ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 331

เมื่ออยู่ในสวนเขตพระราชวังเฉินเสียนรู้สึกว่าผู้คนด้านในมีความแตกต่างจากผู้คนที่ยากจนและเจ็บปวดที่อยู่ด้านนอกมากอยู่แล้ว แต่ผลลัพธ์เมื่อมาถึงที่จวนนี้ มันช่างแตกต่างมากเสียจริง

ผู้พิทักษ์เมืองไม่สนว่าจะมีผู้ลี้ภัยอยู่นอกเมืองกี่คน หรือทุกวันมีผู้ลี้ภัยตายกี่คน แม้แต่เขื่อนเจียงหนานก็ถูกน้ำท่วมซัดไป เขาก็เพียงแค่ตรวจดูแลขุนนางเท่านั้น และก็ไม่ได้เป็นเป็นห่วงเป็นใยมากนัก

ผู้พิทักษ์เมืองเป็นขุนนางที่เจียงหนานมาหลายปีขนาดนี้แล้ว ถ้าหมดสิ้นอำนาจได้ก็คงหมดสิ้นอำนาจไปนานแล้ว เขามีคนอยู่ในราชสำนักและมักจะส่งเงินมาให้

ดังนั้นแม้เขื่อนจะพังทลาย เขาก็ไม่วิตกกังวลแต่อย่างใด ไม่แน่อาจรายงานว่า "เขื่อนทรุดโทรมตามกาลเวลาไม่อาจต้านทานน้ำท่วมได้" ในปีหน้าราชสำนักจะจัดสรรเงินอีกกอง ถึงเวลานั้นก็ต้องมีเงินสินบนอีกด้วย

ตอนนี้ ไม่ว่าเฉินเสียนจะแต่งตัวหลากหลายหรือสง่างามและหรูหรา ผู้พิทักษ์เมืองที่นั่งอยู่ในโถงเมื่อเห็นเธอเข้ามา เวลานั้นสายตาก็ต้องมาจรดอยู่ที่เธอ

เฉินเสียนยืนอยู่ในโถง การร้องเต้นในโถงเพราะเธอจึงแสดงออกมาไม่ค่อยดีนัก แขนเสื้อของสาวงามที่ร้องเล่นเต้นรำก็ลอยอยู่รอบตัวเธอ

เธอพูดอย่างไม่รู้ไม่ชี้ "ใต้เท้าไม่เชิญข้านั่งหน่อยหรือ?"

ผู้พิทักษ์เมืองฟื้นดึงสติกลับมา ลุกขึ้นต้อนรับ กล่าวว่า "ในที่สุดองค์หญิงจิ้งเสียนก็มา ให้กระหม่อมรอตั้งนานพ่ะย่ะค่ะ ตามกฎแล้ว องค์หญิงจิ้งเสียนควรนั่งข้างบน เชิญองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ"

ที่ด้านบนสุดของห้องโถงมีเพียงผู้พิทักษ์เมืองหนึ่งคน

เฉินเสียนเหลือบมองผู้พิทักษ์เมืองรูปร่างอวบอ้วน และให้เธอนั่งในตำแหน่งที่เขาเพิ่งนั่ง แต่เกรงว่าเฉินเสียนจะเอือมจนทานอาหารไม่ลงนี่สิ

เฉินเสียนยิ้มและเอ่ยปฏิเสธ "ไม่จำเป็นต้องนั่งหรอก นั่นเป็นที่นั่งของใต้เท้า ข้าจะนั่งลงได้อย่างไร ข้านั่งข้างๆ น่าจะดีกว่า"

กล่าวจบนั่งลงบนที่นั่งว่างข้างๆ ซูเจ๋อ

ผู้พิทักษ์เมืองตอบว่า "องค์หญิงเกรงใจไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ"

"อย่างไรซะนี่ก็เป็นเรือนใต้เท้า ข้าคือแขก จะไม่เกรงใจได้เยี่ยงไร” เฉินเสียนเหลือบมองขุนนางที่ฝั่งตรงข้ามและกล่าวว่า "เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าข้างนอกเงียบเชียบจนได้ยินเสียงนกเสียงกาตามลม คือทุนคนในเรือนจับกลุ่มกันร้องเล่นเต้นรำ คึกคักมากทีเดียวเชียว"

ผู้พิทักษ์เมืองกล่าวว่า "น้ำท่วมไม่ใช่เป็นเรื่องจริง แต่วันเวลายังต้องดำเนินต่อไป ตราบเท่าที่ผู้คนในเมืองของข้าปลอดภัยและสมบูรณ์ ก็เพียงพอแล้ว มาเถิดพ่ะย่ะค่ะ นำเหล้ามาให้องค์หญิงและใต้เท้าซู"

ตั้งแต่ครั้งก่อนที่ดื่มในหมู่บ้านจนไม่รู้เรื่องไม่รู้ราว เฉินเสียนจึงเลี่ยงเหล้านั่น ยิ่งไปกว่านั้นเธอจะไม่แตะเหล้าในโอกาสดังกล่าวเด็ดขาด

ผู้พิทักษ์เมืองเก็บท่าทางวาจาที่ไม่ค่อยให้เกียรติของเฉินเสียนไว้ในใจเท่านั้น สีหน้ายังคงเก็บอารมณ์ ไม่ยิ่งยโสโอหังเหมือนจ้าวเทียนฉีเมื่ออยู่เมืองเสวียน

