แต่ฉินหรูเหลียงพยายามยืนหยัดได้เพียงไม่นาน บรรดาเหล่านักฆ่าคนอื่นๆ ฉวยโอกาสในขณะที่เขากำลังต่อสู้กับนักฆ่าอีกคน วิ่งผ่านเขาไป มุ่งหน้าไปยังทิศทางที่เฉินเสียนและซูเจ๋อหนีไป
เห็นได้ชัดว่านักฆ่าเหล่านี้พุ่งเป้าไปที่เฉินเสียนและซูเจ๋อ
เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับฉินหรูเหลียง เขาไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อ และไม่จำเป็นต้องไปขวางทางเหล่านักฆ่า
เฉินเสียนตะโกนเรียกเขาดังลั่น : "ฉินหรูเหลียง!"
"วิ่งเร็ว!"
ฉินหรูเหลียงในเวลานั้นกำลังจับคมดาบของนักฆ่า เลือดสดๆ ไหลออกจากมือ ปลายดาบของดาบเล่มนั้นแทงเข้ากลางลำตัวของเขา
ในขณะที่เฉินเสียนหันกลับไปครั้งหลังสุดนั้น เส้นทางที่คดเคี้ยวในภูเขา มองเห็นเงาของฉินหรูเหลียงที่ยิ่งอยู่ก็ยิ่งไกลออกไปเรื่อยๆ จากนั้นก็เห็นเขาถูกนักฆ่าเตะออกไป ร่างกายค่อยๆ กลิ้งลงจากเขาไป
ไม่มีใครคาดคิดว่าเรื่องจะกลายมาเป็นแบบนี้ได้ และยิ่งคาดคิดไม่ถึงเข้าไปใหญ่ว่านักฆ่าจะปลอมตัวเป็นทหารของอาณาจักรเย่เหลียง และลงมือฆ่าในพื้นที่ที่ใกล้กับราชนิเวศน์ของอาณาจักรเย่เหลียง
หากว่าเฉินเสียนและซูเจ๋อเสียชีวิตลงในวันนี้ ไม่ว่ายังไงอาณาจักรเย่เหลียงก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการตัดขาดความสัมพันธ์ในครั้งนี้ได้
เฉินเสียนไม่รู้ว่าใครเป็นคนคิดวางแผนชั่วร้ายนี้ขึ้นมา เธอไม่ได้ต้องการให้ฉินหรูเหลียงมาปกป้อง
คนที่เพิ่งพูดไปเมื่อสองวันก่อนว่าจะปกป้องเธอให้ดีที่สุด จริงๆ แล้วแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่สามารถปกป้องได้เลย แล้วเรื่องอะไรจะมาปกป้องเธอ?
มีสิทธิ์อะไรไปพุ่งเข้าหาคมดาบของเหล่าศัตรูพวกนั้น?
กลิ้งลงจากเขานี้ไป เขาไม่รู้ความเป็นความตายของตัวเองด้วยซ้ำ
หากว่าฉินหรูเหลียงยังเป็นคนเดิมเฉกเช่นเมื่อก่อน ที่คิดว่าไม่จำเป็นต้องปกป้องเฉินเสียน บางที เฉินเสียนคงอาจจะรู้สึกดีกว่านี้ก็ได้
ภายในใจของเฉินเสียนสับสนวุ่นวายไปหมด แต่ไม่นาน เธอก็ไม่สามารถสนใจอะไรต่อไปได้
นักฆ่าที่ตามหลังมา ยิ่งอยู่ก็ยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ตามหลังมาติดๆ ดูแล้วคงเป็นนักล่าติดตามมืออาชีพ
เธอและซูเจ๋อสองคน ถูกพันธนาการล้อมรอบ แถมเส้นทางที่วิ่งก็ยังเป็นเส้นทางภูเขา ยากลำบากพอตัว
ภายใต้เงื่อนไขแบบนี้ ซูเจ๋อที่กลั้นใจพาเฉินเสียนหนี ไม่ว่ายังไงก็คงจะช้ากว่านักฆ่าเหล่านั้นเป็นไหนๆ ที่บุกเดี่ยวพลิ้วไหวและไล่ตามหลังมาติดๆ
เฉินเสียนเองได้ใช้แรงทั้งหมดที่มีพยายามสุดฤทธิ์แล้ว แต่ก็ยังเป็นตัวถ่วงของซูเจ๋ออยู่ดี
เพราะเธอไม่มีวิชาตัวเบา ถ้าหากว่าซูเจ๋อตัวคนเดียว เขาคงจะสามารถสลัดนักฆ่าเหล่านี้หลุดไปได้ตั้งนานแล้ว
เฉินเสียนจึงเสนอขึ้นด้วยความหอบว่า : "ท่านปล่อยให้ข้าวิ่งเองดีกว่าไหม?"
