ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 706

เฉินเสียนเคลือบแคลงใจ เขาไม่เคยแตะต้องสุราสักหยด ทว่ากลับลิ้มลองคุณภาพของสุราได้และยังรู้ว่าหมักเมื่อปีใดด้วย ทำไมเขาถึงรอบรู้ไปหมดทุกเรื่องล่ะ?

มุมปากเฉินเสียนยกยิ้ม พลางหลับตาพริ้มด้วยความพอใจ เธอคิดว่ามีน้อยมากที่ซูเจ๋อของเธอจะไม่รอบรู้ หาไม่แล้วก็คงไม่ใช่ซูเจ๋อแน่

ก่อนหน้านี้น้ำตาไหลพรูมาก บวกกับช่วงนี้ไม่ได้พักผ่อนดีๆ เฉินเสียนจึงเริ่มรู้สึกง่วงขึ้นมา

ซูเจ๋อกล่าวเสียงเบา "ง่วงแล้วหรือ?"

เฉินเสียนลืมตาด้วยความเหนื่อยล้าพลันกล่าว "นิดหน่อย"

ซูเจ๋อกล่าว "งั้นพวกเราขึ้นเตียงนอนกัน"

สิ้นเสียงก็เตรียมลุกขึ้นอุ้มเธอ เฉินเสียนก็หายง่วงเป็นปลิดทิ้งทันที รีบดึงเขาไว้พร้อมกับกล่าวว่า "มีเรื่องต้องเล่ามากมายไม่ใช่หรือ ข้าไม่ง่วงเลยสักนิด ไม่ต้องรีบ คุยกันก่อน"

ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้ผ่อนคลาย แต่เมื่อได้ยินซูเจ๋อกล่าวสี่คำว่า "ขึ้นเตียงนอนกัน" เฉินเสียนก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที

หากเป็นเตียงของตัวเองก็ไม่กระไรนัก แต่นี่มันห้องของซูเจ๋อ ซึ่งมีเพียงเตียงของเขา ขอเพียงเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงกับเขา เฉินเสียนก็มักจะประหม่าจนเลิ่กลั่กเสมอ

คงเป็นด้านความรักของเธอ ซูเจ๋อที่เธอตกหลุมรักดีเลิศเกินไป

ซูเจ๋อยกมุมปากยิ้ม สะบัดแขนเสื้อนั่งกลับมาด้วยท่าทางสบายๆ กล่าวว่า "ได้ คุยกันก่อน"

ซูเจ๋อริมน้ำให้เฉินเสียนหนึ่งแก้ว ดูออกว่าเธอทำตัวไม่ถูก สายตาไม่ชำเลืองมองสิ่งใดเลย กระทั่งจำนวนครั้งที่เงยหน้ามองเขาก็น้อยมาก เขาจึงเป็นฝ่ายยื่นแก้วน้ำส่งไปอยู่ในมือเฉินเสียน

นิ้วมือที่เฉินเสียนจับแก้วน้ำทั้งเรียวยาวทั้งขาวนวลดั่งต้นหอม

ซูเจ๋อมองหูของเธอแวบหนึ่งพลันเห็นสีแดงซ่าน พอจะรู้ว่าเธอกำลังเขินอายอยู่

เมื่อสักครู่กอดจูบเธอใต้แสงจันทรา การตอบสนองของเธอนั้นช่างทำให้เบิกบานเหลือเกิน เฉินเสียนคงไม่รู้ว่าท่าทีเขินอายของเธอคือการเย้ายวนเขาชนิดหนึ่ง

เฉินเสียนมองน้ำในแก้ว ทว่ากลับลืมดื่ม เธอกล่าวว่า "ท่านอยากคุยเรื่องอันใด? เหมือนจะมีเรื่องมากมายที่อยากคุยกับท่าน แต่ไม่รู้ว่าควรเริ่มจากตรงไหนดี หรือท่านลองถามดูสิ"

ซูเจ๋อจึงถามเธอว่า "เกิดอะไรขึ้นกับคืนนั้นกันแน่?"

