ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 696

เฉินเสียนอยู่ภายในเรือน ทหารอารักขาธรรมดาทั่วไปไม่กล้าที่จะเข้ามารบกวน ทหารรักษาพระองค์ที่อยู่ด้านนอกต่างรู้ว่าเย่ซวิ่นเป็นคนของตัวเอง ก็ไม่ได้รั้งเขาไว้

เฉินเสียนรอซูเจ๋อนำเอาซูเซี่ยนคืนกลับมาให้ แต่ซูเจ๋อไปเนิ่นนานก็ไม่กลับมาสักที เธอรอจนหมดอาลัยตายอยาก เลยกลับเข้าไปนอนในห้อง

นอนมาทั้งบ่าย เฉินเสียนก็ไม่ได้มีความง่วงนอนเลย เธอเพียงแค่หลับตาเพื่อให้ใจของตนเองสงบลงแล้วรออีกสักครู่หนึ่ง

หากว่าหลังจากหนึ่งชั่วโมงนี้พวกเขาสองพ่อลูกยังไม่กลับมา เธอคิดอยู่ว่าจะต้องไปรบกวนองค์จักรพรรดิเป่ยเซี่ยสักหน่อยหรือไม่

ตนเองคิดอย่างนี้ ก็รู้สึกว่าไม่ใช่สิ ควรจะเป็นหากอาเซี่ยนยังไม่กลับมา ที่นี่ไม่ใช่เรือนที่ซูเจ๋อพัก จะนับว่าเขากลับมาได้อย่างไรกันล่ะ

เขาพาอาเซี่ยนมามอบคืนให้เธอแล้ว หลังจากนั้นเขาก็ต้องกลับออกไปเลย

แต่อย่างนี้แล้ว ความรู้สึกของเฉินเสียนก็ค่อยๆควบคุมไม่ได้ กลายเป็นแบบเมื่อคืนนี้ ทั้งหัวเต็มไปด้วยเขา

ตอนที่เย่ซวิ่นมาในเรือนของเฉินเสียนอย่างคุ้นเคย ภายในเรือนเงียบสงบ ในห้องของเธอก็ไม่ได้เปิดไฟ บางทีอาจจะขี้เกียจที่จะเปิดมัน

เวลานี้ค่อนข้างเย็นมืดค่ำแล้ว และก็ไม่รู้ว่าเธอหลับหรือยัง

เย่ซวิ่นคิดว่าหากเดินไปเคาะประตูจะทำให้เธอหนวกหูแล้วตื่นขึ้นมา เธอหนักแน่นไม่เปลี่ยนแปลงเลยที่จะไม่ให้ตนเองเข้าไปที่ห้องของเธอ

ครั้นแล้วเย่ซวิ่นก็วนรอบไปด้านข้าง ฝ่ามือสัมผัสที่ซี่กรงหน้าต่าง และค่อยผลักหน้าต่างที่ไม่ได้มีการปิดตาย จากนั้นก็เลยกระโดดเข้าไปทันที

ได้อาศัยแสงไฟสลัวที่อยู่ใต้ระเบียงทางเดิน เขาเลยเห็นคนคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียง ภายในห้องเป็นกลิ่นหอมเฉพาะตัวของเฉินเสียน

บนเตียงมีเธอคนเดียว เด็กผีนั่นไม่อยู่ ดีเสียจริง

เย่ซวิ่นเดินย่องเบาๆเข้าใกล้บริเวณข้างเตียงของเธอ หญิงสาวที่อยู่บนเตียงนั้นปิดเปลือกตาอยู่ สงบเป็นอย่างมาก ราวกับว่านอนหลับแล้ว

เย่ซวิ่นถอนหายใจอย่างโล่งอกเงียบๆ ตนเองแอบมาเงียบๆเช่นนี้ เวลานี้ได้พบเธอจริงๆแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะมีความรู้สึกใจฝ่อขาดความมั่นใจ

ตั้งแต่ต้นจนจบเขากลัวเฉินเสียนปฏิเสธ ไม่ว่าเขาจะเป็นฝ่ายรุกกี่ครั้ง เฉินเสียนก็ล้วนแล้วแต่ปฏิเสธ ตอนนี้ก็ถือว่าดี เธอนอนหลับไปแล้วก็ไม่มีทางปฏิเสธเขาได้

เย่ซวิ่นไม่ยอมที่จะมองเธออยู่อย่างนี้ เขาเอื้อมมือออกไปอยากลองลูบสัมผัสใบหน้าของเธอ ในภาพแห่งความทรงจำของตนเองคล้ายดั่งตั้งแต่ไหนแต่ไรไม่เคยที่จะได้สัมผัสใบหน้าของเธอเลย ไม่รู้ว่าใต้สัมผัสของมือจะมีความรู้สึกเช่นไร

แต่ยังไม่ทันได้สัมผัส หญิงสาวที่อยู่บนเตียงก็ได้จับที่ข้อมือของเขา เธอลืมตาคู่นั้นช้าๆ ในดวงตามีแสงไฟมืดสลัวของระเบียงทางเดินสาดสะท้อนอยู่ แจ่มใสกระปรี้กระเปร่าอย่างไม่ต้องสงสัย

เย่ซวิ่นทอดถอนหายใจออกมาด้วยความผิดหวัง แต่ทว่าชั่วประเดี๋ยวเดียวก็ยิ้มออกมา แล้วกล่าวว่า “ถูกท่านสังเกตเห็นจนได้ เหตุใดท่านไม่หลับลึกสักหน่อยหนึ่ง นอนหลับไม่ลึกวันต่อมาจะทำให้ดูไม่มีชีวิตชีวานะ”

เดิมทีเฉินเสียนกำลังสะลึมสะลือไม่ได้นอนหลับเท่าไหร่ ตอนที่ได้ยินตรงหน้าต่างมีเสียงเคลื่อนไหวเบาๆ เธอก็ตื่นเต็มตาแล้ว

เฉินเสียนกล่าวว่า “ดูอย่างนี้แล้วข้าปฏิบัติกับเจ้าอย่างโอบอ้อมอารีใจกว้างเกินไปแล้ว ถึงได้ทำให้เจ้าทำตามอำเภอใจไม่เกรงกลัวผู้ใดเยี่ยงนี้”

พอพูดออกมา เฉินเสียนก็ยกฝ่าเท้าขึ้นหันไปทางเขาอย่างว่องไว เย่ซวิ่นเห็นสถานการณ์อย่างนั้นรีบสะบัดบิดข้อมือของตนเองที่เธอจับอยู่ออก ถลาไปด้านหลัง

เย่ซวิ่นพิงอยู่ด้านข้างราวแขวนผ้า ยิ้มเอ้อระเหยกล่าวว่า“ท่านอย่าโกรธเลย เย็นนี้ลูกชายของท่านไม่อยู่ อยู่ลำพังเพียงผู้เดียวในห้องที่ว่างเปล่าเงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวหรือไม่ พอดีกับที่ข้าเหงาเปล่าเปลี่ยว ทั้งสองคนอยู่รวมกันแล้วบางทีอาจจะไม่เงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวแล้ว”

เฉินเสียนลุกขึ้นอย่างอ้อยอิ่ง ลงจากเตียงแล้วสวมใส่รองเท้า

แต่เย่ซวิ่นหลบก็ไม่ได้ผลเท่าไหร่ เธอไม่ได้ตีที่หน้าเขาอีกแล้ว เธอตีบนตัวของเขา ทำให้เขาเจ็บปวดทรมานไม่มีที่สิ้นสุด อีกทั้งยังไม่ปรากฏรอยแผลเป็นออกมาให้เห็น

สุดท้ายเย่ซวิ่นไม่ต่อสู้ เลยถูกเธอใช้ศอกกระแทกตีบริเวณหน้าอกและขาข้างหนึ่งถีบล้มลงบนพื้น

เขาเจ็บปวดแม้แต่ปีนป่ายขึ้นมายังไม่ไหวเลยนอนเจ็บปวดสูดลมหายใจฮึดฮัดอยู่บนพื้น แล้วกล่าวขึ้นว่า “ท่าน เหี้ยมโหดเสียจริง”

“เหี้ยมโหดหรือ?”ทั้งตัวเฉินเสียนเต็มไปด้วยความดื้อรั้นเดินมาทางเขา มือข้างหนึ่งดึงกระชากเขาขึ้นมาจากพื้น บีบที่คอแล้วกดหน้าเขานาบลงบนโต๊ะ เลิกคิ้วขึ้นหนึ่งข้าง กล่าวขึ้นว่า “ตอนที่ข้าเหี้ยมโหดขึ้นมา เจ้ายังไม่เคยเจอ เย่ซวิ่น ไม่ได้ทำให้เจ้าเจ็บปวดทรมาน เจ้าเลยคิดว่าข้ามีจิตใจที่เมตตากรุราต่อเจ้าอย่างแท้จริงนะหรือ จำไว้ หากมีอีกครั้งหนึ่ง ข้าจะทำให้เจ้าตาย”

เย่ซวิ่นเจ็บหน้าอกอยู่พักหนึ่ง ไม่รู้ว่าถูกเฉินเสียนตี หรือเพราะว่าด้านในมีใจดวงหนึ่งกำลังตะโกนร้อง เขากระแอมไอเสียงต่ำไม่กี่ครั้ง แต่ทว่ายังคงยิ้มจนหยาดเยิ้มเหมือนเดิม คล้ายดั่งว่ามีเพียงอย่างนี้ ถึงสามารถกดความเจ็บปวดของเขาลงไปได้

“ท่านจิตใจเหี้ยมเกียมกว่าใครอื่นอย่างแท้จริง”เย่เซวิ่นกล่าว“บนโลกใบนี้ไม่ใช่มีเพียงซูเจ๋อที่รักท่าน ไม่กี่ปี้นี้ไม่มีเขา ก็ไม่ใช่ว่าอยู่สุขสบายดีหรือ? เพื่อเขาแล้วนั้น ท่านขวางกั้นเอาสิ่งที่ดีของชายหนุ่มทั้งหมดไว้ด้านนอก เขาจำความไม่ได้แล้ว เหตุใดท่านถึงไม่ยอมตื่น?”

เฉินเสียนกล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “คนที่ไม่ยอมตื่นคือเจ้า ตั้งแต่วันแรกเจ้าก็ควรจะรู้ ชาตินี้ข้าไม่มีทางรักเจ้า ยิ่งกว่านั้นไม่มีทางรักชายอื่น ตอนนี้ข้าพูดอีกครั้งหนึ่ง เจ้าฟังเข้าใจหรือยัง?”

“ส่วนที่เจ้าพูดว่าเหงาเปล่าเปลี่ยว”เฉินเสียนหัวเราะเยาะ พูดกับเขาทีละคำว่า “ต่อให้เขาไม่ได้อยู่ข้างกายของข้าตลอดไป ข้าก็ไม่มีทางรู้สึกว่าห้องว่างเหงาเปล่าเปลี่ยวหรอก ไม่ต้องการคนอื่นมาเติมเต็มสิ่งที่ขาด เพราะในใจของข้ามีเขาเต็มหัวใจ คนอย่างเจ้า โดยพื้นฐานแล้วไม่มีทางเข้าใจ”

เย่ซวิ่นเงียบไปครู่หนึ่ง กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “แต่คนอย่างข้า ภายในใจก็มีท่านเช่นกัน แต่มักจะรู้สึกเหงาเปล่าเปลี่ยวอยู่เป็นประจำ เพราะว่าข้าไม่ได้ใส่ให้มันเต็มหรือเพราะว่าไม่เคยได้รับมัน?”

ตอนที่ซูเจ๋อมาถึง ภายในเรือนเงียบสงบดังเดิม การต่อสู้ที่เหี้ยมโหดเมื่อครู่ได้ผ่านไปแล้ว ตอนนี้เฉินเสียนบีบที่คอของเย่ซวิ่นอยู่ ทั้งสองคนยังอยู่ในสถานการณ์ที่คุมเชิงกันอยู่อย่างเย็นชา

ซูเจ๋อคิดๆแล้ว ก็เลยเดินไปด้านหน้า หยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องแล้วเคาะ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี