ซูเจ๋อกล่าวอย่างราบเรียบว่า “เรื่องของกษัตริย์เกี่ยวเนื่องกับเรื่องราชสำนัก ข้ามิได้สนใจเรื่องราชสำนักเป็นเวลานานแล้ว เกรงว่าใต้เท้าซวีถามผิดคนแล้ว”
ซวีเวยหน้าเหวอ สีหน้าดูมิได้กล่าวว่า “หรือว่าใต้เท้าซูต้องการมองฝ่าบาทเดินทางผิดแล้วหวนกลับมามิได้หรือ?”
ซูเจ๋อกล่าวว่า“ข้าช่วยฝ่าบาทขึ้นราชบัลลังก์ หากช่วยพระองค์วางแผนนับต่อจากนี้ตลอดชีวิต เกรงว่าใต้เท้าทุกท่านก็จะไม่พอใจเหมือนกัน ข้าเข้ามาก็ผิด ถอยก็ผิด อยากให้ใต้เท้าซวีแนะนำ เช่นใดถึงจะไม่ผิด?”
ซวีเวยรู้ เขากับเหล่าขุนนางเฒ่าตั้งการ์ดป้องกันเกี่ยวกับเรื่องของซูเจ๋อ เรียกร้องมากเกินไปอยู่บ้างเล็กน้อย แต่เรื่องจริงทำให้พวกเขาจำใจต้องเป็นเช่นนี้ เพราะการอยู่ของซูเจ๋อ ทำให้คนหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
ซวีเวยกล่าวว่า “ในเมื่อใต้เท้าซูมิได้สนใจเรื่องราชสำนัก ไม่ยินยอมทำให้ฝ่าบาทเลิกคิดอย่างเด็ดขาดได้ คนแก่อย่างข้าก็มิได้ฝืนใจ คนแก่อย่างข้าก็เห็นใต้เท้าซูถึงวัยที่ต้องแต่งงานแล้ว เหตุใดยังไม่แต่งภรรยาแล้วมีลูกล่ะ บุตรสาวครอบครัวตระกูลขุนนางในราชสำนักที่มีอายุเหมาะสม หากใต้เท้าซูพออกพอใจสามารถไปสู่ขอแต่งได้นะ ”
ซูเจ๋อยิ้ม แล้วกล่าวว่า "ใต้เท้ากลัดกลุ้มใจ ไม่เพียงแต่ต้องเป็นห่วงเรื่องวังหลังของฝ่าบาท วันนี้ยังต้องมาเป็นห่วงเรื่องแต่งงานของข้าอีก มิบังอาจ แต่เวลานี้ข้ายังมิอยากมีครอบครัว ขอบน้ำใจที่ใต้เท้าหวังดี"
สุดท้ายซวีเวยก็หน้าเย็นชาวูบลง มองดูอย่างนี้แล้วเขามาเกลี้ยกล่อมซูเจ๋ออยู่ในภาวะที่ลำบากแล้ว ล้มเหลว เขามิได้มีวิธีการอื่น ทำได้เพียงใช้วิธีสุดท้ายแล้วแหละ
ซวีเวยกวักมือเรียกผู้ติดตามที่อยู่ด้านนอกศาลา ในมือของผู้ติดตามถือกล่องหนึ่งอัน
ซวีเวยกล่าวว่า "วันนี้มาเยี่ยมเยือนถึงที่เรือน ได้ตระเตรียมของกำนัลเล็กๆน้อยๆ แม้ว่าจะคุยกับใต้เท้าซูไม่ได้จุดเดียวกัน แต่ของกำนัลนำมาแล้ว ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถนำกลับไปได้ ขอให้ใต้เท้าซูน้อมรับของกำนัลนี้ด้วยเถิดนะ"
เขาเปิดกล่องออก ด้านในกล่องเป็นชา ความหอมโชยเข้ามาในจมูก
ซวีเวยกล่าวอีกว่า "ข้ารู้ว่าใต้เท้าซูชอบดื่มชา สหายท่านหนึ่งที่ชอบดื่มชามอบให้คนแก่อย่างข้า บอกว่าปีนี้ตอนที่ไปพักร้อนอยู่กลางเขาได้เด็ดจัดทำเองกับมือเลย คนแก่อย่างข้าไม่ดื่ม เลยถือโอกาสมอบให้ใต้เท้าซูดื่มชิมรสชาติ และหวังว่าใต้เท้าซูจะไม่รังเกียจ "
ซูเจ๋อชำเลืองมองกล่องชา กล่าวว่า "ใต้เท้าซวีลำบากแล้ว เช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจแล้วนะ"
ซวีเวยกล่าวว่า "ใต้เท้าซูสมควรได้รับอย่างแน่นอน"หากเขาสามารถเกลี้ยกล่อมซูเจ๋อได้ เหตุใดจะต้องมอบชาอย่างนี้เล่า ชากล่องนี้เป็นเขาที่ไร้หนทางอย่างแท้จริง เลยจำใจจะต้องมอบให้
ในเมื่อตอนแรกได้สั่งให้ผู้ติดตามนำชาเข้ามา ซวีเวยก็เข้าใจตัวเองอย่างชัดเจนคร่าวๆแล้ว ครั้งนี้เขานั้นเกลี้ยกล่อมซูเจ๋อไม่ได้เลย
ซวีเวยกำลังจะลุกขึ้นกล่าวลา ทันใดนั้นซูเจ๋อกล่าวอย่างราบเรียบว่า "ใต้เท้ายินดีที่จะดื่มชาจอกนี้กับข้าหรือไม่?"
ซวีเวยชะงักงัน กล่าวว่า "ได้ฟังใต้เท้าซูพูดเรื่องเกี่ยวกับการชงชา คนแก่อย่างข้าหาที่ไหนไม่ได้แล้ว"
ทันทีหลังจากนั้นซูเจ๋อได้สั่งให้คนใช้ในเรือนเตรียมชุดเครื่องสำหรับใช้ดื่มชาและส่งมาที่ศาลานี้ ซูเจ๋อชงชาด้วยตนเอง ส่งมอบไปตรงหน้าของใต้เท้าซวี อีกหนึ่งจอกก็ให้ตัวเองดื่ม
ซวีเวยยกชาขึ้นมาดม แต่ทว่าจากเริ่มจนจบก็ไม่ได้ดื่ม เขามองเห็นกับตาว่าซูเจ๋อดื่มชานั่นเข้าไป ภายในใจรู้สึกสับสนวุ่นวายชั่วขณะ
ต่อมาซวีเวยรีบร้อนลุกขึ้นกล่าวลาทันที
ซูเจ๋อนั่งอยู่ในศาลาเพียงลำพังและได้นั่งอยู่ที่นั่นสักครู่หนึ่ง พ่อบ้านก็ส่งแขก กลับมารายงานว่า "ใต้เท้า ใต้เท้าท่านนั้นไปแล้วขอรับ"
ซูเจ๋อกล่าวว่า "ชานี้เป็นชาที่ดี แต่น่าเสียดาย"คำหลังเขาไม่ได้พูดอะไรต่อ
ผลสรุปวันต่อมา ข่าวคราวแพร่สะพัด ราชครูป่วยอย่างกะทันหัน แม้แต่หมอก็ตรวจหาสาเหตุของโรคมิได้
เฉินเสียนมาที่เรือนของซูเจ๋ออย่างรีบร้อน เห็นหมอกำลังออกมาจากห้องของเขา สอบถามการกินอาหารหลายวันติดต่อกันมานี้ของเขา พ่อบ้านกล่าวเพียงว่าอย่างอื่นเหมือนตามปกติทุกวัน แต่เมื่อวานนี้หลังจากดื่มชาที่หัวหน้าผู้ตรวจการแผ่นดินมอบให้ ก็ป่วยแล้ว
ซูเจ๋อจงใจทำเช่นนี้หรือ?
ซวีเวยคิดได้เช่นนี้ ทันใดนั้นทั้งตัวของเขามีเหงื่อเย็นยะเยือกออกมา เช่นนั้นจุดมุ่งหมายของซูเจ๋ออยู่ที่ไหนกัน?
เมื่อถึงช่วงเย็น เขาก็เริ่มเสียใจภายหลังขึ้นมา วิธีการเมื่อช่วงกลางวันไม่เหมาะสมอย่างแท้จริง เขาใช้การมอบชาเป็นกลอุบาย แต่ชากล่องนั้นอยู่ในเรือนของซูเจ๋อ หากต้องการสืบสวนขึ้นมาจริง นั่นก็เป็นหลักฐานที่แน่นอน!
ซวีเวยคิดมาโดยตลอด ยานั่นขององค์ชายหกแห่งเย่เหลียงไร้สีไร้กลิ่น น่าจะไม่ง่ายต่อการตรวจสอบหาออกมา อีกทั้งเขาใช้ในนามของสหายมอบให้ ทั้งหมดสามารถทำเป็นไม่รู้รายละเอียดข้อเท็จจริงแม้แต่น้อย
ความคิดแต่ละอย่างไหลมารวมกันอยู่ในสมองของซวีเวย เขาอยู่ในสภาพจิตใจที่รู้สึกว่าโชคดีอย่างไม่คาดคิด รอจนวันต่อมามีข่าวการป่วยหนักของซูเจ๋อแพร่สะพัด
ซวีเวยอยู่ที่เรือนไม่ได้ไปที่ราชสำนัก และได้ยินว่าหลังจากที่องค์จักรพรรดินีได้รับข่าวคราว ก็รีบร้อนไปที่เรือนของซูเจ๋อโดยทันที
ใจของซวีเวยกระวนกระวาย กำลังคิดจะไปเยี่ยมเยือนเฮ่อเซียงที่พักผ่อนอยู่ที่เรือน คิดไม่ถึงอยู่ประตูเรือนของตนเองแล้วก็ได้ถูกองครักษ์วังหลังจับตัวไว้ ไม่พูดไม่จาแม้แต่คำเดียวก็จับเขาเข้าไปในคุกของศาลยุติธรรมต้าหลี่เลย
รอหลังจากที่ซวีเวยเข้าคุกได้ยินเสียงโซ่เหล็กกระทบกัน ถึงได้กลับเนื้อกลับตัวใหม่โดยฉับพลัน คล้ายกับคนที่ทำผิดอย่างร้ายแรงไม่ใช่ซูเจ๋อ แต่เป็นเขา
เหล่าขุนนางเฒ่าในราชสำนักทราบเรื่องนี้ ได้ไปชุมนุมกันที่เรือนของเฮ่อเซียงโดยทันที
ตอนนี้แม้ว่าเฮ่อเซียงจะอยู่ที่เรือนถนอมดูแลสุขภาพร่างกาย แต่ก็ยังเป็นอัครเสนาบดีคนหนึ่งของราชสำนัก และเขาเป็นท่านพ่อของเฮ่อโยว แน่นอนเฮ่อโยวนั้นไม่ต้องพูดถึง อายุน้อยมีอนาคต นับว่าเป็นขุนนางข้างกายที่องค์จักรพรรดิโปรดปราณ หากมีเฮ่อเซียงนำหน้าไปขอร้องล่ะก็ องค์จักรพรรดินีเห็นแก่อายุของเฮ่อเซียงที่มากแล้วอีกทั้งเป็นท่านพ่อของขุนนางที่โปรดปราณ ไม่แน่ว่าอาจจะเมตตา
หลังจากที่เฮ่อเซียงทราบเรื่องนี้ ทอดถอนหายใจอยู่พักหนึ่ง ตั้งความหวังกับคนนั้นเป็นอย่างมาก กล่าวว่า "ข้ารู้ว่าใต้เท้าซวีเป็นคนนิสัยตรงไปตรงมาตั้งแต่ไหนแต่ไหนแล้ว ทนไม่ไหวที่มีเม็ดผงเข้าตา แต่เขารีบร้อนเช่นนี้ได้อย่างไร คิดไม่ถึงว่าจะทำเรื่องเช่นนี้ได้!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...