่าอย่างงุนงง เมื่อคำพูดที่หวังจะได้ยินกลับไม่ใช่คำที่คิดเอาไว้

“มะ...มันก็เหมือนกันแหละค่ะ” อลิชาบอกก่อนจะรีบขยับออกห่างจากคนตัวโตที่ทำหน้าบึ้งตึง

“ไม่เหมือน ความหมายมันต่างกันลิบลับเลย เหมือนคำว่าพี่กับผัว หรือไม่ก็พ่อกับเพื่อน”

“หรือไม่ก็สามีรุ่นพ่อใช่ไหมคะ” อลิชาแกล้งหยอกอย่างอดไม่ได้

“พระเจ้า มานี่เลยนะ พี่เด็กกว่าพ่อของเราตั้งสิบเอ็ดปี ไม่ใช่รุ่นเดียวกันสักหน่อย” ปริณรีบคว้าข้อเท้าของคนที่กำลังจะขยับลงจากเตียง แล้วดึงลากกลับมาทันใด

“คิกๆๆ” อลิชาหัวเราะลั่นอย่างอดไม่ได้เมื่อเห็นอีกฝ่ายโกรธจนหน้าแดงก่ำ

“พี่ซีเรียสนะรู้ไหม” ปริณบอกด้วยสีหน้าจริงจัง

“หนูก็ซีเรียสเหมือนกัน” เธอตอกกลับทันควัน

“ยังไง” ปริณนิ่วหน้านิดๆ อย่างไม่เข้าใจ

“อ้าว ก็ถ้าวันแต่งงานเพื่อนๆ หนูเข้าใจผิดว่าเจ้าบ่าวคือ...”

“อลิซ!” ปริณรู้สึกนอยด์ขึ้นมาทันทีที่สาวเจ้าชอบล้อตนเรื่องอายุ

“คิกๆๆ” อลิชาหัวเราะเสียงดังอย่างชอบใจกับสีหน้าที่บูดบึ้งนั้น

“พี่อายุแค่สามสิบสี่นะ” ปริณถอนหายใจเซ็งๆ

“ใช่ แล้วหนูก็กำลังจะยี่สิบสามเดือนหน้า” เธอเอ่ยย้ำความต่าง

“แล้วไง อายุห่างกัน แล้วรักกันไม่ได้งั้นเหรอ” ปริณพยายามข่มอารมณ์โกรธและน้อยใจที่สาวเจ้ายังไม่หยุดล้อ

“ได้ค่ะ แต่ว่า...” อลิชายังไม่ทันได้เอ่ยจบประโยค ก็โดนอีกฝ่ายขัดขึ้นเสียก่อน

“พี่จะไปอาบน้ำ แล้วหนูก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า” คนอายุเยอะรีบเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะดูท่าแล้วสาวเจ้าคงจะยังไม่ยอมหยุดง่ายๆ

“จะไปไหนเหรอคะ”

“พี่จะพาเราไปทานข้าว”

“ที่ไหนคะ”

“โรงแรมมะลิฉัตรแกรนด์ พี่จองโต๊ะเอาไว้แล้ว” ปริณบอกพลางแอบซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ภายใต้สีหน้าเรียบเฉย

“แล้วเสื้อผ้าของพี่ป้องล่ะคะ”

“เดี๋ยวลูกน้องของพี่จะเอามาให้”

“แล้วแผลที่ถูกยิง...” อลิชายังถามพร้อมกับมองร่างสูงไปมาอย่างสังเกต เพราะตั้งแต่ที่อีกฝ่ายบอกว่ามีแผลถูกยิง เธอยังไม่เห็นเขามีอาการเจ็บปวดตรงไหนให้รู้ว่าต้องระวังเป็นพิเศษ

“ไม่ค่ะ”

“งั้นผมขอสั่งอาหารครับ ในฐานะพักอยู่ที่นี่มาหลายวัน พอจะรู้ว่าอะไรอร่อยบ้าง” อีเดนเอ่ยยิ้มๆ

“ตามสบายค่ะ งั้นฉันขอไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ” มารียาหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายหน้าแดง

“เชิญครับ” อีเดนมองตามแผ่นหลังบางอย่างหลงใหลและรู้สึกหวงจนไม่อยากให้ใครมอง

สิบห้านาทีต่อมา... มารียาเปลี่ยนมาใส่ชุดลำลองสีขาวล้วนที่เนื้อผ้านุ่มๆ บางๆ เรียบๆ แต่ดูหรูและแพงเพราะโลโก้ของแบรนด์ดังที่ปักด้วยเส้นไหมสีแดงบนหน้าอกทางด้านซ้าย

หลังจากที่อีเดนโทรสั่งอาหารเสร็จ ก็กลับเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สบายๆ สวมใส่ และทันทีที่ออกมาจากห้องแต่งตัว เขาก็เจอกับมารียาที่ใส่ชุดแบบเดียวกัน แบรนด์เดียวกัน เพียงแต่ว่าของเขานั้นเป็นสีเทาอ่อน

“ว้าว! เราใจตรงกันนะนี่”

“อ้าว คุณก็ใส่ชุดลำลองเหมือนกันเหรอคะ” มารียาถามก่อนจะมองร่างสูงยิ้มๆ

“ครับ เอ่อ... เราไปกันเลยไหม อาหารน่าจะพร้อมแล้ว” คนที่กำลังข่มไฟปรารถนารีบเอ่ยชวน ก่อนตนจะเผลอลากสาวเจ้าขึ้นเตียงซะก่อนได้กินอาหารมื้อค่ำ

“ค่ะ” มารียาตอบรับก่อนจะเดินออกไปด้านนอก ก็เห็นพนักงานกำลังวางอาหารลงบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว

“ค่อยมาเก็บโต๊ะพรุ่งนี้นะ” อีเดนบอกก่อนจะยื่นทิปให้กับพนักงานเสิร์ฟ

“ขอบคุณครับท่าน” พนักงานเสิร์ฟชายยกมือไหว้ ก่อนจะรีบเดินออกไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“ว้าว อาหารน่าทานทั้งนั้นเลยนะคะ”

“มีเมนูหนึ่งที่ผมทานติดกันมาถึงสามวันแน่ะ”

“จานไหนคะ” มารียาถามอย่างอยากรู้

“จานนี้ครับ ผมทานจนจำรสชาติของมันได้ ถ้าเกิดว่าเชฟลาหยุดกะทันหัน หรือเกิดอุบัติเหตุ ผมว่าผมสามารถลงไปทำจานนี้แทนเขาได้เลยนะ” อีเดนบอกก่อนจะตักยำปลาแซลมอนสดแบบไทยๆ ที่ใส่ตะไคร้กับหัวหอมหั่นสไลด์บางๆ และพริกขี้หนูกับกระเทียมสับคลุกเคล้ากับน้ำยำรสจัด แต่งหน้าด้วยใบสะระแหน่ วางลงในจานให้คนตรงหน้าอย่างเอาใจ

“ขอบคุณค่ะ” มารียาทำหน้าขบขันกับคำบอกกล่าวเมื่อครู่

“คุณไม่เชื่องั้นเหรอ” อีเดนเลิกคิ้วถามยิ้มๆ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อีเดน