"คืนนั้น?" เฉินเสียนครุ่นคิดดูแล้ว จึงกล่าวว่า "คืนนั้นไม่ใช่ข้าที่เรียกสนมชายมา พูดให้ถูกก็คือไม่ถือว่าเป็นสนมชาย" เธอเม้มปากแล้วพูดเสียงเบา "ก่อนหน้านี้เคยพูดกับท่านแล้วว่าพวกเขาไม่ใช่สนมวังหลังของข้า"

ซูเจ๋อเงยหน้ามองเธออย่างจดจ่อ เธอจึงเริ่มตื่นเต้นขึ้นมา กล่าวว่า "พวกเขามาเอง ข้าคิดจะพาอาเซี่ยนไปเดินเล่นก็เห็นพวกเขาเข้าท้องพระโรง เกรงว่าจะก่อความวุ่นวายได้ ข้าไม่วางใจ จึงเข้าไปนั่งด้านในสักพัก"

"ส่วนคนที่ทาบอยู่บนตัวข้า เขาฉวยโอกาสตอนข้าไม่ระวังมาเข้าใกล้ ข้าจึงหักข้อมือเขา เขาคงจะเจ็บปวดจนทนไม่ไหวเลยล้มตัวลงมา และบังเอิญที่ท่านผ่านมาพบพอดี……"

เฉินเสียนเห็นซูเจ๋อเอียงกายไปพิงเก้าอี้ด้านหลัง เขานั่งไขว่ห้าง รังสีอารมณ์สบายๆไม่รีบร้อนฟุ้งกระจายออกมาจากเรือนร่างของเขา

เฉินเสียนที่จับแก้วไว้แน่นเลียปาก

ซูเจ๋อเห็นการกระทำของเธอทุกอย่าง ก้นบึ้งแววตาผุดคลื่นน้ำวนอันมืดมิดขึ้น กล่าวเสียงทุ้มต่ำ "ไม่ใช่คืนนั้น"

เฉินเสียนกล่าว "อ่อ ท่านถามคืนที่ท่านไปรับอาเซี่ยนกลับมาสินะ ข้ายังไม่ได้นอนรอพวกท่านกลับมา จู่ๆเย่ซวิ่นก็ปีนเข้ามาทางหน้าต่าง แต่เขาไม่ได้แตะตัวข้า ข้ากระทืบเขาแล้ว"

"ข้าคิดไม่ถึงว่าตอนที่ท่านมา เขาจะถอดเสื้อตัวเอง ทำท่าราวกับมีอะไรกัน ถ้าไม่ใช่เขาหนีไว ข้าต้องกระทืบเขาจนไม่อาจใช้ชีวิตประจำวันได้ด้วยตัวเองแน่"

ซูเจ๋อไม่ได้ตอบ เฉินเสียนยังคงกล่าวต่อว่า "ฟังดูแล้วไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่ หากข้าเห็นท่านอยู่กับสตรีอื่น ข้าก็จะเข้าใจผิดเหมือนกัน" สิ้นเสียงแล้วก็เสริมอีกหนึ่งประโยค "แต่พวกข้าไม่ได้ทำอะไร ข้าไม่ใช่คนที่จะนอนค้างแรมกับใครก็ได้"

เมื่อลั่นวาจาเช่นนี้ออกมา ทันใดนั้นเฉินเสียนก็คิดว่าตัวเองพูดไม่เหมาะสม เพราะยามนี้เธออยู่กับซูเจ๋อในห้องแล้วจะนับว่าเป็นอะไร หากกล่าวเช่นนี้อาจทำให้เข้าเข้าใจผิดว่ากำลังแอบใบ้อะไรเขาอยู่ก็เป็นได้……

จากนั้นเฉินเสียนก็รีบหยุดพูดแล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนาใหม่ "ข้าพูดมาเยอะแล้ว ถึงตาท่านแล้ว"

"ท่านถามสิ" สายตาของซูเจ๋อไม่ได้ละจากใบหน้าเธอเลย

เฉินเสียนเปรียบเทียบระดับสายตาของเขาแล้วคล้ายกับได้ข้อสรุปว่าอยู่ที่ริมฝีปากเธอ?

เมื่อพบเห็นเช่นนี้หัวใจเธอก็ว้าวุ่น เธอเลียปากอีกครั้ง รู้สึกคอแห้งกว่าก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ

ซูเจ๋อกล่าวเสียงแหบพร่า "คอแห้งมากเหรอ?"

"นิด นิดหน่อย"

"แล้วไยไม่ดื่มน้ำเล่า"

ซูเจ๋อเตือน เฉินเสียนจึงตระหนักได้ว่าควรดื่มปรับอารมณ์เสียบ้าง ว่าแล้วเธอก็ดื่มคำโตๆจนมีหยดน้ำอยู่มุมปากโดยไม่รู้ตัว

เฉินเสียนนึกไม่ออกว่าควรถามอะไรซูเจ๋อในช่วงเวลาสั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมา เรื่องที่ค้างคาใจเธอมากที่สุดก็เห็นจะเป็นพระชายารุ่ยของเขา ทว่าตอนอยู่ในรั้ววังก่อนหน้านี้ เขาก็พูดกระจ่างแล้วว่าเขาไม่มีพระชายารุ่ย เขาแค่กุเรื่องหลอกเธอด้วยความร้อนรนชั่วขณะ

สิ่งเดียวที่เฉินเสียนไม่รู้ก็คือ เรื่องคืนเมาเหล้า

เธอพูดพลั้งปากถามว่า "ท่านบอกว่าท่านเคยบอกข้าเรื่องพระชายารุ่ยจอมปลอมแล้ว งั้นคืนนั้นท่านพูดอันใดกับข้า ข้าพูดอะไรกับท่านบ้าง?"

