“ร้อน...” เฉินเสียนรู้สึกเหมือนเลือดในกายกำลังฉีดพล่าน เธอมองซูเจ๋อด้วยสายตาที่พร่าเลือน ชอบสัมผัสของนิ้วที่วางลงมาบนข้อมือของเธอ
เฉินเสียนคว้ามือของเขาไว้และดึงมาลูบไล้ที่ใบหน้าของตนเอง มีเสียงทอดถอนใจดังออกมาจากลำคอ
ขณะที่ภายในร่างกายกำลังปั่นป่วน เฉินเสียนก็เอ่ยถามเขาอย่างอึดอัดว่า “นับว่าเราเป็นบ่าวสาวที่เพิ่งแต่งงานกันใช่หรือเปล่า ข้าจำได้ว่าเรากราบไหว้ฟ้าดินแล้ว เป็นสามีภรรยากันแล้ว รู้สึกราวกับฝันไปอย่างไรอย่างนั้น...”
เฉินเสียนไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไร ทั้งอายที่จะเอ่ยปาก ทั้งรู้สึกใจเต้นโครมคราม...
เธอเคยถูกวางยามาแล้วครั้งหนึ่งซึ่งซูเจ๋อก็อยู่เคียงข้างเธอ แต่ความรู้สึกในตอนนี้แตกต่างจากตอนนั้นอย่างสิ้นเชิง
เธอควบคุมอะไรไม่ได้เลย อยากเข้าไปใกล้ อยากให้ผิวของเธอกับเขาแนบชิดซึ่งกันและกัน...
นิ้วที่ขาวสะอาดจับผ้าม่านสีแดงขนาดใหญ่ซึ่งเย็บไว้ที่หน้าเตียงออกมาจากตะขอเงิน จากนั้นจึงปล่อยลงมา
มีเพียงกันและกันอยู่ในพื้นที่ด้านหนึ่งซึ่งมีสีแดงสดใส
ม่านมุ้งสีแดง ผ้าปูที่นอนสีแดง และสตรีในชุดแต่งงานสีแดง
สายตาของเธอกลับมามองเห็นซูเจ๋อชัดเจนอีกครั้ง รูม่านตาของเธอขยายขึ้นเล็กน้อย เธอทั้งผ่อนคลายและรู้สึกคลั่งจนแทบทนไม่ไหวเมื่อเขาเข้ามาใกล้
ซูเจ๋อเอื้อมมือมาดึงปิ่นหยกทรงกลมออกจากเส้นผมที่มวยไว้ของเธอ จนเส้นผมสีดำสลวยแผ่กระจายลงบนหมอน
เฉินเสียนหายใจหอบถี่ เธอเงยหน้าขึ้นไปกัดคางของซูเจ๋อเบาๆ เอ่ยเสียงกระเส่าว่า “ทรมาน... ซูเจ๋อ กอดข้าที...”
กกหูของเธอแดงก่ำ ทันทีที่เอ่ยออกไปเธอก็รู้สึกอายขึ้นมา
แม้จะเขินอาย แต่ก็ยังอยากจะเอ่ยคำพูดที่เร่าร้อนและยั่วยวนออกไป
ซูเจ๋อจับเอวของเฉินเสียนไว้อย่างมั่นคง สูดกลิ่นหอมที่ซอกคอของเธออย่างแผ่วเบา ริมฝีปากสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิความร้อนที่ใบหูของเธอ ดวงตาของเขาหรี่แสงลง “ระดูหยุดไปนานแค่ไหนแล้วหรือ”
“ท่านรู้ดีอยู่แล้ว ยังจะถามข้า...” เสียงของเฉินเสียนแหบพร่า
“เช่นนั้นข้าก็อยากทำสิ่งที่บ่าวสาวต้องทำในคืนวันเข้าหอกับท่าน” เขาวางนิ้วลงบนเอวของเธอ ค่อยๆ ปลดชุดแต่งงานของเธอออก
ซูเจ๋อคร่อมร่างของเฉินเสียนไว้อีกครั้ง เธอกอดเขาอย่างเต็มที่ รู้สึกพอใจ พร้อมกันนั้นก็รู้สึกว่าทุกอย่างขาวโพลน
เขาประทับจูบลงมาบนริมฝีปากสีแดงสดซึ่งเย้ายวนใจเป็นอย่างยิ่ง จากนั้นจึงค่อยๆ เคลื่อนไปที่ลำคอ ขยับขึ้นไปที่ติ่งหู
ทุกสัมผัสของการจูบทำให้เฉินเสียนหวั่นไหวจนร่างกายสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
เฉินเสียนครวญครางเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานราวกับหยดน้ำ “ซูเจ๋อ ท่านเหนื่อยมากไม่ใช่หรือ แบบนี้จะไม่ทำให้ท่าน... อา... ทำให้ร่างกายของท่านทรมาน...”
“หลังจากนอนไปครู่หนึ่ง ข้ารู้สึกสดชื่นขึ้นมาก”
ยิ่งไปกว่านั้นหากไม่ขับฤทธิ์ของยาในร่างกายออกมา ร่างกายจะยิ่งทรมาน ถ้าไม่ใช่เพราะยาสมุนไพร คืนนี้เขาอาจจะยับยั้งตัวเองได้ แต่ตอนนี้ทั้งเขาและเฉินเสียนถูกวางยาทั้งคู่ ไม่ต่างอะไรจากฟืนและไฟที่กำลังโหมกระหน่ำ
ชุดแต่งงานกลายเป็นประหนึ่งกลีบดอกไม้ที่ค่อยๆ แย้มบานต่อหน้าซูเจ๋อ
อาภรณ์ของเฉินเสียนเลื่อนหลุดออกจากบ่า มือของซูเจ๋อสำรวจเข้าไปใต้อาภรณ์นั้น สัมผัสลูบไล้ไปที่ผิวกายของเธอ
เฉินเสียนดิ้นรนอยู่ในคลื่นความร้อนที่เดือดพล่าน กระแสอุ่นๆ สูบฉีดไปทั่วสรรพางค์กายก่อนที่ท้ายที่สุดจะลงมาบรรจบกันที่ด้านล่าง
ซูเจ๋อจูบเธออย่างดูดดื่ม กวัดเกี่ยวปลายลิ้นของเธอด้วยวิธีที่เร่าร้อนที่สุด จนร่างกายที่หอมหวานของเธอหลอมเหลวกลายเป็นน้ำ
เมื่อซูเจ๋อกุมความอวบอิ่มของเธอไว้อย่างเต็มไม้เต็มมือ เฉินเสียนก็อดรนทนไม่ไหว ส่งเสียงครวญครางออกมาอย่างอ่อนหวานกระทบใจผู้ฟัง
เสื้อผ้าอาภรณ์ร่วงหล่นจากขอบเตียงทีละชิ้นๆ
ซูเจ๋อบดขยี้เธอ ทิ้งรอยจูบไว้บนผิวที่นวลเนียนทีละจุด เฉินเสียนกกกอดศีรษะของซูเจ๋อไว้และเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนร่วนว่า “ไม่เอาแบบนี้...”
“ไม่เอาแบบไหน” ซูเจ๋อเกร็งแน่นถึงขีดสุด ราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังจะหลุดออกมาจากกรง
อรุณรุ่งกำลังใกล้เข้ามา มีเสียงไก่ขันดังแว่วมาจากภายนอก
ในวันที่สอง อวี้เยี่ยนถูกปล่อยออกมาจากโรงเก็บฟืนและนำน้ำไปที่เรือนหอเพื่อรอปรนนิบัติยามที่เฉินเสียนตื่น
ในขณะนั้นอวี้เยี่ยนวางอ่างน้ำลง จากนั้นจึงค่อยๆ ม้วนม่านขึ้นไปแขวนไว้ที่ตะขอเงินทั้งสองด้านและเอ่ยว่า “องค์หญิง ได้เวลาลุกแล้ว...”
อวี้เยี่ยนพูดได้เพียงแค่นั้นก็ชะงักงั้น และคำพูดที่เหลือก็จุกค้างอยู่ที่ลำคอ
เหล่าแม่นมจากในวังเข้ามาในห้องพร้อมกัน เพียงแค่เหลือบไปเห็นเตียงอันยุ่งเหยิงที่เพิ่งผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความสวยงามของวสันตฤดู พวกนางจึงส่งสายตาให้กันและกันและถอยกลับไป
ดูเหมือนเมื่อคืน คืนเข้าหอขององค์หญิงจิ้งเสียนกับใต้เท้าอาลักษณ์จะเป็นไปด้วยดี ดังนั้นตอนนี้พวกนางจึงกลับไปทูลรายงานได้แล้ว
เพียงแค่เห็นเฉินเสียนนอนอยู่ในผ้าห่มสีแดงงดงาม ชุดแต่งงานกระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้นและบนเตียง เส้นผมสีดำสยายอยู่บนหมอน ท่อนแขนที่อ่อนแรงและลำคอระหงเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งความรัก และร่างกายที่เปลือยเปล่าใต้ผ้าห่มนั้น
อวี้เยี่ยนก็ตะลึงงัน นัยน์ของนางตาแดงก่ำและร้องไห้ออกมาทันที
เมื่อคืนเฮ่อโยวไปที่โรงเก็บฟืนและนำอาหารไปให้นาง อวี้เยี่ยนจึงคิดว่าหมาป่าตาขาวผู้นี้ไม่ได้มาที่เรือนหอและองค์หญิงจะปลอดภัย
แต่ไม่คิดว่า... วันนี้นางจะมาเห็นสภาพเช่นที่เป็นอยู่ตอนนี้ เดรัจฉานยังเทียบไม่ได้กับคนผู้นี้ ที่สุดท้ายแล้วก็...
นางไม่เห็นเฮ่อโยวที่เรือนพักอาศัยซึ่งมีลานกว้างขวางแห่งนี้ ได้ยินคนพูดกันว่าเขาสวมชุดเต็มยศและออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว
เฉินเสียนยังปรับตัวไม่ได้เมื่อแสงสว่างที่ส่องเข้ามาอย่างกะทันหัน เธอขมวดคิ้ว ปรือตาขึ้นเล็กน้อยและเหลือบไปมองอวี้เยี่ยน จากนั้นจึงหลับตาลงอีกครั้ง
ครู่ใหญ่ๆ เฉินเสียนจึงเอ่ยขึ้นมาด้วยเสียงแหบพร่า “เกิดอะไรขึ้น เหตุใดเจ้าจึงร้องไห้”
อวี้เยี่ยนเอ่ยทั้งน้ำตาว่า “บ่าวมารอปรนนิบัติองค์หญิงเพคะ องค์หญิงทรงลุกจากเตียงไหวไหม อยากจะบรรทมต่ออีกสักหน่อยหรือลุกเลยเพคะ”
เฉินเสียนบอกว่า “ข้าอยากอาบน้ำ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...