เขารู้ว่าหลายวันมานี้เฉินเสียนเหนื่อยมาก เธอควรพักผ่อนตั้งนานแล้ว
ซูเจ๋อนอนตะแคง เฉินเสียนก็ค่อยๆมานอนตะแคงโดยหันหน้าเข้าหาเขา
เฉินเสียนมองเขาอย่างละเอียด ซึ่งไม่เหมือนหลายวันก่อนที่เธอเรียกอย่างไรเขาก็ไม่ยอมตื่นเสียที
เฉินเสียนเอานิ้วไปแตะใบหน้าของเขา ค่อยๆลูบ ค่อยๆสัมผัส จากนั้นก็เอ่ยเสียงเบา "ยังดีที่ท่านเป็นอาจารย์ของข้า เคยสอนวิชาแพทย์ให้ข้า หาไม่แล้ว ข้าก็ไม่รู้ว่าควรรักษาท่านเช่นไร"
เธอกล่าวว่า "เมื่อก่อนข้าคงไม่ต้องใจเรียนสิท่า ไม่ได้เข้าใจเจตนารมณ์ของท่าน ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นวรยุทธ์หรือวิชาแพทย์ ร่างกายจึงต่อต้านโดยสัญชาตญาณแต่แรก"
ซูเจ๋อกล่าว "ต่อต้านมากๆจริงๆ ตอนนั้นในวังมีหมอหลวง มีทหารอารักขา อาเสียนจึงไม่จำเป็นต้องลำบากฝึกฝนพวกนี้ ทว่ายามนั้นสถานการณ์เริ่มตึงเครียด ข้าจำเป็นต้องป้องกันแต่เนิ่นๆ"
"ฝึกวรยุทธ์สามารถป้องกันตัวเองได้ ฝึกวิชาแพทย์สามารถรักษาตัวเองยามบาดเจ็บ ซูเจ๋อท่านคิดรอบคอบเสียจริง"
"ท่านไม่ชอบฝึก ข้าก็ให้ท่านฝึกซ้ำๆซากๆจนกว่าท่านจะจำได้ แม้นสมองไม่จดจำ ทว่าร่างกายก็ต้องจำ"
มิน่าล่ะครั้งแรกที่เธอรับรู้ความสามารถของตนถึงได้รู้สึกว่าเกิดมาจากสัญชาตญาณของร่างกาย
เธอยกมุมปากขึ้น พลางกล่าวว่า "ที่แท้ก็เป็นเยี่ยงนี้ ท่านช่างเป็นอาจารย์เข้มงวดโดยแท้"
"เพราะข้าเข้มงวดมาก นับวันท่านก็ยิ่งไม่ชอบขี้หน้าข้า" ซูเจ๋อเอ่ยเสียงเบา "กระทั่งเริ่มเกลียดชังข้าในเวลาต่อมาอีกด้วย"
นิ้วมือเรียวยาวของเฉินเสียนสัมผัสขอบตาซูเจ๋อ ดวงตาคู่อันแคบเรียวของเขาดูดีอย่างไร้ที่ติ
เธอปิดตา ปลายนิ้วหล่นไปแตะบนสันจมูกของเขา สลักภาพเขาไว้ในใจ พลางยิ้มเสียงเบา "แต่ตอนนี้ข้าโชคดีที่มีอาจารย์เช่นนี้ เหลียนชิงโจวก็เป็นลูกศิษย์ท่านกระมัง ข้าจำที่เขาเคยบอกว่า เขาเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นกับข้า"
"อืม"
"ฉะนั้นเหลียงชิงโจวคือบุคคลที่ท่านส่งมาข้างกายข้าแต่แรกใช่หรือไม่?"
"ข้าให้เขาคอยช่วยเหลือท่านสุดความสามารถ หากแต่ท่านอยู่ในจวนแม่ทัพ หลายๆเรื่องยังต้องพึ่งตัวเองบากบั่น"
"ซูเจ๋อ" เธออยากบอกว่า การที่มีเขาอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่ ช่างเป็นเรื่องดีงามเหลือเกิน
ซูเจ๋อตอบเธอเสียงเบา หัวใจชักกระตุกไปโอบเอวเธอ เริ่มโหยหาความหวานชื่นของเธอ ว่าแล้วจึงก้มหน้าจะเข้าใกล้ริมฝีปากของเธอ
เหลือแค่นิ้วเดียวจะถึงที่หมาย ทันใดนั้นเฉินเสียนก็ยื่นนิ้วมือไปขวางริมฝีปากเขาไว้พร้อมกับลืมตาขึ้นมา
เธอพูดติดตลกว่า "ยังมาอีก?"
"ไม่ได้หรือ?"