ดังนั้นเฉินเสียนและซูเจ๋อจึงไม่ดื่ม เขาก็ไม่ได้บังคับ

งานเลี้ยงนั้นราบรื่นและดูเหมือนว่าบรรยากาศจะกลมกลืนกัน

ขุนนางเหล่านี้โดยผู้พิทักษ์เมืองเป็นผู้นำ ล้วนดื่มเหล้ากัน และค่อย ๆ เปิดเผยด้านที่แท้จริงของพวกเขา

เฉินเสียนนั่งหลังตรงจริงจัง และรู้สึกได้ว่ามีสายตาจ้องมาที่ตัวเธอเป็นครั้งคราว

หลังจากดื่มกันไปสามรอบ ผู้พิทักษ์เมืองยิ่งมองไปที่เฉินเสียนในที่นั่งยิ่งรู้สึกสบายขึ้น เธอนั่งอย่างเงียบสงบ น่าสนใจกว่านางบำเรอที่กำลังร้องเล่นเต้นรำอยู่ในห้องโถงเสียอีก

โดยเฉพาะร่างสีแดงเข้ม ดูเหมือนจะเป็นสีเดียวที่เป็นจุดสนใจทั้งห้องโถงทั้งหมด

ทั้งร่างของผู้พิทักษ์เมืองเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้าหึ่ง เข้ามาพร้อมกับจอกเหล้า ยืนอยู่ที่หน้าโต๊ะของเฉินเสียน หัวเราะหึหึกล่าวว่า "องค์หญิงจิ้งเสียน ข้าเชิญท่านดื่มเหล้าสักแก้วพ่ะย่ะค่ะ?"

เฉินเสียนกล่าวว่า "ท่านใต้เท้าเชิญตามสบาย ข้าไม่สามารถดื่มได้"

ผู้พิทักษ์เมืองไม่เคือง และค่อยๆ วางจอกเหล้าลงบนโต๊ะของเฉินเสียน ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ กล่าวว่า "ถ้าอย่างนั้น คุกเข่ารับพระราชโองการของจักรพรรดิองค์หญิงจิ้งเสียนสามารถทำได้ใช่ไหม?"

ผู้พิทักษ์เมืองเห็นว่ามือขาวเนียนของเธอ จึงไม่อยากที่จะปล่อยมือนี้เล็กน้อย ด้วยเหตุนี้จึงออกกลอุบาย เมื่อวางพระราชกฤษฎีกาไว้บนมือของเฉินเสียน มืออ้วนก็ถือโอกาสสัมผัสมือเฉินเสียน

หลังจากได้รับพระราชโองการ เฉินเสียนหมุนข้อมือได้อย่างชำนาญ และปัดป้องมือผู้พิทักษ์เมืองด้วยพระราชกฤษฎีกา

ผู้พิทักษ์เมืองไม่ทันมองได้ชัด ก็รู้สึกว่ามือของเขาว่างเปล่า ไม่เพียงแต่จะไม่ได้สัมผัสมือของสาวงาม แต่พระราชโองการของจักรพรรดิก็ถูกเธอเอาไปแล้วด้วย

ทันใดนั้นผู้พิทักษ์เมืองก็รู้สึกเหมือนมีไฟก่อในใจ

แม้ว่าจะเป็นองค์หญิงแล้วเยี่ยงไร ในเจียงหนาน ยังไม่มีใครกล้าปฏิเสธเขาแบบนี้ นอกจากนี้เธอยังคงเป็นองค์หญิงเจ้าปัญหา

ผู้พิทักษ์เมืองยิ้มข้างนอกแต่ข้างในไม่ได้ยิ้มด้วย กล่าวว่า "องค์หญิงฝีมือดีจริงๆ ทำให้ข้าตาพร่าเลยพ่ะย่ะค่ะ"

เฉินเสียนยืนขึ้นอย่างเฉยเมยและกล่าวว่า "ท่านใต้เท้าตาพร่ามัวอยู่แล้วเถิด"

สีหน้าผู้พิทักษ์เมืองไม่ดีนัก กล่าวว่า "พอองค์หญิงจิ้งเสียนมา ก็ไม่สนใจแม่ทัพฉินและรองท่านทูตนอกเมืองหรือพ่ะย่ะค่ะ"

เฉินเสียนเลิกคิ้วขึ้นและกล่าวว่า "แน่นอนว่าต้องสนใจ ข้ายังคงรอให้ใต้เท้าเปิดประตูเมืองและพาพวกเขาเข้ามาในเมืองน่ะ"

"ในเมื่อองค์หญิงรู้ชัด" ผู้พิทักษ์เมืองกล่าว "ควรระวังสถานการณ์ปัจจุบัน มิฉะนั้นข้าจะปิดพวกเขาไว้นอกเมือง ดูแลกันเองกับพวกผู้ลี้ภัยพวกนั้น"

เฉินเสียนหรี่ตาและมองไปที่ผู้พิทักษ์เมืองและกล่าวว่า "นอกเมืองคือแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ของต้าฉู่ รองท่านทูตเฮ่อ เขายังเป็นลูกชายของอัครเสนาบดี ท่านกล้าปล่อยให้พวกเขาดูแลตัวเองหรือไม่?"

ผู้พิทักษ์เมืองหัวเราะคิกคักและกล่าวว่า "แม่ทัพไม่ได้นำทหารมา ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาเป็นแม่ทัพและรองทูตเฮ่อนั่น เขียนว่าเป็นลูกชายของอัครเสนาบดีบนร่างของเขาหรือไม่? เมื่อเข้าไปในกลุ่มผู้ลี้ภัยแล้ว ข้าต้องปฏิบัติต่อพวกเขาในฐานะผู้ลี้ภัย"

ดังคำกล่าวที่ว่าเสือสู้งูประจำถิ่นไม่ได้ เป็นเช่นนี้นี่เอง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี