ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 481

หมอหลวงไม่สามารถรักษาให้หายได้ บอกว่าสมเด็จพระราชชนนีทรงทุกข์พระทัย

องค์จักรพรรดิได้ยินว่ามีคนเข้ามาก่อความเดือดร้อนในวังหลัง จึงส่งคนมาเฝ้าพระตำหนักของสมเด็จพระราชชนนีที่วังหลังตลอดทั้งคืน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ยินเสียงอะไร และไม่เห็นเงาของผีชุดขาวแบบที่พูดต่อ ๆ กันมา

แต่อาการประชวรของสมเด็จพระราชชนนีดูท่าไม่ดีนัก ได้แต่ตรัสว่าเสียงนั้นคอยดังหลอกหลอนอยู่ในหู ไม่ได้หยุด

องค์จักรพรรดิเสด็จมาดูอาการสมเด็จพระราชชนนีที่วังหลังวันละครั้งสองครั้ง เฮ่อโยวติดตามมาเยี่ยมอาการด้วย มองดูสมเด็จพระราชชนนีที่ทรงผอมซูบลง และซีดเผือด และมักมีอาการเหม่อลอยและตกใจตื่นจากฝันร้ายบ่อยครั้ง

เฮ่อโยวกล่าวว่า "กราบบังคมทูลฝ่าบาท หากความทุกข์พระทัยของสมเด็จพระราชชนนียังไม่หายไป เกรงว่าอาการประชวรนี้คงจะหายได้ยากพ่ะย่ะค่ะ"

ความทุกข์พระทัยของสมเด็จพระราชชนนีเป็นเพราะพระสนมฉี องค์จักรพรรดิตรัสด้วยความโกรธเคือง "ต้องการให้พระสนมฉีฟื้นคืนชีพงั้นหรือ? พระสนมฉีประพฤติผิดในคุณธรรมของหญิง ทรยศหักหลัง สมควรตาย!"

เฮ่อโยวกล่าว "หม่อมฉันหมายถึง หรือลองเชิญมหาปุโรหิตจากวัดเข้ามาที่วังหลวง เพื่อเข้ามาทำพิธีกรรมขับไล่วิญญาณและชำระความชั่วร้ายของดวงวิญญาณพระสนมฉี และเพื่อให้สมเด็จพระราชชนนีสงบสุข"

องค์จักรจักรพรรดิมองไปที่เฮ่อโยว "เจ้าก็เชื่อเรื่องพลังผีสางวิญญาณร้ายด้วยหรือ?"

เฮ่อโยวกล่าว "หม่อมฉันเพียงเพื่อต้องการให้สมเด็จพระราชชนนีทรงสบายพระทัย หากมหาปุโรหิตบอกว่าวังหลังแห่งนี้ปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง สมเด็จพระราชชนนีน่าจะทรงเชื่อพระทัยอยู่ และเมื่อความทุกข์พระทัยได้หมดไป พระอาการประชวรก็จะหายดีเป็นปกติ อีกทั้งงานฉลองตรุษจีนก็ใกล้เข้ามา ทั้งได้ขับไล่วิญญาณชั่วร้ายและยังสามารถสร้างความสงบสยบความตื่นตระหนกในวังหลังลงได้พ่ะย่ะค่ะ"

องค์จักรพรรดิครุ่นคิด คำพูดของเฮ่อโยวก็ไม่ใช่จะไม่มีเหตุผล

พอดีกับที่สมเด็จพระราชชนนีรู้สึกตัวตื่น ได้ยินที่เฮ่อโยวพูด และตรัสด้วยเสียงแผ่วบาง "เขาพูดถูก รีบจัดหาคนมาทำพิธีกรรม ปัดเป่าวิญญาณชั่วร้ายของพระสนมฉี มิเช่นนั้น นางเอาแต่ร้องไห้ทุกค่ำคืน ข้าก็รู้สึกไม่สบายใจ ข้าปฏิบัติต่อนางไม่ดีหรืออย่างไรกัน ทำไมนางตายไปแล้วถึงยังตามมาหลอกหลอนข้าไม่หยุด..."

เฮ่อโยวกล่าว "สมเด็จพระราชชนนีทรงอย่าคิดมากพ่ะย่ะค่ะ อาจจะเป็นเพราะดวงวิญญาณของพระสนมฉีนึกถึงความของสมเด็จพระราชชนนี ก็เลยวางไม่ลงกับความผูกพันนี้"

เฮ่อโยวพูดปลอบใจแบบนี้ ทำให้สีหน้าของสมเด็จพระราชชนนีดูผ่อนคลายขึ้น

เรื่องทำพิธีกรรมปัดเป่าวิญญาณชั่วร้ายให้วังหลังนี้ องค์จักรพรรดิทรงโปรดให้เฮ่อโยวเป็นผู้ดำเนินการแทน

อาณาจักรต้าฉู่มีวัดฮู่กั๋ว ตั้งอยู่นอกเมืองหวงบนภูเขาลู่ แต่เป็นเพราะองค์จักรพรรดิไม่ได้เชื่อในพระพุทธเจ้าตั้งแต่เสด็จขึ้นครองราชย์ และวัดฮู่กั๋วแห่งนี้ก็ถูกละเลยมาจนถึงทุกวันนี้

ได้ยินมาว่าภายในวัดแห่งนี้มีมหาปุโรหิตที่มีวิชา วัดแห่งนี้มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน รวบรวมพลังจิตจากฟ้าดิน และมีความเก่าแก่โบราณ ประชาชนที่อาศัยอยู่ตีนเขาก็มักจะขึ้นมาเพื่อขอพรและบริจาคเงินน้ำมันงาให้กับวัดตามกำลังทรัพย์ของตน

ครั้งนี้เฮ่อโยวมาในชุดเครื่องแบบขุนนางฝ่ายพิธีการ พร้อมด้วยคนในวังอีกจำนวนหนึ่ง ไปที่ภูเขาลู่เพื่อเชิญมหาปุโรหิตเข้าวังไปทำพิธีขับไล่วิญญาณชั่วร้ายและเพื่อขอพรให้สมเด็จพระราชชนนี

การสิ้นพระชนม์ของพระสนมฉีเป็นเพราะพระองค์มีชู้กับผู้อื่น ไม่ใช่เรื่องที่น่ารื่นเริงนัก จึงบอกไปตามที่นางกำนัลเข้ามากราบทูลรายงานองค์จักรพรรดิ และในขณะที่เฮ่อโยวกำลังเชิญมหาปุโรหิตนั้น เขาไม่ได้บอกอย่างละเอียดนัก และไม่ได้พูดถึงเรื่องฐานันดรศักดิ์และความสัมพันธ์ของพระสนมฉีในวังหลัง

องค์จักรพรรดิไม่นับถือศาสนาพุทธ พระองค์จึงทรงสงสัยในพระพุทธศาสนาอยู่มาก ทุกคนต่างบอกกันว่านั่นคือมหาปุโรหิตผู้มีความรู้วิชาอาคม พระองค์ก็คิดอยากจะลองดูว่าแท้จริงแล้วเป็นวิชาอาคมแบบไหน

ในวันนี้มหาปุโรหิตได้ถือไม้อาคม นุ่งห่มพระกาย และมีพระในวังติดตามเข้ามาในวังหลวง สมเด็จพระราชชนนีที่ยังทรงประชวรก็เสด็จออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง

มหาปุโรหิตกำลังสวดคัมภีร์เพื่อขับไล่วิญญาณชั่วร้าย และหลังจากนั้นก็ไปทำพิธีกรรมเพื่อช่วยวิญญาณของผู้ตายที่พระตำหนักของพระสนมฉี

มหาปุโรหิตกล่าว "อมิตตาพุทธ เหตุที่สมเด็จพระราชชนนีต้องฝันร้ายพัวพันกับผู้ตายนั้น ก็เพราะว่าผู้ตายยังมีความปรารถนาที่ยังไม่สำเร็จ และยังมีผู้คนในโลกที่ปล่อยวางไม่ได้"

สมเด็จพระราชชนนีนึกคิด จะไม่เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร พระสนมฉีทิ้งให้องค์ชายห้าต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว จะปล่อยวางได้อย่างไรกัน

หลังจากนั้นมหาปุโรหิตได้สอบถามถึงสถานที่ที่พระสนมฉีเคยเสด็จก่อนที่พระองค์จะสิ้นพระชนม์ และไปทำพิธีกรรมตามที่ดังกล่าว ได้ทิ้งเครื่องรางสีเหลืองไว้ตลอดทาง และพระที่เดินตามมาข้างหลังยังคงสวดคัมภีร์โดยไม่หยุดหย่อน บทสวดภาษาสันสกฤตที่เปล่งออกมาฟังดูศักดิ์สิทธิ์นัก

สมเด็จพระราชชนนีฟังแล้วรู้สึกสับสนไปหมด ราวกับว่ากำลังเข้าใจประเด็นสำคัญบางอย่าง แต่แล้วก็คลุมเครือ

เฉินเสียนไม่สนใจ จูงมือเจ้าน่องน้อยและเดินเข้าห้องไป จากนั้นไม่นานเสี่ยวเฮอก็เข้ามาและกล่าวว่า "ไม่นานมานี้ภายในวังมีผีออกอาละวาด ได้ยินมาว่าสมเด็จพระราชชนนีทรงเป็นเอาหนัก จึงทรงโปรดให้เชิญมหาปุโรหิตเข้ามาทำพิธีขับไล่วิญญาณร้ายเพคะ"

เฉินเสียนหัวเราะออกมา และกล่าวว่า "ไม่ได้ทำอะไรผิด ก็ไม่ต้องกลัวผีจะมาเคาะประตู สมเด็จพระราชชนนีและพระสนมฉีถูกคอกันไม่ใช่หรือ ทำไมดวงวิญญาณของพระสนมฉีจะต้องไปหลอกหลอนพระองค์ด้วย หากพระสนมฉีจะไปหา ก็น่าจะมาหาข้าก่อนไม่ใช่หรือ"

ทันทีที่พูดจบ เฉินเสียนก็นึกอะไรได้ จู่ ๆ ก็รู้สึกหนาวจนขนหัวลุก

ใช่สิ หากมีผีและเทพเจ้าอย่างที่พูดกัน พระสนมฉีก็ควรมาหานางเป็นคนแรก แต่กลับไปหาสมเด็จพระราชชนนีก่อน เรื่องนี้ต้องมีอะไรแปลก

คำพูดที่มหาปุโรหิตพูดที่ฝั่งตรงข้ามวันนี้ ทำให้คนอื่นคิดมากและเข้าใจผิดเอาได้ เกรงว่าพระตำหนักไท่เหอคงต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์และโจมตีในเร็ววัน

เฉินเสียนถามเสี่ยวเฮอ "ใครเป็นคนเชิญมหาปุโรหิตท่านนี้มา?" เพียงแค่ได้รู้ว่าใครเป็นคนเชิญมา ก็สามารถคาดเดาจุดประสงค์ของอีกฝ่ายได้

เสี่ยวเฮอกล่าว "ได้ยินมาว่าเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่คนใกล้ชิดขององค์จักรพรรดิเป็นผู้ให้คำแนะนำเพคะ"

เฉินเสียนตกตะลึง เฮ่อโยวอีกแล้วหรือ

เสี่ยวเฮอยังกล่าวอีกว่า "เป็นเพราะสมเด็จพระราชชนนีหวาดกลัวจนวิตกจริต และไม่มีทางเลือกอื่นจึงได้ให้คำแนะนำเช่นนี้ มหาปุโรหิตถูกเชิญมาจากวัดฮู่กั๋ว วัดฮู่กั๋วเป็นวัดบนภูเขาที่เก่าแก่นับร้อยปี วันนี้ดูจากสภาพจิตใจของสมเด็จพระราชชนนีแล้ว ดูเหมือนจะดีขึ้นมากแล้วเพคะ" เมื่อเห็นว่าเฉินเสียนยังตกตะลึง นางจึงถาม "องค์หญิง องค์หญิงเป็นอะไรหรือเพคะ?"

เฉินเสียนกล่าว "ไม่มีอะไรน่ะ"

นางนั่งลงและคิดว่าครั้งก่อนที่พระสนมฉีถูกฆ่าเพราะเป็นชู้กับคนอื่น แลัวครั้งนี้จะเป็นยังไงต่อ?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี