เหล่าขุนนางในราชสำนักเพิ่งจะรู้ตัวว่า ศัตรูของพวกเขาที่แท้ก็คือองค์ชายหกของเย่เหลียง องค์ชายหกมีเจตนารมณ์ที่ไม่ดีลับหลังนั้นพยายามสร้างกลอุบายเพื่อยุยงให้เกิดความบาดหมางกันระหว่างจักรพรรดิและขุนนาง พวกเขาเกือบจะถูกองค์ชายหกหลอกใช้เสียแล้ว
พวกเขาควรที่จะสามัคคีกันไว้ ไม่ควรที่จะสร้างความขัดแย้งกันภายใน ในสถานการณ์ที่เย่เหลียงนั้นกำลังจ้องจะใช้โอกาสนี้เล่นงานพวกเขา
โชคดีที่ครั้งนี้หมอหลวงนั้นได้เข้ามาควบคุมสถานการณ์ของจักรพรรดินีและองค์ชายใหญ่ไว้ได้ทันท่วงที องครักษ์วังหลวงเข้าค้นหาตรวจสอบทุกซอกทุกมุมของพระตำหนักฉีเล่อ เมื่อหาเจอสิ่งที่คล้ายว่าจะเป็นยาถอนพิษได้จึงนำมาช่วยชีวิตของจักรพรรดินีและองค์ชายใหญ่ได้ และซูเจ๋อก็ได้รับยาถอนพิษนั้นไปด้วย
ในเวลาต่อมา แม่ลูกสองคนที่ดูเหมือนจะไม่มีความอ่อนเพลียอะไรหลังจากอาการเจ็บป่วย นั่งอยู่บนพรมในห้องบรรทมกำลังตรวจสอบของเล่นที่ยึดมาได้จากพระตำหนักฉีเล่อกันอยู่อย่างละเอียด สิ่งของพวกนี้เป็นของที่เย่ซวิ่นนำติดตัวมาจากเย่เหลียงเพื่อเอาไว้เล่นฆ่าเวลา
ภายหลังก็ยังมีของเล่นใหม่ๆที่น่าสนใจคอยทยอยส่งมาให้อยู่เรื่อยๆ
ขณะที่แม่ลูกทั้งสองคนกำลังตื่นตาตื่นใจกับการค้นหาของอยู่นั้น เฮ่อโยวผู้รับผิดชอบการตรวจสอบสิ่งของก็ได้นำของบางอย่างมาที่พระตำหนักไท่เหอ บอกว่าต้องนำไปให้ถึงมือของเฉินเสียนด้วยตัวเอง
เฮ่อโยวถือถาดรองอยู่ในมือ สิ่งของภายในถาดรองนั้นถูกคลุมด้วยผ้าไหมแดง จึงไม่สามารถมองเห็นได้ว่าสิ่งของข้างในนั้นคืออะไร
เฮ่อโยวพูด “นี่คือสิ่งของชิ้นสุดท้ายที่ยึดมาได้จากพระตำหนักฉีเล่อขององค์ชายหก กระหม่อมคิดว่าฝ่าบาทจำเป็นจะต้องได้ทอดพระเนตรพ่ะย่ะค่ะ”
เฉินเสียนแสดงสีหน้าบอกเป็นนัยให้เขาเป็นคนเปิดผ้าไหมแดงนั้นออก
เฮ่อโยวค่อยๆเปิดผ้าไหมแดงออก เฉินเสียนที่นั่งเอนตัวอยู่บนเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน เมื่อได้เห็นของสิ่งนั้นสีหน้าก็หยุดนิ่งลง แล้วค่อยๆเปลี่ยนอริยาบทลุกขึ้นมา
สิ่งของบนถาดรองนั้นก็คือมงกุฎราชินีสีเหลืองทองอร่าม หงส์สีเหลืองทองที่ประดับไปด้วยหยกและเพชรพลอยอย่างงดงามเหมือนดั่งกับมีชีวิตจริง ที่ทำให้เธอรู้สึกคุ้นตาขึ้นมา
เฮ่อโยวกล่าว“นี่คือมงกุฎราชินีของฝ่าบาท มันได้หายไปหลังจากที่มีผู้นิรนามได้ซื้อไป คิดไม่ถึงว่าผู้นรินามที่ซื้อไปนั้นจะเป็นองค์ชายหกพ่ะย่ะค่ะ”
เฉินเสียนแสดงสีหน้าออกมาอย่างสับสน พูดออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า“เจ้ากำลังล้อข้าเล่นหรือเปล่า”
เฮ่อโยวไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแต่นำมงกุฎราชินีถวายให้แล้วเอ่ยว่า “ตอนนี้ก็ถือว่าสิ่งนี้ได้กลับคืนสู่เจ้าของแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากนั้นไม่นานเหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ของราชสำนักก็ได้ลงนามกราบบังคมทูล ขอให้จักรพรรดินีส่งองค์ชายหกกลับเย่เหลียงไป นับแต่นี้ต่อไปก็ห้ามกลับมาเหยียบที่ต้าฉู่อีก นี่คือสิ่งที่เฉินเสียนตั้งใจไว้ตั้งแต่ตอนแรก
มงกุฎราชินีนั้นถูกวางไว้บนแท่นวางสองวัน โดยที่ไม่มีการขยับไปไหน
ซูเซี่ยนถามขึ้นว่า“ท่านแม่จะส่งเขากลับไป หรือจะขังเขาไว้อย่างนี้ไปตลอด?”
เฉินเสียนกำลังคิด ใช้มือดีดเล่นไปที่บนหยกที่ประดับอยู่บนมงกุฎราชินี แล้วพูดว่า“เจ้าคิดว่าถ้าเกิดเป็นท่านพ่อเจ้า จะส่งเขากลับไปหรือขังเขาไว้?”
ซูเซี่ยนพูด “มีคำพูดหนึ่งที่ว่าปล่อยเสือเข้าป่าใช่หรือไม่ ท่านพ่อน่าจะไม่ใจอ่อนเช่นนั้น”
เฉินเสียนแสดงสีหน้ายิ้มออกมาอย่างไม่ชัดเจน
ช่วงเวลาที่ทั้งราชสำนักรอให้เฉินเสียนได้ตัดสินลงโทษองค์ชายหก เฉินเสียนก็ได้ไปเยี่ยมเขา
ห้องขังของต้าฉู่ไม่เหมาะสมที่จะมากักขังจักรพรรดิของอาณาจักรเอาอื่นไว้ ดังนั้นช่วงเวลานี้เย่ซวิ่นจึงถูกกักบริเวณไว้อยู่ที่วังหลัง
เย่ซวิ่นนั้นเงียบไป แล้วหลังจากนั้นก็พูดขึ้นว่า“โอกาส?ท่านยินยอมปล่อยข้ากลับไปหรือกระไร?”
เฉินเสียนมองไปที่เขา แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า“ข้าได้รับข่าวว่าทูตของเย่เหลียงเข้าเมืองหลวงมาแล้ว คิดๆดูแล้วน่าจะมาเพื่อทวงขอเรื่องสองคูเมืองของต้าฉู่ ดังนั้นเจ้ายังพอมีเวลาให้ได้คิดอีกสักหน่อย ถ้าเกิดยินยอมที่กลับก็กลับไปพร้อมกับทูตของเย่เหลียง นับตั้งแต่นี้ต่อไปก็อย่าให้ข้าได้เห็นเจ้าในต้าฉู่อีก ถ้าเกิดเจ้าไม่ยินยอมที่จะกลับ เมื่อทูตของเย่เหลียงกลับไปแล้ว ข้าก็จะส่งเจ้าให้ย้ายไปประทับอยู่ที่พระตำหนักเย็น”
เย่ซวิ่นยิ้มแล้วเอ่ยว่า“ความหมายของฝ่าบาทคือให้ข้าได้เลือกเองใช่หรือไม่?ถ้าเกิดข้าทำตามอย่างที่ฝ่าบาทวางเอาไว้ ข้าก็คงจะกลายเป็นเชลยอย่างแท้จริง แล้วยังจะต้องมาทำตามที่ท่านต้องการอีก”
เฉินเสียนหัวเราะแล้วพูดว่า“ก็อาจจะใช่ ถึงอย่างไรนั้นก็คือสิ่งที่เขาวางแผนไว้ตั้งแต่ต้นแล้ว”
เธอถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วพูดอีกว่า“กล่องชาที่ผู้ตรวจการแผ่นดินวางยาพิษไว้ ได้ถูกส่งไปที่ศาลยุติธรรมต้าหลี่เพื่อพิจารณารับรองความถูกต้องตั้งแต่ทีแรกแล้ว วันนั้นกล่องชาที่นำมาที่พระตำหนักฉีเล่อนั้นมันคือกล่องอีกกล่องที่เหมือนกัน และอีกอย่างอาการของการโดนวางยานั้นเป็นอย่างไร เจ้าเองก็ไม่รู้เลยหรือ?มิน่าล่ะแม้แต่ลูกชายของข้ายังหลอกท่านลงน้ำได้เลย ทำไมเย่เหลียงถึงได้ส่งคนอย่างเจ้ามาต้าฉู่กันนะ”
ไม่พูดยังจะดีเสียกว่า พูดแล้วเย่ซวิ่นนั้นก็รู้สึกโกรธขึ้นมา เขาจึงพูดว่า“การมาทำลายความรู้สึกของผู้อื่นแบบนี้ ท่านรู้สึกภาคภูมิใจมากหรืออย่างไร?”
เฉินเสียนกล่าว“เจ้าคิดว่าข้าต้องการนำยาถอนพิษไปช่วยชีวิตซูเจ๋อ ไม่เพียงแต่ข้าและองค์ชายใหญ่ที่ไม่โดนวางยา แม้แต่ซูเจ๋อเองก็ไม่โดนวางยาเช่นกัน ดังนั้นสำหรับข้าแล้วยาถอนพิษจะมีหรือไม่มีนั่นก็ไม่เป็นไร ”
เย่ซวิ่นหน้าดำคร่ำเครียด ผ่านไปสักครู่ใหญ่จึงเอ่ยขึ้นมาว่า “ สมกับที่ว่าความสัมพันธ์ในครอบครัวนั้นแน่นแฟ้นเสียจริง พวกท่านเป็นครอบครัวที่ไร้ยางที่สุดเท่าที่ข้าเคยเจอมา ”
เฉินเสียนยิ้มบางอย่างสดใสแล้วพูดเสียงเบาขึ้นว่า“แต่ข้าคิดไม่ถึงว่า สุดท้ายข้าจะได้เห็นสายตาที่วิตกกังวลและเป็นห่วงใยข้า”เธอชำเลืองตามองเขา“เจ้ากลัวว่าข้าจะตายมากรึ?”
เย่ซวิ่นยิ้มเย็น พูดอย่างไร้น้ำใจว่า“ข้ากลัวว่าตัวข้าจะตาย ท่านตายข้าก็คงต้องตายไม่ใช่หรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...