ซูเจ๋อขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ปลายคิ้วเชิดขึ้นเล็กน้อย ทั้งตัวของเขาเต็มไปด้วยความตึงเครียด พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเบาบางว่า : "ให้ข้าปล่อยท่าน มีประโยชน์อะไร?" เขาหรี่ตาลง แววตาเงียบสงบ : "คนที่จะมาฆ่าท่าน เยอะกว่าคนที่จะมาฆ่าข้าเป็นไหนๆ"
เฉินเสียนสะดุ้งเล็กน้อย เพิ่มแรงวิ่งพร้อมกับพูดขึ้นว่า : "งั้นเราต้องวิ่งให้เร็วขึ้น!"
ลมหายใจของซูเจ๋อแนวแน่ ในขณะที่กำลังพาเฉินเสียนวิ่งหนีในป่าบนเขาอยู่นั้น เขาก็พูดกับเฉินเสียนว่า : "ต้องหลอกล่อพวกนักฆ่าออกไปที่โล่งแจ้ง จากนั้นก็ค่อยจัดการ"
ฝ่ายตรงข้ามคนเยอะกำลังมาก และในป่าบนเขานี้ก็เต็มไปด้วยอุปสรรคมากมาย ซูเจ๋อและเฉินเสียนจะถูกจำกัดขอบเขตจนเกินไป
อีกอย่างทั้งฉินหรูเหลียงและนักฆ่าเหล่านั้นก็ไม่มีใครรู้ว่าซูเจ๋อต่อสู้เป็น
ไม่อย่างงั้นเขาคงไม่พาเฉินเสียนวิ่งได้นานขนาดนี้ และยังคงไม่ถูกจับด้วย
ก่อนหน้านี้เฉินเสียนเองยังเคยแอบหัวเราะเยาะเย้ยตัวเองเรื่องความปลอดภัยที่แน่นหนาของราชนิเวศน์อาณาจักรเย่เหลียง ตอนนี้ดูแล้วทุกอย่างเละเทะระเนระนาดหมดแล้ว
ไม่รู้ว่าวิ่งไปนานแค่ไหนแล้ว เฉินเสียนรู้สึกว่านักฆ่าไล่ตามมาเกือบจะทันแล้ว เธอและซูเจ๋อไม่รู้ถึงสถานการณ์และรายละเอียดของเทือกเขานี้เลยแม้แต่นิดเดียว เวลานี้ใบไม้บนต้นไม้เหนือศีรษะของทั้งคู่ค่อนข้างบางตาลงไปมาก แสงสว่างข้างหน้าเริ่มเปิดมากขึ้นเรื่อยๆ
ซูเจ๋อไม่มีวิธีอื่น เขาไม่ได้เลือกที่จะพาเฉินเสียนวิ่งไปยังทิศทางของราชนิเวศน์ แต่กลับพาวิ่งขึ้นไปยังทิศทางบนยอดเขาแทน
ถนนหนทางที่จะนำไปสู่ราชนิเวศน์นั้นแคบและคดเคี้ยว วันก่อนที่สะพานคูน้ำธรรมชาติไม่เพียงแต่ไม่สามารถรักษาความปลอดภัย แต่ยังเพิ่มความอันตรายขึ้นมาหลายเท่าอีกด้วย
หุบเหวด้านล่างลึกสุดจะหยั่งถึง เป็นความอันตรายที่จะเสี่ยงไม่ได้เลย
ซูเจ๋อและเฉินเสียนไม่สามารถจะปกป้องได้ทุกทิศทาง บนร่างกายก็ยังได้รับบาดแผลจากคมดาบมาบ้าง แต่ทั้งคู่ที่สู้จนเลือดเดือดพล่าน จึงไม่ได้รู้สึกเจ็บเลยแม้แต่นิดเดียว
