ซูเจ๋อแยกขาของเธอ และดันกดเข้าไปข้างในอย่างรุนแรง จูบลงไปที่คอของเธอ และยิ้มอย่างโง่เขลา "ใช่ เช้าแล้ว ท่านกำลังจะบอกว่ามันไม่เหมาะที่จะทำเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ในตอนกลางวัน? แต่เมื่อครู่ ท่านเป็นคนเริ่มต้นมันก่อนนะ"
"ทำไม...ข้าจำไม่ได้...."
ในตอนเช้า ผิวหน้าของเฉินเสียนนั้นดีมาก ใบหน้าของเธอขาวและแดงก่ำ ดวงตาของเธอคล้ายจะปิดลง ตาปรือนั้นช่างสะกดใจ จุดพักม้านี้ยังมีคนอื่นอยู่ด้วย เธอไม่สามารถปล่อยให้ตัวเองร้องออกมาได้อย่างอิสระ และยิ่งกังวลว่าเล็บของเธอจะกดลงไปแรงทำให้ซูเจ๋อบาดเจ็บ และเมื่อเธอทนต่อไปไม่ไหว เธอก็อดไม่ได้ที่จะฉีกผ้าปูที่นอนใต้ตัวเธอ
ซูเจ๋อจูบเธออย่างช้า ๆ และพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา "ถ้ากลัวว่าจะร้องออกมา ท่านก็กัดข้า"
"ข้ากลัวจะทำให้ท่านเจ็บ..."
ซูเจ๋อหายใจลำบากเล็กน้อย "ไม่ต้องกลัว ข้าทิ้งรอยจูบไว้บนเรือนร่างของท่าน แล้วให้ท่านทิ้งรอยกัดไว้บนร่างกายข้า"
หลังจากนั้นเขาก็จับเอวของเฉินเสียนและโจมตีพุ่งเข้าไปอย่างแรง
ในที่สุดเฉินเสียนก็อดทนต่อไปไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงขยับขึ้นไปบนไหล่ของซูเจ๋อและกัดลงที่ไหล่ของเขา มีเพียงเสียงสะอื้นเบา ๆ
เมื่อความสว่างของท้องฟ้าเปิดกว้างขึ้น ลมในตอนกลางคืนก็หยุดลง และแสงสีทองของดวงอาทิตย์ตอนเช้าก็ส่องเข้ามาเต็มบานหน้าต่าง
หลังจากเสร็จภารกิจร่วมรัก เฉินเสียนก็อ่อนเพลียหมดเรี่ยวแรง แม้แต่นิ้วก็แทบไม่อยากขยับไม่ไป
ซูเจ๋อถามความคิดเห็นของเธอว่า "จะอาบน้ำอีกครั้งก่อนไหม หรือแค่ทำความสะอาดเล็กน้อย? ข้าให้คนเตรียมน้ำอุ่นไว้"
เฉินเสียนยกเปลือกตาขึ้นมองเขา ไม่รู้จริงๆ ว่าผู้ชายคนนี้ไทำไมรู้สึกสดชื่นเช่นนี้ และพูดว่า "ตอนนี้หากต้องการน้ำอุ่นมาอาบน้ำอีกละก็ คงแปลกมากน่าดู..."
แบบนี้ก็เท่ากับบอกทุกคนว่า พวกเขาทั้งสองไม่ได้หยุดเลยทั้งคืนสิ แต่ว่าหญิงโสดชายโสดอยู่ในห้องเดียวกันทั้งคืน หากไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย พูดออกมาก็คงไม่มีใครเชื่อ
ซูเจ๋อกล่าว "ข้ารู้แล้ว ท่านนอนพักก่อน เดี๋ยวข้าไปจัดเตรียมให้"
ชุดที่เปลี่ยนเมื่อวานเพื่อนำไปซักทำความสะอาด เช้านี้มาก็แห้งแล้ว ในท้ายที่สุด เฉินเสียนก็เลือกที่จะไม่อาบน้ำ เธอเพียงทำความสะอาดร่างกายและสวมชุด เมื่อถึงเวลาอาหารเช้า เฉินเสียนรู้สึกว่าเอวที่ถูกใช้งานอย่างหนักเมื่อคืนนั้นทำให้เธอไม่สามารถนั่งลงได้โดยปกติ สุดท้ายเธอหมดแรง เอนตัวไปในอ้อมแขนของซูเจ๋ออย่างทุลักทุเลและสั่นสะท้านไปทั้งตัว
หลังจากรับประทานอาหารเช้า ทุกคนพร้อมเตรียมตัวออกเดินทางต่อ
รถม้าก็พร้อมแล้ว ท่าทางการเดินของเฉินเสียนนั้นแข็งทื่อและแปลก ดังนั้นซูเจ๋อจึงอุ้มเธอขึ้นเดินออกจากที่พักและพาเธอไปขึ้นบนรถม้า
เธอหลับตาและเอียงศีรษะเข้าไปในเสื้อของเขา เธอคิดว่าจะแกล้งหลับไปด้วย มิฉะนั้นจะรู้สึกเขินอายเล็กน้อย
ต่อมาเฉินเสียนไม่พบฉินหรูเหลียงกับคณะที่ออกเดินทางมา
ซูเจ๋อกล่าว "เขามาส่งท่านให้ถึงมือของข้าอย่างปลอดภัย และออกเดินทางกลับเมืองหลวงไปตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว การมีเขาอยู่ในสถานที่ที่สำคัญในเมืองหลวงดูจะปลอดภัยกว่า"
เฉินเสียนพยักหน้า "แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน"
ซูเจ๋อหรี่ตาลงและกล่าวว่า "ไม่อย่างงั้นข้าก็อยากให้เขาติดตามมาด้วย และให้เขาเห็นข้าและท่านพลอดรักกันต่อหน้าเขาทุกวัน เขาก็คงจะลืมท่านได้ลง"
ให้ฉินหรูเหลียงติดตามมาด้วย สำหรับฉินหรูเหลียงแล้ว มันคือการทรมานอย่างหนึ่ง
เฉินเสียนนอนเอนหลังพิงรถม้าโดยวางศีรษะของเธอไว้บนขาของเขา และกล่าวว่า "เขาเคยบอกว่าเขาจะปล่อยวาง รอให้เขาเห็นเราสามคนพร้อมหน้าพ่อแม่ลูก ถึงเวลานั้น ข้าจะหาผู้หญิงดี ๆ ให้เขา ท่านว่าดีไหม?"
