หลังจากเก็บกวาดห้องตำราเสร็จเรียบร้อย เฉินเสียนก็พาเจ้าน่องน้อยไปเล่นกับจระเข้อยู่พักหนึ่ง
เฉินเสียนกล่าวว่า “เจ้ารู้ไหมว่ามันกลัวอะไรมากที่สุด”
เจ้าน่องน้อยส่ายหน้า “ไม่รู้”
“แม่ได้ยินว่ามันกลัวสีเหลือง”
“ทำไมล่ะ”
“น่าจะเป็นเพราะโลกของมันมีแต่สีขาวกับสีดำ และสีเหลืองก็ทำให้มันแสบตาที่สุด” นี่คือสิ่งที่เฉินเสียนบังเอิญเห็นตอนดูสารคดีสัตว์โลกเมื่อนานมาแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ
ตอนนี้ในเมื่อเฉินเสียนมีโอกาสพิสูจน์แล้ว เธอจึงเอ่ยอย่างสนอกสนใจว่า “ลองดูหน่อยดีกว่า จะได้รู้ว่าใช่เรื่องจริงหรือเปล่า”
เฉินเสียนขอให้แม่นมซุยไปหยิบผ้าสีเหลืองสดมาให้และสะบัดตรงหน้าจระเข้ เป็นอย่างที่คิด จระเข้ก้าวถอยหลัง จากนั้นก็หันหัวกลับเข้าไปในมุม
สองแม่ลูกนั่งอยู่ในห้องตำราและหันมามองหน้ากันโดยไม่เอ่ยอะไร
แสงอาทิตย์ค่อยๆ ลับขอบฟ้า เจ้าน่องน้อยรู้ว่าคืนนี้หลังอาหารมื้อเย็น เขาจะต้องพาจระเข้กลับไปที่ทะเลสาบ แม้จะถึงเวลาที่ควรเข้านอนแล้วแต่เขาก็ยังไม่ง่วง เขารอจนกระทั่งนางกำนัลทุกคนกลับไปพักผ่อน จากนั้นจึงคลำทางไปที่ห้องตำรากับเฉินเสียน
โชคดีที่วันนี้ฟ้ามืดเร็ว ทุกคนที่พระตำหนักไท่เหอจึงพักผ่อนเร็วเช่นกัน
เจ้าน่องน้อยกระซิบเรียกเมื่ออยู่ในห้องตำรา “มาเถิด รีบออกมา”
หลังจากนำเศษเนื้อมาให้จระเข้กินแล้ว เขาก็หันหลังพามันออกมาจากห้องตำรา
เจ้าน่องน้อยเดินไปอย่างเชื่องช้าโดยมีจระเข้คลานตามมาข้างๆ อย่างเชื่อฟัง คนกับจระเข้ดูเหมือนจะเข้ากันได้เป็นอย่างดี
เมื่อเดินมาถึงริมทะเลสาบ เฉินเสียนจึงใช้เชือกผูกเข้ากับตะกร้า ตั้งใจจะให้จระเข้ปีนเข้าไปในตะกร้าและส่งมันลงไปในทะเลสาบ
เจ้าน่องน้อยลูบจระเข้เงียบๆ ก่อนจะบอกว่า “ท่านแม่ ข้าบอกลามันเสร็จแล้ว”
“ถ้าเช่นนั้นแม่จะส่งมันกลับแล้วนะ”
เจ้าน่องน้อยพยักหน้า ส่วนจระเข้ก็หมอบอยู่ในตะกร้าอย่างเชื่อฟัง จากนั้นเฉินเสียนจึงคลายเชือกและปล่อยตะกร้าลงสู่ผิวทะเลสาบ
จระเข้ลอยอยู่บนผิวน้ำอยู่ครู่หนึ่งไม่ยอมจากไป แสงสลัวจากใต้ชายคาส่องกระทบลงบนผิวน้ำจนเกิดเป็นแสงประกายระยิบระยับ
เฉินเสียนจูงมือเจ้าน่องน้อยพลางบอกว่า “ไปเถอะ กลับไปนอนกัน”
รอจนสองแม่ลูกเดินกลับไปแล้ว จระเข้ตัวนั้นจึงหันหลังว่ายน้ำออกไป
หลังจากกลับไปถึงห้องและล้างหน้าบ้วนปากเรียบร้อย เจ้าน่องน้อยก็นอนตะแคงและผล็อยหลับไปเงียบๆ ลมหายใจของเขาแผ่วเบาและสม่ำเสมอ เฉินเสียนนอนตะแคงอยู่ข้างๆ เอามือเท้าศีรษะและมองดูเขาอยู่เงียบๆ เป็นเวลานาน
เธอไม่อยากรบกวนการนอนของเจ้าน่องน้อย ทว่าเธอหลับไม่ลง
ถ้าไม่ใช่เพราะวันนี้พระสนมฉีมาจับผิด เธอคงจะเฝ้าดูเจ้าน่องน้อยอย่างเอาใจใส่ได้อีกสักพัก เพราะคำพูดที่ไม่ได้ตั้งใจเพียงไม่กี่คำของเสี่ยวเฮอเมื่อตอนกลางวัน ทำให้ตอนนี้ภายในใจของเฉินเสียนสับสนมากและไม่มีทางสงบลงได้เลย
วันรุ่งขึ้น เจ้าน่องน้อยตื่นตรงเวลาตั้งแต่เช้า เขายังจำได้ว่าตัวเองต้องไปเข้าเรียนที่โรงเรียนไท่