เฉินเสียนลืมความเจ็บปวดไปชั่วขณะ เธอยิ่งพ่ายก็ยิ่งกล้าหาญ รู้เพียงแต่ว่าถ้าหากเธอล่ะหลวมไปแม้แต่นิดเดียว ทั้งเธอและซูเจ๋ออาจจะตายทั้งคู่ก็ได้
และครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมเป็นแบบเดิมอีก ที่ทำได้เพียงแค่ยืนมองซูเจ๋อได้รับบาดเจ็บเพียงคนเดียว เธอเองก็จะใช้ความสามารถทั้งหมดที่ตัวเองมี แม้ว่าจะเป็นความพยายามเฮือกสุดท้าย ก็จะต้องร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่เขาให้ได้
ความรู้สึกแบบนี้ มันดีกว่าความรู้สึกที่เห็นซูเจ๋อต้องต่อสู้เพียงลำพังเพื่อปกป้องเธอ
ถึงแม้จะลดบาดแผลของเขาได้เพียงน้อยนิด และถึงแม้เลือดของตัวเธอเองจะไหลเยอะขึ้นกว่าหน่อย มันก็คุ้มค่าแล้ว
มือของเฉินเสียนตอนนี้ชาไปหมด เลือดสดๆ ไหลย้อมมือของเธอจนกลายเป็นสีแดง เธอแทบจะไม่มีแรงขยับเคลื่อนไหว
เธออยากให้คนพวกนี้ตายไปเสีย ให้หมด เพราะจะต้องตายให้หมดเท่านั้น เธอและซูเจ๋อจึงจะรอดได้
นัยน์ตาขาวดำแบ่งแยกชัดเจนคู่นั้น ระเหยไอเย็นยะเยือกที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร
มองนักฆ่าที่ล้มลงไปทีละคน ซูเจ๋อและเฉินเสียนยังคงยืนอยู่ไม่ได้ล้มลง สุดท้ายนักฆ่าไม่สามารถจะฝ่าเข้ามาได้
และถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป นักฆ่าจะไม่สามารถลุล่วงภารกิจได้
ในขณะที่นักฆ่ากับซูเจ๋อและเฉินเสียนกำลังต่อสู้กันอย่างนัวเนีย นักฆ่าคนหนึ่งฉวยโอกาสในขณะที่พวกเขาไม่ทันได้สังเกต แอบถอยออกมา
เขามองสังเกตตำแหน่งที่ซูเจ๋อและเฉินเสียนยืนอยู่ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองไปยังหินผุกร่อนบนไหล่เขานั่น เมื่อเล็งจุดได้แล้วก็ใช้วิชาตัวเบาดีดตัวขึ้น พุ่งทะยานไปยังทิศทางไหล่เขา
พอดีกับซูเจ๋อและเฉินเสียนแยกตัวกันและไม่ทันได้สังเกต นักฆ่าคนนั้นก็เตะก้อนหินบนไหล่เขาอย่างเต็มแรง
ทันใดนั้น ดินฝุ่นก็ฟุ้งกระจายเต็มอากาศ
หินผุกร่อนที่โดนแดนลมฝนเป็นเวลานาน จนแทบเกือบจะเป็นรูปเป็นร่างนั่นสั่นคลอนเขย่าไปทั่ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...