"ไม่อย่างงั้นหากท่านอ๋องรุ่ยต้องการอยู่เล่นด้วยกัน ข้าก็ยินดี ท่านดูเหล่าชายรูปงามที่ท้องพระโรงสิ คงไม่แย่ไปกว่าเป่ยเซี่ยของพวกท่านใช่ไหม มีคนไหนที่ท่านถูกใจบ้างไหม?"
เมื่อเฉินเสียนเดินลงบันไดและเดินผ่านซูเจ๋อเธอพูดด้วยเสียงต่ำ "ท่านไม่ต้องฟังที่เขาพูด เขาพูดแต่เรื่องไร้สาระ ไม่มีคำไหนเชื่อได้เลย"
เย่ซวิ่นพูดด้วยรอยยิ้ม "ข้าไม่ได้พูดไร้สาระ ไม่เชื่อท่านก็ถามเขาสิ อยู่ที่เป่ยเซี่ยไม่ได้เป็นความลับอะไร เฉินเสียน ดูเหมือนเขาจะเปลี่ยนมาชอบดู้ชายนะ"
เฉินเสียนเดินตรงไปที่เย่ซวิ่น เตะเขาที่หัวเข่า โน้มตัวและคว้าคอเสื้อเพื่อลากเขาขึ้น จ้องไปที่เขาด้วยสีหน้ามืดมน และพูดเบา ๆ ว่า "เจ้าลองพูดจาไร้สาระต่อหน้าข้าอีกสักคำละก็ ลองดู"
เย่ซวิ่นไม่ได้รู้สึกกลัว และยังกล่าวอีกว่า "ข้าไม่ได้พูดจาไร้สาระ ท่านถามเขาด้วยตัวท่านเองก็จะรู้? เขาไม่ใช่ซูเจ๋อในอดีตอีกต่อไป คิดว่าพระชายารุ่ยก็เป็นเพียงแค่ปกปิดความจริงของท่าน ข้าเพิ่งได้ข่าวมา คนในเมืองเป่ยเซี่ยต่างพูดกันว่าเขาชอบผู้ชาย เขาไม่ได้ชอบคนอยากท่านแล้ว"
เย่ซวิ่นช่างวอนโดนเสียจริง แต่เฉินเสียนไม่มีอารมณ์สนใจที่จะต่อกลอนกับเขา
ตอนแรกมีพระชายารุ่ย แต่ตอนนี้มากกว่านั้น ซูเจ๋อชอบผู้ชายอีกแล้วเหรอ?
ความประหลาดใจนี้ช่างหนักและหนักหนามาก
แต่เธอก็ไม่ได้เชื่อคำพูดของเย่ซวิ่นเสียทีเดียว
ตอนที่อยู่ที่ต้าฉู่ ซูเจ๋อสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองฉาวโฉ่เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้จักรพรรดิองค์ก่อนหน้าให้เขาแต่งงานกับองค์หญิง ในเวลานั้น ผู้คนในเมืองหลวงทั้งเมืองก็มีข่าวลืออยู่พักหนึ่งเช่นกัน บอกว่าเขาเป็นชายรักชาย
ทันใดนั้น เฉินเสียนก็พบว่า จะมีเรื่องอะไรที่เลวร้ายไปกว่าเรื่องที่เขารักใคร่ปรองดองกันกับพระชายารุ่ย? ต่อให้ซูเจ๋อจะชอบผู้ชายจริง ๆ แต่เรื่องนี้ก็ทำให้เธอยอมรับได้ง่ายกว่าเรื่องที่เขาแต่งงานกับพระชายารุ่ย...
ความรู้สึกแบบนี้ก็เหมือนกับว่าหลังจากเรื่องเลวร้ายถึงขีดสุด แม้ว่าจะมีเรื่องแย่ ๆ มาอีก แต่ก็ไม่เลวร้ายจนเกินไป
ดังนั้นปฏิกิริยาของเฉินเสียนจึงเรียบเฉย เธอเหนื่อยเล็กน้อย ดังนั้นเธอจึงปล่อยเย่ซวิ่นลงและพูดด้วยเสียงต่ำว่า "ไสหัวไป"
โดยปกติคนกลุ่มนี้รู้สึกว่าเฉินเสียนซึ่งเป็นจักรพรรดินีนั้นเป็นมิตรและไม่อวดดี และพวกเขาก็ได้ถูกคัดเลือกมาอย่างดีเพื่อทำให้จักรพรรดินีมีความสุข และพวกเขาก็ได้บรรลุจุดประสงค์ในการกระตุ้นยั่วยุซูเจ๋อ ดังนั้นเมื่อพวกเขามาถึงหน้าเฉินเสียน พวกเขาก็ทำตัวสบาย ๆ
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า จักรพรรดินีที่เคยพูดง่าย นั่นเป็นเพราะไม่มีใครไปยั่วยุอารมณ์ของเธอ แต่คืนนี้มีคนได้ยั่วยุอารมณ์โกรธของเธอแล้ว เธอปัดแขนข้างหนึ่งของใครคนหนึ่งโดยไม่กะพริบตาอย่างรวดเร็วและดุร้าย
คนกลุ่มนี้ตกตะลึง ใครจะกล้าอวดดีอีก เมื่อได้ยินเฉินเสียนบอกให้พวกเขาไสหัวออกไป ตรงกันข้าม ราวกับว่าพวกเขาได้รับการนิรโทษกรรม พวกเขาก็รีบถอยออกไปด้วยความเคารพ โดยไม่ลืมที่จะนำชายคนนั้นออกไปที่พื้น
ท้องพระโรงว่างเปล่าในทันใด เย่ซวิ่นพบว่ามันน่าเบื่อมาก แต่เขาไม่เต็มใจที่จะทิ้งเฉินเสียนและซูเจ๋อไว้ตามลำพัง เขาแค่อยากจะอยู่ที่นี่เพื่อเฝ้าดูพวกเขาทั้งสอง และระวังไม่ได้ถ่านไฟเก่าถูกจุดติดอีกครั้ง
เฉินเสียนจ้องไปที่เย่ซวิ่นอย่างเย็นชา "ยังไม่ไสหัวไปอีก"
เย่ซวิ่นเหลือบมองไปที่ซูเจ๋อ แล้วกล่าวว่า "เขายังไม่ไสหัวออกไป แล้วทำไมข้าต้องออกไป"
เฉินเสียนเมินเฉยต่อเขา มองไปที่ซูเจ๋อ เงียบไปครู่หนึ่ง พลางเม้มริมฝีปากของเธอและกล่าวว่า "เมื่อสักครู่ที่ท่านเห็น อย่าได้เชื่อไป"
ซูเจ๋อกล่าว "งั้นที่ท่านได้ยินไป ท่านเชื่อไหม?"
เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา สายตาของเขาทำให้ตัวเธอเองหายใจไม่ออกตลอดเวลา และหัวใจของเธอก็รู้สึกแน่น เฉินเสียนขยับปากและถามคำถามที่เธอคิดว่าตลกสิ้นดี "ท่านเปลี่ยนไปชอบผู้ชายแล้วจริงหรือ?"
ซูเจ๋อไตร่ตรอง "อันที่จริงข้าไม่ชอบผู้หญิง"
เฉินเสียนจำได้ไม่แน่ชัดว่าเขาเคยพูดแบบเดียวกันมาก่อน ตอนนั้นเขาบอกว่าเขาไม่ชอบผู้หญิง ยกเว้นอาเสียน
เฉินเสียนตัวสั่นและตอบอย่างไม่ใส่ใจ "ข้าก็ไม่ชอบผู้หญิง"
ซูเจ๋อยกมุมริมฝีปากของเขาขึ้น และยิ้มออกมา เธอก็ตระหนักขึ้นได้และเธอก็ยิ้มเช่นกัน
ซูเจ๋อถาม "พวกเจ้าเป็นสนมวังหลังที่จักรพรรดินีโปรดปรานงั้นหรือ?"
ผู้ชายคนนั้นส่ายหน้า และตอบว่า "ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ พวกเราแค่ถูกเรียกมาอย่างกะทันหัน เพื่อปลอมเป็นสนมวังหลังของจักรพรรดินีเท่านั้นเองพ่ะย่ะค่ะ "
ซูเจ๋อเลิกคิ้ว คำตอบนี้ทำให้เขาพอใจมาก
ซูเจ๋อถามต่ออีกว่า "พระองค์เป็นคนให้พวกเจ้าทำแบบนี้หรือ?"
ผู้ชายคนนั้นส่ายหน้า "ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ พวกเราอยู่บนเรือลำก่อนหน้า จักรพรรดินีรีบตามมาข้างหลัง และพบพวกเราก่อนที่จะถึงเป่ยเซี่ย"
ซูเจ๋อหรี่ตาและถามอีกว่า "ใครเป็นคนจัดการให้พวกเจ้า"
ผู้ชายคนนั้นตอบว่า "น่าจะเป็นใต้เท้าที่อยู่บนเรือ แต่ถามว่าเป็นใคร ข้าน้อยก็ไม่ทราบเหมือนกันพ่ะย่ะค่ะ"
เมื่อตอนที่เฮ่อโยวเรียกพวกเขามารวมกัน โชคดีที่เขารู้ทัน จึงไม่ได้เปิดเผยใบหน้าของตัวเอง กลัวว่าเมื่อเรื่องถูกพูดออกไป เขาก็คงรั้งไว้ไม่ได้
ซูเจ๋อกล่าวว่า "เรื่องเกี่ยวกับองค์ชายหก เจ้ารู้มากน้อยแค่ไหน?"
ผู้ชายคนนั้นต้องบอกความจริงเกี่ยวกับสิ่งที่เขารู้ "พวกเราสามสิบสองคน ถึงแม้จะไม่ใช่สนมในวังหลังของจักรพรรดินี แต่องค์ชายหกใช่ พระองค์เป็นสนมวังหลังของจักรพรรดินีจริง ได้ยินมาว่าเขาเป็นที่โปรดปรานมากที่สุดในวังหลัง ตลอดหลายปีมานี้ พระองค์ได้ร่วมเตียงเคียงหมอนกับจักรพรรดินี เพื่อบรรเทาความเหงาของจักรพรรดินี และจักรพรรดินีก็อยู่ตามลำพังกับเขา โดยไม่มีผู้ใดเพิ่มเข้ามา นี่เป็นสิ่งที่พวกเราได้ฟังจากเขามาโดยตลอดพ่ะย่ะค่ะ"
ผ่านไปครู่หนึ่ง ซูเจ๋อก็พูดกับทหารองครักษ์ว่า "นำตัวเขาออกไป"
สิ่งที่ชายคนนี้พูดไม่ได้จงใจยั่วยุ แต่เขาเคยแล่นเรือในทะเลมาเกือบหนึ่งเดือน โดยมีเย่ซวิ่นเป็นผู้นำตลอด ส่วนเรื่องของจักรพรรดินี ก็เป็นเย่ซวิ่นที่เล่าให้พวกเขาฟัง ดังนั้นสิ่งที่พวกเขารู้ก็คือส่วนที่เย่ซวิ่นกำหนดให้พวกเขารับรู้เท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...