ซูเจ๋อลูบผมของเฉินเสียน และกล่าวอย่างครุ่นคิด "ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติจะดีกว่า"
เฉินเสียนถามเขาอย่างแผ่วเบา "ซูเจ๋อ ทำไมท่านและท่านแม่ของท่านถึงอาศัยอยู่ในสถานที่ห่างไกลเช่นนี้? เป็นเพราะว่าท่านพ่อของท่านเป็นคนพื้นเมืองที่นี่หรือ?"
ซูเจ๋อกล่าว "เรื่องมันนานมาแล้ว แทบจะจำไม่ได้แล้ว ข้าจำได้เพียงแค่ถูกตามไล่ฆ่า พวกเราเอาแต่หลบซ่อน"
เฉินเสียนคว้ากระโปรงของเธอแล้วลุกขึ้นไปที่ข้างหน้ารถม้าและนั่งเคียงข้างกับซูเจ๋อ เธอยื่นแขนออกไปโอบเขา และเอาศีรษะพิงเอนไปที่ไหล่ของเขา และกล่าวว่า "อนาคตจะมีข้าอยู่เคียงข้างท่าน ใครกล้ามาไล่ฆ่าท่าน ข้าช่วยท่านตัดหัวมัน"
เธอรู้สึกของคุณเสด็จพ่อองค์จักรพรรดิของเธอที่เธอไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน โชคดีที่เขาช่วยชีวิตของซูเจ๋อไว้ และพาเขากลับไปยังเมืองหลวง
ซูเจ๋อเหล่มองเธอ ลดคางลงและจูบเธอที่หน้าผาก แล้วกล่าวว่า "อาเสียน ข้าพาท่านไปพบท่านแม่ของข้า"
เฉินเสียนยกริมฝีปากของเธอขึ้นและยิ้มอย่างนุ่มนวล "ได้" เธอลืมตาขึ้นอีกครั้งเพื่อมองดูใบหน้าของเขาภายใต้แสงแดดสีทอง และเห็นว่าแสงในดวงตาของเขานั้นเข้มขึ้นสลับจางลง "ซูเจ๋อ หากท่านแม่ของท่านไม่พึงพอใจในตัวข้าจะทำอย่างไรดี?"
ซูเจ๋อหัวเราะเบา ๆ และกล่าวว่า "มีซูเซี่ยนแล้ว ยังจะไม่พอใจอีกหรือ" เสียงของเขาเบาลง และกล่าวต่อ "ข้ายังมีชีวิตอยู่ ท่านแม่ก็รู้สึกพอใจมากแล้ว อีกอย่างตอนนี้ข้าก็มีภรรยาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และยังมีลูกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร"
เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด เฉินเสียนก็รู้สึกเศร้าอย่างอธิบายไม่ได้
ราวกับว่ารถม้ามาถึงจุดสิ้นสุดของขอบฟ้า ที่นั่นมีแม่น้ำสายเล็ก ๆ ที่ทอดยาวระหว่างเนินทั้งสอง ไหลอย่างเงียบ ๆ ต่อหน้าต่อตา และอาทิตย์อัสดงสาดส่องบนผิวน้ำ
มีหมู่บ้านเล็ก ๆ ริมฝั่งแม่น้ำ และความรกร้างทั่วทุกบริเวณ เปรียบเสมือนแหล่งน้ำกลางทะเลทราย เงียบสงบ และสวยงาม
ซูเจ๋อจูงม้าไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง และช่วยเฉินเสียนออกจากรถม้าด้วยอีกมือหนึ่ง และกล่าวว่า "จำไม่ได้แล้วว่าที่นี่เคยมีหมู่บ้าน"
เมื่อมองแวบแรก หมู่บ้านนี้ยังใหม่มาก และน่าจะเพิ่งเสร็จภายในสองปีที่ผ่านมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...