"ท่านคิดว่าไงล่ะ?ประเดี๋ยวแผลฉีกขาดอีกจะทำเยี่ยงไร?จัดการยากและท่านก็จะหายช้าขึ้น"
ซูเจ๋อประหนึ่งถูกเธอต้องมนตร์สะกด ครั้งแรกที่ได้สัมผัสความกระตือรือร้นและการฝ่ายรุกของเธอ ซึ่งสองสิ่งนี้คล้ายกับเปลวไฟที่สามารถแผดเผาเขากลายเป็นเถ้าธุลี
ความสุขตราตรึงเข้ากระดูกของเขาอย่างเปี่ยมล้น
"งั้นพอข้าหายยังได้อีกไหม?" ซูเจ๋อตั้งใจถาม
เธอจุมพิตริมฝีปากเขาอย่างอ่อนนุ่มเบาๆ ลมหายใจเขาและเธอรวมเป็นหนึ่งเดียวจนทำให้เธอรู้สึกอ่อนยวบ จึงต้องรีบถอยห่าง
ซูเจ๋อชะงัก เธอมุดไปอยู่ในอ้อมอกเขาด้วยรอยยิ้ม พลางพูดอู้อี้ว่า "นอนเถอะ"
เมื่อได้นอนข้างกายเขา เฉินเสียนรู้สึกสบายใจยิ่งนัก
เพียงชั่วอึดใจเฉินเสียนก็นอนหลับอย่างไร้กังวล
ซึ่งเธอหลับลึกมาก ไม่ว่าซูเจ๋อจะแหย่เธอเช่นไร เธอก็ไม่ตอบสนองใดๆ
ซูเจ๋อไม่มีความง่วงงุนเลยสักนิด เขามีเวลาดูเธอตลอดทั้งคืน เพื่อเป็นการทดแทนที่ไม่ได้มองหลายวัน
เฉินเสียนเอ่ยอย่างเพิกเฉย "ขอเพียงไม่ใช่สายเลือดเดียวกับข้า ข้าไม่สนว่าเขาเป็นใคร"
สิ่งที่เธอตั้งมั่นหรือผู้ที่เธอหมายปองแล้ว เธอจะไม่ยอมเปลี่ยนแปลงง่ายๆ
ฉินหรูเหลียงเห็นเจรจากับเธอไม่ลงรอย จึงเดินผ่านเฉินเสียนเข้าไปด้านในห้อง
เขาเงยหน้ามองเห็นซูเจ๋อฟื้นแล้วจริงๆ ทว่าร่างกายยังอ่อนแอ ใบหน้าไร้สีเลือด ผมดำราวน้ำหมึกพิงอยู่บนไหล่ด้วยท่าทางดูดีแบบฉบับไม่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่น
ฉินหรูเหลียงมองซูเจ๋อแวบหนึ่งก่อนจะกล่าวว่า "ที่แท้ท่านก็เป็นวรยุทธ์"
เขารู้ว่าลำพังเฉินเสียนคงไม่อาจฆ่ามือสังหารพวกนั้นได้ ยิ่งไปกว่านั้นมีก้อนหินมหึมาร่วงหล่น หากคนไร้วรยุทธ์ก็ยากจะต้านทานไหว ยิ่งไม่มีทางฟื้นหลังบาดเจ็บสาหัส
ซูเจ๋อถูกเปิดโปงอย่างไม่ต้องสงสัย
สีหน้าซูเจ๋อเรียบเฉย เอ่ยเหมือนคุยกันทั่วไป "รู้ผิวเผิน ทำให้แม่ทัพต้องขำเสียแล้ว ไม่งั้นคงไม่ตกอยู่ในสภาพตอนนี้ แม่ทัพฉินเชิญนั่ง"
คนไข้ทั้งสองนั่งในห้องอย่างสงบเยือกเย็น
ฉินหรูเหลียงพูดเสียงเย็นเยียบ "รู้เพียงผิวเผิน? ข้าได้ยินแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นเย่เหลียงกล่าวว่า รอยแผลบนกายมือสังหารพวกนั้นน่าสยดสยองมาก ท่านไม่ได้รู้เพียงผิวเผิน"
ซูเจ๋อยิ้มชั่วครู่ ยังคงไม่สะทกสะท้าน "ตอนนั้นตกอยู่ในเหตุคับขัน อาจเก่งเกินปกติ ซึ่งถ้าเกิดช้าไปเพียงหนึ่งก้าว องค์หญิงต้องประสบภัยอันตรายเป็นแน่"
เฉินเสียนอยู่นอกประตูไม่ได้เข้าไป ประตูที่เปิดไว้ด้านหนึ่งไม่เป็นอุปสรรคต่อเธอที่จะได้ยินบทเสวนาของทั้งคู่เลย
เธอหรี่ตามองแสงอาทิตย์ยามเช้าในลานบ้านอย่างล่องลอย
ฉินหรูเหลียงเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นก็กล่าวอีกว่า "คืนเทศกาลไหว้พระจันทร์ ผู้ที่อยู่กับเธอคือท่านใช่หรือไม่?"
ซูเจ๋อไม่ตอบ เพียงยักคิ้วเล็กน้อยอย่างไม่กระอักกระอ่วน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...