เฉินเสียนยังคงหลับอยู่และเขาก็ไม่ได้ส่งเสียงรบกวน แม่นมซุยช่วยสวมเสื้อผ้าให้เขาอย่างเบามือ ขณะที่กำลังจะอุ้มเขาออกไปกินอาหารเช้า เสียงของเฉินเสียนก็ดังขึ้นมาอย่างงัวเงีย “หลังกินข้าวเช้าแล้วเล่นอยู่ในลานข้างหน้าก่อนนะ หลังจากนี้ไม่ต้องไปโรงเรียนไท่อีกแล้ว”
แต่เฉินเสียนรู้นิสัยของลูกชายดี ถ้าเธอไม่คอยเฝ้าดู เจ้าน่องน้อยจะต้องคว้ากระเป๋าตำราใบน้อยแล้วลากเสี่ยวเฮอออกไปจากพระตำหนักไท่เหอแน่ๆ
แล้วก็เป็นอย่างที่คิด ทันทีที่เฉินเสียนลุกขึ้นมาล้างหน้าล้างตาและออกไปที่ห้องอาหาร เธอก็เห็นว่าเจ้าน่องน้อยกินข้าวเช้าเสร็จแล้ว และกำลังแบกกระเป๋าใบน้อยเตรียมจะฉวยโอกาสตอนที่เธอยังหลับออกไปกับเสี่ยวเฮอ
เมื่อพูดจบเสี่ยวเฮอก็รีบวิ่งตามไปราวกับกลัวว่าเฉินเสียนจะรั้งนางไว้ ก่อนไปยังไม่ลืมหยิบขนมที่เจ้าน่องน้อยชอบใส่จานตามไปด้วย
เฉินเสียนมองดูเสี่ยวเฮอที่วิ่งออกไปด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่า เธอรู้ว่านางไม่ได้คิดจะพาเจ้าน่องน้อยกลับมา แม้ว่าเจ้าน่องน้อยยังไปไม่ถึงโรงเรียนไท่ เสี่ยวเฮอก็จะส่งเขาไปถึงที่นั่น
เฉินเสียนพูดกับตัวเองว่า “ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าช่วยคลอดลูกมาให้ใคร แต่ที่รู้คือเขาวิ่งไปอีกทางหนึ่งแล้ว”
เธอหันกลับไปที่ห้องอย่างโกรธๆ และเอ่ยขึ้นมาอีกว่า “เสียแรงเปล่าจริงๆ ที่คลอดเขาออกมา”
อวี้เยี่ยนยกชาร้อนๆ มาให้พลางมองเสี่ยวเฮอที่วิ่งออกไปไกล จากนั้นนางก็เห็นเฉินเสียนกลับเข้ามาและไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น มันดูแปลกๆ ตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว
หลังจากนั้นแม่นมซุยก็เข้ามาในห้องและกล่าวอย่างคล้อยตามว่า “เมื่อวานนี้เรื่องพระสนมฉีกับองค์ชายห้า องค์ชายห้าถูกจัดการไปเช่นนั้น พระสนมฉีจะต้องกลับมาอีกแน่ เจ้าน่องน้อยไปโรงเรียนไท่ก็ดีเหมือนกัน องค์หญิงทรงคิดเห็นเช่นไรเพคะ”
เมื่อวานหลังจากที่องค์ชายห้ากลับไปแล้ว ได้ยินมาว่าเขาขวัญหนีดีฝ่อไปหมด พอตกดึกก็หวาดกลัวจนตัวสั่น จะเป็นจะตายอย่างไรก็จะขอไปนอนซุกอยู่ใต้ผ้าห่มของพระสนมฉี
ไม่ว่าพระสนมฉีจะถามอะไรเขาก็ไม่ยอมตอบเพราะหวาดกลัว พระสนมฉีคิดว่าเขาตกใจเพราะได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นนางจึงนอนอยู่เป็นเพื่อนเขาสองสามคืน
แต่แล้วพระสนมฉีก็ทั้งโกรธทั้งหงุดหงิด เนื่องจากองค์ชายห้าเอาแต่อยู่ในห้องของนางและไม่ยอมกลับไปนอนที่ห้องของตัวเอง ทำให้นางไม่มีโอกาสเข้าไปปรนนิบัติองค์จักรพรรดิ
หากไม่มีโอกาสเข้าไปปรนนิบัติ นางจะคอยเป่าหูจักรพรรดิได้อย่างไร จะแน่ใจได้อย่างไรว่านางสองคนแม่ลูกจะอยู่ในวังอย่างเป็นที่โปรดปรานไปอีกนาน
พระสนมฉีมองโอรสของตนเองที่ถูกทำร้ายจนเป็นแบบนี้ ไม่ว่าอย่างไรนางก็นิ่งดูดายไม่ได้และจะต้องเอาคืนแน่ๆ
แล้วไว้ค่อยว่ากันทีหลัง
เฉินเสียนมองแม่นมซุยและกล่าวว่า “เอ้อร์เหนียง นี่คือการหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะตามมา”
เอ้อร์เหนียงกล่าวว่า “องค์หญิง บ่าวเข้าใจเพคะว่าเป็นการหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหา”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...