ซูเจ๋อกล่าว "ท่านแน่ใจนะว่าจะถามเรื่องนี้?"

เฉินเสียนกล่าว "แน่ใจ"

เฉินเสียนกล่าวเสียงแหบพร่า "ท่านยังไม่ตอบข้า"

"ดูท่าตอนนี้ท่านก็ยังนึกถ้อยคำที่ข้ากล่าวกับท่านไม่ออก หากท่านกล้าลืม ข้าก็จะไม่ปล่อยท่านแน่ ท่านว่าข้าควรลงโทษท่านเช่นไรดี?"

เฉินเสียนได้ยินก็คิดจะล่าถอย กล่าวว่า "ช่างเถอะ ถือเสียว่าข้าไม่ได้ถามก็แล้วกัน เมื่อข้านอนหนึ่งตื่น พรุ่งนี้ก็คงนึกออกแล้ว"

สองขาของเธออ่อนยวบ ทว่ายังคงฝืนพูดพร้อมกับพยายามหลบหนี พลางเอ่ยปากพูดไม่หยุด "คืนนี้นอนกันเช่นไร? หรือท่านนอนที่เตียง ข้านอนบนเก้าอี้ข้างหน้าต่าง หากท่านรังเกียจที่ข้านอนกรน ข้าก็จะกลับไปนอนห้องตัวเอง ข้าไปเคาะประตู อาเซี่ยนต้องเปิดประตูให้ข้าแน่……"

ซูเจ๋อยกคิ้วฟังเธอเงียบๆ

เฉินเสียนรู้สึกว่าการเปลี่ยนหัวข้อสนทนานั้นช่างเป็นวิธีเบ่งเบนความสนใจของเขาได้ดีเยี่ยม เมื่อย้ายเท้าไม่กี่ก้าวพลันเห็นโอกาสลอยมาตรงหน้าแล้ว จึงหันกายเตรียมจะหนี

สุดท้ายก็คือโดนซูเจ๋อดึงตัวไว้อย่างไม่ต้องสงสัย

วินาทีต่อมาก็จูบกันอย่างดื่มดูด เฉินเสียนไม่มีเรี่ยวแรงพูดอีกแม้แต่พยางค์เดียว

เมื่อเธอไร้ที่หลบหนี ไร้แรงต้านทาน จึงตอบสนองเขาโดยไม่รู้ตัว

เปลิวไฟที่ดับมอดไม่สนิท เมื่อสัมผัสการเล้าโลมของเธอเบาๆ เปลิวไฟก็ลุกโชนอีกครั้ง

เพียงแต่ไม่ได้ชิดใกล้เขาเช่นนี้มาเนิ่นนาน เฉินเสียนจึงรู้สึกสับสน ไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร

หลังจุมพิตอย่างเร่าร้อนเสร็จก็เคลื่อนมายังใบหูและคอของเธอ

เธอเริ่มตัวสั่นระริกอย่างไม่รู้ตัว คล้องมืออยู่ที่ลำคอของซูเจ๋อแล้วจับศีรษะของเขาไว้ ระหว่างฟันลอดเสียงครางเบาๆออกมา

"อย่า……" เฉินเสียนกล่าวห้าม "ท่านเปลี่ยนวิธีลงโทษข้าเถอะ ข้ายังไม่ได้เตรียมตัว……"

ซูเจ๋อถามเธอ "เรื่องอย่างนี้จำเป็นต้องเตรียมตัวอย่างไร?"

เฉินเสียนอ้าปาก ทว่าไม่มีเสียงใดๆหลุดออกมา

กระดุมถูกปลดออกทีละเม็ด พลางแหวกลงมาจากไหล่ ก่อนจะเผยผิวพรรณอันประณีตงดงาม

เมื่อแสงเทียนส่องผิวกายดุลเครื่องเคลือบขาวพลันฉายความละเมียดละไมไร้ที่ติ

ซูเจ๋อไล่จูบมาจากกระดูกไหปลาร้าจนถึงหน้าอกเนื้อแน่นของเธอ

ขาของเธออ่อนจนลื่นไหลลงจากกำแพง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี