ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 503

หลังจากที่เฉินเสียนถูกจับออกไปแล้ว ที่หน้าลานสวนยังคงจัดงานเลี้ยงต่อ ราวกับว่าไม่เคยมีเรื่องโกลาหลวุ่นวายเกิดขึ้นยังไงอย่างนั้น

เฮ่อโยวยังคงออกไปรับหน้าด้วยตัวเอง ดื่มเหล้าแสดงความเคารพไปทั่วทุกโต๊ะ และกล่าวคำขอบคุณกับแขกที่มาร่วมงานพิธีมงคลสมรสของเขา

หลายต่อหลายคนพากันดูถูกเขาในใจ ว่าเขานั้นทำได้ทุกอย่างเพื่อจะไต่เต้าปีนป่ายขึ้นมา

แม้ว่าในเรือนหอจะถูกตกแต่งเรียบเฉยไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่ห้องหอนั้นดูมีอะไรขึ้นมาหน่อย

เทียนแดงจุดรอบเตียง ดูแล้ววิจิตรสวยงามมากทีเดียว

เมื่อประตูห้องหอถูกปิดลง แม่นมหลายคนก็ยืนเฝ้าอยู่ด้านนอก อวี้เยี่ยนเองถูกขังอยู่ข้างในกับเฉินเสียนด้วย

อวี้เยี่ยนวิตกกังวลเป็นอย่างมาก นางเดินวนไปมาในห้องหอไม่หยุดด้วยความกระวนกระวายใจ

นางกัดกรามแน่น เอื้อมมือไปดึงปิ่นปักผมอันแหลมคมบนศีรษะที่เตรียมเอาไว้ตั้งแต่แรก พูดขึ้นกับเฉินเสียนด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า : “องค์หญิง หม่อมฉันจะไม่ยอมให้จิ้งจอกตาขาวเข้าใกล้องค์หญิงได้อย่างเป็นอันขาด! หากเขากล้าจะเข้ามา หม่อมฉันจะใช้ปิ่นนี้แทงเขาอย่างเหี้ยมโหดเพคะ!”

เฉินเสียนเงียบอยู่เนิ่นนาน จู่ๆ ก็พูดขึ้นว่า : “เอ้อเหนียงล่ะ?”

อวี้เยี่ยนอึ้งไปชั่วขณะ รู้ว่าเวลานี้เฉินเสียนได้สติขึ้นมาแล้ว นางมองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงรีบพูดขึ้นว่า : “เอ้อเหนียง……หม่อมฉันไม่ทราบเพคะ จำได้แค่ว่านางออกจากพระราชวังพร้อมเรา หลังจากที่กำชับให้หม่อมฉันดูแลองค์หญิงให้ดีแล้ว หม่อมฉันก็ไม่เห็นนางอีกเลยเพคะ……”

ตอนนี้เอง ที่อวี้เยี่ยนพึ่งจะคิดอะไรขึ้นมาได้ : “จริงสิ เอ้อเหนียงล่ะ? ตั้งแต่เข้าเรือนหอมาจนถึงตอนนี้ หม่อมฉันก็ยังไม่ได้เห็นหน้าเลยเพคะ!”

“ช่างเถอะ”

เวลานี้เอง เมื่อเข้าสู่พลบค่ำ ตรอกที่ซ่อนอยู่ค่อนข้างลึก ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

หญิงเจ้าของบ้านคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องครัว นางเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อน แล้วจึงค่อยเปิดประตูลานสวน

ในตอนแรกนางคิดว่าเป็นสามีของนางที่กลับมา แต่นึกไม่ถึงเลยว่าจะเห็นหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งยืนอยู่ประตูแทน ในอ้อมแขนของหญิงวัยกลางคนนั้นได้อุ้มเด็กคนหนึ่งอยู่ด้วย

เมื่อแม่นมซุยเห็นมีคนออกมาแล้ว นางก็ยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ท่านก็คือคนใจดีที่เจ้านายของข้าเอ่ยถึงใช่หรือเปล่า? ได้ยินมาว่านายหญิงเคยรับดูแลเจ้านายของข้ามาก่อน เจ้านายของข้าและลูกเขยที่หนีมาด้วยกัน มาขอพักอาศัยกับท่านอยู่ครึ่งค่อนวัน ไม่ทราบว่านายหญิงยังจะพอจำได้อยู่บ้างหรือเปล่า?”

หญิงเจ้าของบ้านจึงตอบกลับไปว่า : “ข้าจำได้ จำได้ดีเชียวล่ะ แล้วท่านคือ……”

“ขอข้าเข้าไปก่อนแล้วค่อยคุยได้หรือไม่?”

“เจ้าเข้ามาก่อนเถิด” หญิงเจ้าของบ้านสังเกตเห็นเด็กที่แม่นมซุยอุ้มอยู่ : “เด็กคนนี้คือลูกของพวกเขาทั้งคู่หรอกหรือ น่ารักน่าชังเสียไม่มี”

แม่นมซุยจึงพูดขึ้นว่า : “ที่ข้ามานี้ มีเรื่องอยากจะขอร้องนายหญิง เด็กคนนี้ป่วยหนัก ที่นอกเมืองมีหมอผู้หนึ่งที่สามารถรักษาเขาได้ แต่เวลานี้ประตูเมืองหลวงได้ปิดลงแล้ว เพราะฉะนั้นข้าจึงตั้งใจขอความช่วยเหลือจากนายหญิง ช่วยชีวิตเด็กคนนี้สักครั้ง……”

หญิงเจ้าของบ้านเองก็เป็นแม่คนหนึ่ง จึงเข้าใจความทุกข์นี้เป็นอย่างดี เพราะก่อนหน้านี้นางก็เคยผ่านมันมา และก็ถือว่าไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงเท่าไหร่นัก

หญิงเจ้าของบ้านจึงถามขึ้นว่า : “ต้องการจะส่งเขาออกนอกเมืองหลวงหรือ?”

“ใช่”

“งั้นท่านรอก่อน อีกสักประเดี๋ยวสามีของข้ากลับมา ข้าจะลองพูดกับเขาดู”

“ขอบคุณนายหญิงมาก” แม่นมซุยนำถุงๆ หนึ่งวางลงบนมือของหญิงเจ้าของบ้าน

หญิงเจ้าของบ้านเปิดออกมาดู ก็พบว่าข้างในนั้นเป็นทองก้อน แม่นมซุยจึงพูดขึ้นว่า : “นี่เป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากเจ้านายของข้า นายหญิงโปรดรับไว้ด้วย”

คราวที่แล้วที่สองคนนั้นมาหลบในบ้านของนางเป็นการชั่วคราว นางเองก็รับเงินไปหนึ่งถุงแล้ว สำหรับชาวบ้านธรรมดาแล้วถือว่าไม่น้อยเลย และครั้งนี้ก็ยังให้ทองก้อนอีกหนึ่งถุงด้วย

หญิงเจ้าของบ้านรับมันมาแล้ว ก็จะต้องช่วยเหลือให้เต็มที่ที่สุด

ฟ้าเริ่มมืดเข้าไปเรื่อยๆ แขกที่ครึกครื้นเต็มหน้าห้องโถงก็เริ่มซาลงเรื่อยๆ ตอนกราบไหว้ที่โถงสักการะในวันนี้ องค์หญิงจิ้งเสียนได้อาละวาดอย่างรุนแรงไปชุดใหญ่ ใครจะไปกล้ายุ่งวุ่นวายที่ห้องหออีกกัน ฉะนั้นหลังจากที่แขกได้ร่วมดื่มฉลองเสร็จแล้ว ต่างก็พากันบอกอำลาและแยกย้ายกันกลับไป

เจ้าน่องน้อยก็ไม่อยู่แล้ว ตอนนี้เหลือเพียงองค์หญิงเพียงคนเดียวเท่านั้น หากนางไม่ปกป้ององค์หญิง ก็จะไม่มีใครช่วยองค์หญิงได้อีกแล้ว

เพียงแต่ว่าอวี้เยี่ยนนั้นเรี่ยวแรงน้อย ยังไม่ทันจะแทงโดนเฮ่อโยว ก็โดนเฮ่อโยวสกัดกั้นไว้ได้ก่อน

เมื่อก่อนเฮ่อโยวเคยฝึกฝนกับแม่ทัพโฮ้ว เพียงออกแรงเบาๆ ก็ทำอวี้เยี่ยนรู้สึกเจ็บจนปล่อยปิ่นหล่นจากมือลงบนพื้น

เฮ่อโยวผลักอวี้เยี่ยนออกไปอย่างไม่สนใจ พร้อมกับสั่งเหล่าแม่นมว่า : “พวกเจ้าจับนางมัดแล้วเอาไปขังไว้ที่โรงเก็บฟืน”

เหล่าแม่นมรับคำสั่งแล้ว ก็รีบจับตัวของอวี้เยี่ยนขึ้นมา อวี้เยี่ยนจึงดิ้นรนสุดแรงเกิดพร้อมกับด่ากราดว่า : “เฮ่อโยว เจ้าคนต่ำช้า! ลองกล้าแตะองค์หญิงดู เจ้าจะไม่ได้ตายดีแน่!”

ยังเหลือแม่นมอีกหนึ่งคนยืนอยู่ที่หน้าประตู เฮ่อโยวนวดขมับอยู่ครู่หนึ่ง ในขณะที่กำลังจะเปิดประตูเข้าไป ก็ได้หันกลับไปสั่งว่า : “เจ้าไปเอาซุปสร่างเมาให้ข้าหน่อย”

แม่นมผู้นั้นก็หมุนตัวรีบออกไปจัดเตรียมทันที

เสียงด่าของอวี้เยี่ยนยิ่งอยู่ก็ยิ่งไกลออกไปเรื่อยๆ ความวุ่นวายของหน้าห้องหอก็เงียบสงบลงในที่สุด

อวี้เยี่ยนเป็นเพียงแค่สาวใช้คนหนึ่ง จะไปสู้รบตบมือกับใครไหวได้

นอกประตูเงียบสงบอยู่ครู่ใหญ่ เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นอีกครั้ง เขาวางมือลงบนประตู แล้วจึงค่อยเปิดประตูเข้าไปช้าๆ อย่างนิ่มนวล

เมื่อเขาเข้ามาแล้วก็หมุนตัวไปปิดประตู จากนั้นก็ลงกลอนประตูของห้องหอแห่งนี้

ผ้าแดงถูกปูทั่วโต๊ะ บนโต๊ะมีสุราฝาน้ำเต้าคู่และคันชั่งอีกหนึ่งคันชั่ง

เงาแผ่นหลังนั้นยืนอยู่ที่หน้าโต๊ะครู่ใหญ่ จากนั้นนิ้วที่เรียวยาวและขาวสะอาดก็หยิบคันชั่งสมดังปรารถนาขึ้นมา แล้วจึงหมุนตัวเดินตรงไปที่เตียง

เฉินเสียนนั่งอยู่ที่ข้างหัวเตียง ที่ศีรษะของเธอยังมีผ้าแดงคลุมหน้าอยู่ เธอหลุบตาลงต่ำภายใต้ผ้าคลุมนั่น เฉยชาและไร้ซึ่งชีวิตชีวา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี