"เปรี้ยง..."
สายฟ้าอันน่าตกใจที่พุ่งฟาดพาดผ่านมาหนึ่งเส้นได้ทำให้สายตาเดิมทีของผู้คนที่จับจ้องมองอยู่ที่เหยากุ้ยเหรินทั้งหมดก็เหลือบสายตาออกไป
"ฝนจะตกแล้ว !"
ทุกคนอุทานส่งเสียงเมื่อเห็นว่าท้องฟ้าได้เปลี่ยนไป
บางคนมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรวดเร็วลุกขึ้นและเริ่มมองหาที่หลบฝนแล้ว
แต่เหยากุ้ยเหรินบนเวทีกลับตะลึงค้างอยู่เล็กน้อย
การเคลื่อนไหวที่เต้นรำอยู่ก็หยุดลงเช่นกัน
ฝนตก ?
เมื่อนางเงยหน้าขึ้นมองไปยังท้องฟ้า ก็เกิดฝนตกหนักลงมา “ซู่ซู่ ซู่ซู่” อย่างไร้ความปรานี
ทันใดนั้นก็เปียกปอนหนาวเหน็บไปถึงใจ !
แต่เหมือนตอนนี้จะไม่มีใครสนใจนางแล้ว เพราะนอกจากพระแท่นหลังนั้นที่ฝ่าบาทและพระพันปีหลวงประทับอยู่ด้านบนมีหลังคาคลุมไว้ คนอื่น ๆ ทั้งหมดก็เริ่มหลบฝนแล้ว
ณ ฉากลานกว้างที่โกลาหลตรงนั้น ทุกคนก็วิ่งไปที่โถงด้านข้างที่ใกล้ที่สุดทันที
แต่ในขณะความโกลาหลนั้น สิ่งที่เด่นชัดที่สุดคือร่มน้ำมันที่สะท้อนแสงได้อย่างชัดเจนสองคันในฝูงชน
หนึ่งในที่ถือร่มอยู่คันหนึ่งนั้นคือหลันกุ้ยเหริน ซึ่งโบกมือให้จี้อู๋เจวี๋ยอย่างตื่นเต้นในขณะนี้ "ฝ่าบาท เสด็จมาที่นี่เถอะเพคะ ข้าคนนี้พกร่มมาด้วย !"
หลันกุ้ยเหรินรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยในขณะนี้
ไม่คาดคิดมาก่อนว่าการพยากรณ์อากาศของตำหนักเย็นจะแม่นยำขนาดนี้ !
นึกไม่ถึงเลยว่าฝนจะตกจริง !
ทุกคนไม่ได้พกร่มมาด้วย มีแต่นางเท่านั้นที่พกมา !
ความรู้สึกนี้ทำให้หลันกุ้ยเหรินรู้สึกตนเองเหนือกว่าที่ยากจะพรรณนา
จี้อู๋เจวี๋ยทรงมองผ่านไปยังหลันกุ้ยเหรินก็ได้เห็นที่ด้านล่างของร่มน้ำมันอีกคัน และยังทรงเห็นร่างที่คุ้นตาอยู่หนึ่งร่างด้วย
สายตาที่เย็นชาก็กลับเย็นยะเยือกขึ้นมาทันใด
แม่นางคนนี้นึกไม่ถึงว่าจะไปหาเสด็จลุงสามภายใต้หนังพระเนตรของเขา !
แม้ว่าเขาจะรู้ว่านางก็แค่บังเอิญยืนข้าง ๆ เขา ก็แค่ทั้งสองคนถือร่มหนึ่งคันกางด้วยกัน แต่หัวใจของเขาก็ยังสั่นไหวอยู่เล็กน้อย "ก็ได้ ไปกันเถอะ"
ทุกคนที่เข้าร่วมงานเลี้ยงทั้งหมดรีบเข้าไปหลบในโถงด้านข้างอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากความแตกต่างระหว่างชายและหญิง แขกผู้ชายจึงตั้งใจไปที่ปีกซ้ายของห้องในขณะที่ผู้สูงศักดิ์ฝ่ายหญิงก็ไปที่ปีกขวาของห้องเหมือนกัน
ช่วงเวลานี้
เหมือนว่าผู้สูงศักดิ์ฝ่ายหญิงทั้งหมดจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
เสื้อผ้าเปียกปอน ทรงผมที่จัดการดูแลมาเป็นอย่างดีก็ยุ่งเหยิง ยิ่งไปกว่านั้น เครื่องสำอางบนใบหน้าพวกนางก็ยังเปรอะเปื้อนลอกหลุดออกมาอย่างไม่น่าแปลกใจนัก
นี่จึงเป็นงานเลี้ยงที่ถือว่าแย่ที่สุดครั้งหนึ่งเลยก็ว่าได้
ทุกคนมองหน้ากันด้วยความลำบากใจ ถ้าเจอแบบนี้ ในเวลาปกติเมื่อเห็นสภาพของคนฝั่งตรงข้ามจะต้องมีคำพูดเสียดสีเยาะเย้ยกันบ้าง แต่ตอนนี้ ทุกคนเป็นสภาพแบบนี้กันหมด ณ เวลานั้น ทุกคนก็เงียบกริบไปโดยปริยาย
“เห้ย พวกเจ้าดูสิ นั่นเหยากุ้ยเหรินไม่ใช่เหรอ ?” คนที่ด้านหลังฝูงชนไม่รู้ว่าใครก็ตะโกนออกมา
เป็นผลให้ทุกสายตาในปีกซ้ายขวาของห้องก็หันไปหาดูเหยากุ้ยเหรินที่เพิ่งเข้ามาทันที
เห็นเพียงแต่ร่างกายของเหยากุ้ยเหรินที่เปียกแฉะไปหมด กระโปรงผ้าโปร่งผืนบางที่แนบชิดติดกับร่างกายของนาง จนเห็นส่วนโค้งเว้าที่น่าละอาย ผมยาวสลวยของนางก็ยุ่งเหยิงแนบอยู่บนศรีษะ การแต่งหน้าที่บอบบางละเอียดอ่อนก่อนหน้า ตอนนี้ก็เบลอเละไปหมด ใบหน้าของนางทั้งหมดในขณะนี้เมื่อเทียบกับการแสดงงิ้วแล้วถือว่าตระการตามากอยู่ไม่น้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น
รออ่านอยู่นะคะ...
ชอบเรื่องนี้มากนางเอกไม่อยากอยู่ในวัง..มาอัพต่อนะคะรออ่านค่ะ......
รออัพค่าาาา...
รออัพเดทตอนใหม่อยู่นะคะ มาส่องทุกวัน รอทุกวันค่ะ...
อยากให้ท่านอ๋องเฉินเป็นพระเอกจัง ส่วนฮ่องเต้นั่น ก็คู่สนมเหยาเถอะ โปรดปราณกันจนาดนั้น...
ฝ่าบาทผีอะไรเข้าสิงมาอี้กกกก...
555555...
รวยๆๆๆๆๆ...
เอาแล้วววว 55555...
555555...