เฉินเสียนเข้าไปนั่งข้างๆเขา แค่เข้าใกล้เขาก็รู้สึกใจเต้นไม่เป็นจังหวะ แล้วพูดว่า “หิวแล้วหรือยัง ข้านำของกินมาให้……”
คำพูดที่เหลือ มาพร้อมกับซูเจ๋อที่เข้ามาใกล้แล้วกลืนลงท้องไป
ซูเจ๋อนำศีรษะไปใกล้ไหล่ของเธอ นำมือไปโอบไว้ที่เอว เธอรู้สึกเหมือนว่าเขากำลังเอาริมฝีปากมาลูบคลำบริเวณที่หูของตัวเอง
ร่างกายของเฉินเสียนแข็งทื่อไปหมด
ทั้งสองคนไม่มีใครพูดอะไร
จากนั้นเฉินเสียนก็ได้ยินเสียงแห้งๆจากลำคอของเธอ “หิวแล้วท่านก็กินอาหารที่ข้านำมาให้ โถน้ำที่อยู่ข้างๆคือน้ำที่เอามาเมื่อตอนกลางวัน”
“อาเสียน ใจของท่านเต้นเร็วมาก”
เฉินเสียนก็รู้สึกร้อนผ่าว พลักไปที่หน้าอกของซูเจ๋อ “ท่านปล่อยข้า ข้าจะออกไปนอนข้างนอก”
“ออกไปนอนข้างนอก?ไม่นอนในรถม้าหรือ?”
“ในรถม้าให้ท่านนอน ถ้าข้าดั้นด้นเข้าไป ผู้หญิงกับผู้ชายอยู่ด้วยกันก็คงไม่เหมาะสม” เฉินเสียนหยิบพรมที่อยู่ด้านข้าง เอามากอดแล้วเตรียมจะออกไป
ไม่คิดว่าซูเจ๋อจะแย่งพรมนั้นไป เธอพยายามแย่งกลับคืนมาก็แย่งไม่ได้ จึงอดไม่ได้ที่จะจ้องมองเขา
เพียงแต่สายตาของเธอในความมืดนั้นไม่ได้ดูน่ากลัวอะไรเลย
ซูเจ๋อพูด “ท่านจะกลัวอะไร ก็ไม่ใช่ให้ท่านกับข้านอนด้วยกัน”
“อย่างนั้นท่านจะแย่งพรมข้าทำไม?”
“ถ้าข้าให้ท่านไปนอนข้างนอกจริง องค์หญิงนอนข้างนอก ขุนนางนอนในรถ น่าจะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกมากกว่า”
เขาพูดพร้อมกับถืออาหาร แล้วเอาพรมออกไปข้างนอก “ท่านนอนในรถ ข้าจะออกไปนอนข้างนอกเอง”
เฉินเสียนพูดโพล่งออกมาว่า “แต่ว่าร่างกายท่านยังไม่ค่อยแข็งแรงดี”
ซูเจ๋อหัวเราะเสียงต่ำแล้วพูดว่า “อย่างนั้นก็เก็บไว้พรุ่งนี้ให้ท่านได้เห็นใจข้า”
พูดเสร็จซูเจ๋อก็ลงจากรถ การเคลื่อนไหวอย่างสุขุม
อากาศข้างในเหลือไว้เพียงแค่ลมหายใจของเขา ทำให้หูและใบหน้าของเฉินเสียนนั้นร้อนผ่าว
ชิงซิ่งไม่คิดว่าคนที่ออกมาจะเป็นซูเจ๋อ แต่เธอก็คิดว่ามันสมเหตุสมผลแล้ว
ซูเจ๋อดูค่อนข้างจะง่วงนอน ไม่รู้ว่าได้นอนนานหรือว่านอนไม่พอ สีหน้าถึงดูขาวซีดมาก
เขาเอาพรมบางทิ้งให้เฮ่อโยว ตัวเองก็หาพื้นที่แห้งๆเอาเสื้อปูลงนั่งใต้ต้นไม้ พร้อมกับกินอาหาร
เป็นครั้งแรกที่ชิงซิ่งได้เห็นบัณฑิตที่เขาเล่าลือกัน เวลานั้นก็ถูกกิริท่าทางอันงดงามมีสง่าของเขาดึงดูด
เฮ่อโยวเคาะไปที่หัวของ แล้วพูดว่า “นั่งเหม่ออะไร ยังไม่พัดให้คุณชายน้อยอีก ”
ขนาดชิงซิ่งยังรู้สึกได้ว่า บัณฑิตกับคุณชายเจ้าสำอางค์ตรงหน้า ต่างกันกับฟ้ากับดิน
คืนนั้นเฮ่อโยวก็บ่นพึมพำกับซูเจ๋อด้วยคำพูดเยาะเย้ย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจในตัวซูเจ๋อ
ซูเจ๋อไม่สนใจเขาแม้แต่ประโยคเดียว เขาเพียงแค่พูดว่าเหนื่อยไม่มีอารมณ์เล่นด้วย เอียงหัวแล้วนอนลง
มันเป็นคืนที่สงบเงียบไม่มีเรื่องอะไร
เพียงแต่ถึงตอนเช้าตรู่ของวันที่สอง คาดเดาได้ว่าเมื่อคืนน้ำค้างคงลงเยอะ ตอนที่ซูเจ๋อตื่นขึ้นมาร่างกายของเขารู้สึกเปียกและเย็น เป็นสัญญาณว่าเขาน่าจะเป็นหวัด
เฮ่อโยวพูดด้วยความดูถูกว่า “ดูท่าท่านน่าจะป่วยนะ แล้วจะไปขี่ม้ามาอีก กลับไปนอนบนรถม้าเถอะ ร่างกายไม่ดีจะมาโอ้อวดอะไร ใครให้ท่านเอาพรมมาให้กับคุณชายน้อยกัน?เมื่อคืนทำให้ข้าอบอ้าวจะตาย”
เมื่อวานซูเจ๋อได้นอนอยู่ในรถม้าแล้วกว่าครึ่งวัน เนื่องจากเขาป่วย เวลาเช้าตรู่นี้เฉินเสียนก็ยังคงอยู่ในรถม้านั้น แต่ขนาดชิงซิ่งก็ไม่มีความเห็นต่าง
เพราะที่สำคัญตอนนี้ชิงซิ่งไม่มีแรงแล้ว เมื่อคืนพัดยุงให้เฮ่อโยวเกือบทั้งคืน เธอง่วงจนไม่ไหวแล้ว
เมื่อตอนที่ซูเจ๋อขึ้นรถม้ามาแล้ว เฉินเสียนชำเลืองมองมาที่ใบหน้าซีดของเขา ถามว่า “เป็นหวัดจริงๆใช่รึไม่?”
