เฮ่อฟั่งสมควรตายแล้ว แต่ครั้งนี้ผู้ที่ลักลอบเป็นชู้กับเขาไม่ใช่ใครอื่น ประจวบเหมาะกับเป็นบุคคลในพระราชวังที่เป็นศัตรูกับเฉินเสียนนั่นก็คือพระสนมฉี
องค์ชายหกจงใจทำสีหน้าแปลกประหลาดใจ แล้วกล่าวขึ้นว่า “ข้ารู้เรื่องนี้ คิดไม่ถึงว่าท่านจะไม่รู้?”
ท่านอ๋องของเป่ยเซี่ยกล่าวว่า “องค์ชายหก ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นเรื่องลับเฉพาะในพระราชวังของผู้อื่น สอบถามให้น้อยหน่อยน้อยถือเป็นเรื่องที่ดีนะ”
องค์ชายหกกล่าวว่า “ข้าก็แค่ถามไปอย่างนั้นแหละ”เห็นเฉินเสียนและท่านอ๋องของเป่ยเซี่ยไม่ได้สนใจเรื่องสอดรู้สอดเห็น เขาก็จำใจต้องยกเลิก
ไม่รู้ว่าสรุปองค์ชายหกเก็บเหล้าหมักสับปะรดไว้เองมากเท่าไหร่ เขาสั่งให้ผู้ติดตามขนย้ายนำเหล้าหมักสับปะรดหนึ่งไหใหญ่ที่ยังไม่ได้เปิดผนึกมา จัดวางเต็มโต๊ะ
องค์ชายหกหันไปกล่าวกับเหล่าทหารอารักขาว่า “ข้ามองพวกเจ้ายืนก็เหนื่อยแล้ว สู้ไม่ได้กับมาดื่มเหล้าให้อบอุ่นขึ้นหน่อย”
ผู้ติดตามถือถ้วยมาอย่างยินดีปรีดา ได้เตรียมถ้วยหนึ่งใบให้กับทหารอารักขาทุกคนด้วย
ทหารอารักขากล่าวปฏิเสธอย่างนุ่มนวลว่า “องค์ชายหกโปรดประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมอยู่ในเวลาที่ปฏิบัติหน้าที่ ไม่สามารถดื่มเหล้าได้พ่ะย่ะค่ะ”
องค์ชายหกกล่าวว่า “นี่เป็นเหล้าหมักสับปะรดระดับสุดยอดของเย่เหลียงเชียวนะ อยู่ที่เย่เหลียงมีเพียงแต่อยู่ต่อหน้าองค์จักรพรรดิถึงจะได้ดื่ม ครั้งนี้มอบให้ต้าฉู่บางส่วนเกรงว่าความหอมของเหล้าพวกเจ้าก็ไม่สามารถดมได้หรอก ตอนนี้ประทานให้พวกเจ้าดื่ม แต่ทว่าพวกเจ้าปฏิเสธอย่างนั้นหรือ?”
เหล่าทหารอารักขาสัมผัสได้ถึงความลำบากใจเป็นอย่างมาก
หากเป็นเหล้าดีอร่อย ผู้ใดจะไม่อยากดื่มเล่า อีกทั้งยังเป็นเหล้าในพระราชวังขององค์จักรพรรดิ แต่พวกเขาดื่มแล้วเกรงว่าจะทำให้เรื่องราวการงานยุ่งเหยิงล่าช้า
ทหารอารักขากล่าวว่า “กระหม่อมอยู่ในเวลาปฏิบัติหน้าที่ไม่สามารถดื่มเหล้าได้จริงๆพ่ะย่ะค่ะ”
องค์ชายหกกล่าวว่า “ข้าเชื้อเชิญพวกเจ้าดื่มเหล้าก็เป็นงานราชการ ข้าเป็นทูตของเย่เหลียง หรือว่าให้พวกเจ้าดื่มเหล้าด้วยแล้วทำให้ลำบากหรือ? วันนี้พวกเจ้าไม่ดื่ม ก็เป็นการไม่เคารพข้า วันพรุ่งข้าจะกราบทูลองค์จักรพรรดิของพวกเจ้า ให้องค์จักรพรรดิของพวกเจ้าจัดการกับพวกเจ้าซะ ต้องทำให้พวกเจ้าแบกรับผลที่ตามมาอย่างแน่นอน”
องค์ชายหกนี่เอาแต่ใจไม่มีเหตุผลเป็นอย่างมาก เห็นชัดเจนว่าถูกองค์จักรพรรดิเย่เหลียงรักเอ็นดูจนไม่ดีแล้ว
เหล่าทหารอารักขาต่างมองหน้าสบตากัน ดื่มแล้วมีความผิด ไม่ดื่มก็มีความผิด ควรจะทำอย่างไรเล่า?
องค์ชายหกกล่าวอีกว่า “พวกเจ้าวางใจ เรื่องดื่มเหล้ากับข้าวันนี้ ข้าไม่มีทางบอกองค์จักรพรรดิพวกเจ้าหรอก ข้าเพียงแค่เห็นใจที่พวกเจ้ายืนหนาวเหน็บ ประทานเหล้าให้พวกเจ้าหนึ่งคนต่อสองถ้วยเพื่ออบอุ่นร่างกาย แต่ว่าหากพวกเจ้าอยากจะดื่มมากหน่อย ถึงอย่างไรก็มีสามารถดื่มได้ตามสบาย”
สุดท้ายทหารอารักขากล่าวว่า “เช่นนั้นกระหม่อมไม่ได้ดีเท่ากับการทำตามคำสั่งอย่างเคารพ กระหม่อมขอบพระทัยองค์ชายหกแทนเหล่าพี่น้องที่องค์ชายหกเห็นอกเห็นใจพ่ะย่ะค่ะ”
ทันทีหลังจากนั้นองค์ชายหกได้มีรับสั่งให้คนรับใช้นำผักดองมาเป็นกับแกล้มแก่ทหารอารักขา
เหล่าทหารอารักขาล้วนดื่มเหล้าเป็นถ้วยกัน ไม่มีความสง่างามเรียบร้อยที่จะรินเหล้าดื่มทีละจอกเลย
ผลสรุปผักดองไม่ได้กินเท่าไหร่ เหล้าหมักสับปะรดเพิ่งจะดื่มไปสองไห เหล่าทหารอารักขาแต่ละคนก็ล้มพับกันไปตามๆกัน
ยังได้ยินองค์ชายหกกล่าวอย่างเลือนรางว่า “ลืมที่จะเตือนสติพวกเจ้า เหล้าหมักสับปะรดนี่ฤทธิ์ความสามารถของมันรุนแรงนัก”
ฤทธิ์ของเหล้าแรง พละกำลังก็ไม่สามารถที่จะขึ้นมาอย่างรวดเร็วเช่นนี้นะ
เหล้าหมักสับปะรดของเย่เหลียงเฉินเสียนก็เคยดื่มมาแล้วฤทธิ์ดีกรีค่อนข้างน้อยไม่รุนแรง ดื่มไม่ใช่ว่าจะเมาง่ายๆ และยิ่งทหารอารักขาดื่มเหล้านี้แล้ว ก็ไม่ควรที่จะเมาไม่รู้เรื่องรู้ราวอย่างนี้
องค์ชายหกทอดถอนหายใจออกมา แล้วกล่าวขึ้นว่า “เฮ้อ นับว่าสิ้นเปลืองเหล้าดีๆของข้าสองไหแล้ว”
เฉินเสียนหรี่ตามองเขา แล้วกล่าวขึ้นว่า “เจ้าวางยาพวกเขาหรือ?”