ซูเจ๋อยิ่มหัวเราะ “จริงสิ ข้าเคยหลอกท่านรึ”
เฉินเสียนยิ่งสงสัย “นำมือยื่นออกมา ข้าจะดูว่าใช่ลักษณะอาการของลมเย็นหรือไม่”
“ท่านให้ข้าเข้าไปนั่งดีๆก่อน แล้วข้าจะให้ท่านดูดีหรือไม่?”
เปลือกตาของเฉินเสียนกระตุก หลังจากนั้นวรยุทธของซูเจ๋อก็ทำให้จิตใจสงบแล้วพับแขนเสื้อขึ้นและจึงนั่งลงข้างๆเธอ
เขายื่นมือออกไป “ตอนนี้ดูได้รึไม่?”
“ไม่ต้องแล้ว เห็นท่านมีชีวิตชีวาขนาดนี้ เสแสร้งแกล้งมากกว่าครึ่ง” เฉินเสียนพูด
ซูเจ๋อยิ้มๆอย่างไร้อารมณ์ “เอาหล่ะ ท่านบอกไม่เตะข้าก็จะไม่เตะ”
หลังจากนั้นระหว่างการเดินทาง ซูเจ๋อไม่ได้เตะต้องตัวเฉินเสียนเลย
เขาปฏิบัติตัวอย่างมีมารยาท สง่าและเคร่งขรึมไม่เหมือนกับเมื่อวานที่ไม่สนใจอะไรที่พยายามดึงเธอไปในอ้อมกอดของผู้ชาย
หลังจากเวลาเที่ยง ขบวนก็ได้มาถึงสถานีจุดพักม้า
ทุกคนเข้าไปในสถานีจุดพักม้าเพื่อพักผ่อนในเวลากลางวัน คิดวางแผนที่จะเร่งการเดินทางในวันพรุ่งนี้
ถ้าตอนกลางวันไม่ได้รีบเดินทางต่อ ก่อนฟ้ามืดก็คงยังไม่ถึงสถานีจุดพักม้าอีกจุดหนึ่ง ทุกคนก็คงจะได้นอนกันกลางป่ากันอีก
อาหารที่จุดพักม้านั้นง่ายๆแต่รสชาตินั้นก็ดีกว่าอาหารแห้ง
เฉินเสียนกินอิ่มก็กลับไปที่ห้องพัก เนื่องจากชิงซิ่งปูที่นอนไว้ให้เธอ พร้อมนำชุดอาบน้ำมาให้
เฉินเสียนไม่ได้ออกจากห้องเลย จนกระทั่งถึงเวลาพลบค่ำเมื่อพระอาทิตย์จะตกดิน แสงอาทิตย์ที่ส่องมายังที่นั่งในเรือนจุดพักม้านั่นสีแดงเข้มอย่างมาก
ฟังขุนนางที่อยู่สถานีจุดพักม้าเล่าว่า แถวนี้มีแม่น้ำอยู่
ชิงซิ่งเพื่อไม่ให้เสียเวลา เก็บเสื้อผ้าที่ใส่มาสองวันก่อนนำไปซักที่ริมแม่น้ำ นำกลับมาตากตอนกลางคืนพรุ่งนี้เช้าก็แห้งพอดี
เฮ่อโยวว่างไม่มีอะไรทำ ก็เลยเดินตามไปที่ริมแม่น้ำ
ชิงซิ่งรำคาญเขามาก เขาก็ยิ่งไปแสดงตัวต่อหน้าชิงซิ่ง
ตอนก่อนไปเฉินเสียนบอกให้ชิงซิ่งเก็บหินรูปไข่ห่านจากริมแม่น้ำกลับมาด้วย
ตะวันใกล้จะลับฟ้า ชิงซิ่งก็หอบกลับมา เฮ่อโยวที่อยู่ข้างหลังบ่นอุบอิบต่อว่าเธอไม่หยุด
ชิงซิ่งตากผ้าด้วยสีหน้าหมดอะไรตายอยาก
ในเรือนอากาศยังคงดีอยู่ เฉินเสียนย้ายม้านั่งยาวมานั่งในเรือน แล้วนำหินรูปคล้ายไข่ห่านมาวางเรียงในกะละมังแล้วเติมน้ำลงไป
เมื่อชิงซิ่งตากผ้าเสร็จแล้วกลับมา เห็นเฉินเสียนกำลังนั่งถกกระโปรงและถอดรองเท้าอยู่อย่างสบายใจ
ชิงซิ่งตกใจ “องค์หญิงท่านทำอะไรหรือเพคะ?”
เฉินเสียน “แช่เท้า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...