องค์ชายหกกล่าวอย่างผู้ไร้ความผิดว่า “ขวางหูขวางตาอยู่ในห้องโถงใหญ่นี่ ข้าเห็นอกเห็นใจพวกเขา ต่างฝ่ายต่างผ่อนคลายสบายๆ มีสิ่งใดที่ไม่ดีหรือ?”
เฉินเสียนชำเลืองมองดูทหารอารักขาที่ระเกะระกะอยู่บนพื้น ไร้คำจะพูดไปชั่วขณะเลย
องค์ชายหกกล่าวอีกว่า “ท่านวางใจ มอมยาสลบน้อยมาก คนไม่ตายหรอก อย่างมากก็นอนสลบไปหนึ่งคืน”
ท่านอ๋องของเป่ยเซี่ยหัวเราะเบาๆแล้วกล่าวว่า “องค์ชายหกนี่ยิ่งใหญ่เสียจริง ผู้ใดก็มิเกรงกลัว”
กำลังพูดออกมา เอียงศีรษะมองดูเห็นเงาคน มุมปากของเธอที่มีรอยยิ้มเลือนรางจางหายไปในทันที
ได้ยินองค์ชายหกกล่าวว่า “แน่นอนว่าต้องมี ไม่อย่างนั้นพวกเราสามคน จะน่าเบื่อแค่ไหนกันล่ะ”
เฉินเสียนมองเงาเข้มๆของคนผู้นั้น เดินมาลำพังท่ามกลางหิมะ สีของท้องฟ้ายามค่ำคืนปกคลุมบนตัวของเขา มองไม่ชัดเจน
เขายิ่งเดินยิ่งเข้ามาใกล้ เงาของคนชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เดินมาถึงขอบเขตทีแสงไฟส่องสะท้อน เฉินเสียนคล้ายๆกับว่าเห็นเขาสวมชุดสีดำ ผมมีหิมะอยู่ด้วย หุ่นสูงชะลูดกับผมที่หล่นอยู่บนไหล่นั่น ล้วนเป็นความสง่างามที่เงียบสงบ
เขาก้าวเหยียบบรรยากาศที่มีลมหิมะพัดผ่านมา ในค่ำคืนนี้มีความหมายลึกซึ้งสวยงามอย่างชัดเจน
เฉินเสียนมองเขาเดินเขามาในชายคา มองเขายกฝีเท้าเข้ามาในห้อง
เดิมใจที่สงบนั้น ถูกทำให้วุ่นวายในชั่วพริบตาเดียว
ลางสังหรณ์บอกเธอ เวลานี้ ซูเจ๋อที่เธอไม่อยากจะเผชิญหน้าได้มาถึงแล้ว และผู้ที่มาก็เด่นชัดว่าเป็นซูเจ๋อ
องค์จักรพรรดิบอกเพียงว่าทูตเชื้อเชิญเธอไปพูดคุย แต่ทว่าไม่ได้บอกว่ามีซูเจ๋อมาด้วย
เฉินเสียนดึงสายตากลับมา มือที่สับสนอลหม่านจับสัมผัสอยู่ที่หน้าผาก มองจอกถ้วยชามตะเกียบที่อยู่บนโต๊ะอย่างมึนงง
องค์ชายหกกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จะดูเรื่องสนุกว่า “องค์หญิงจิ้งเสียน บุคคลที่ท่านหมายปองมาแล้ว”
ท่านอ๋องของเป่ยเซี่ยเข้าใจอย่างลึกซึ้งทันที แต่ไม่พูดเปิดโปงออกมา
สีหน้าของเฉินเสียนไร้อารมณ์กล่าวขึ้นว่า “ใต้เท้าซูมาได้อย่างไร”
องค์ชายหกกล่าวอีกว่า “ก็เป็นห่วงกลัวว่าองค์หญิงจิ้งเสียนจะเบื่อนะสิ เพราะฉะนั้นข้าเลยเรียกเขามาอยู่เป็นสหายร่วมด้วยกัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...