นึกไม่ถึงเลยว่าจะกล้าให้เหยากุ้ยเหรินเรียกนางว่าเสด็จพี่ !
นางจะทนได้เหรอ ?
กลับกันเหยากุ้ยเหรินกลับไม่โกรธแม้แต่น้อย อีกทั้งยังร่าเริงยิ้มแย้ม “เสด็จพี่ แม่นมเฉินอายุก็ปูนนี้แล้ว อีกทั้งยังเข้าวังมาได้เพียงไม่กี่วัน อาจจะยังไม่เข้าใจกฏเกณฑ์มากมายเพียงนี้ เสด็จพี่ด้วยตัวท่านที่เป็นถึงตำแหน่งนี้ ได้โปรดอย่าถือสาเลย !”
อุ๊ย ตาย
นางเหยากุ้ยเหรินนี่ผีมือขั้นสูงนะเนี่ย !
สี่ตำลึงปาดพันชั่ง (หมายถึง การออกแรงน้อยที่สุดเพื่อให้ได้ผลประโยชน์มากที่สุด) พูดแค่สองสามคำไม่ใช่แค่ปกป้องคนของนางได้แล้ว แต่ยังผลักปัญหามาที่นางได้อีกด้วย
ลู่ยุ๋นหลัวมองเหยากุ้ยเหรินอย่างไม่คาดคิด
นี่มันไม่ใช่เกมกลอุบายเหรอ ?ซีรี่ย์แก่งแย่งชิงดีในวังที่มีอยู่มากมายในศตวรรษที่ 21 นั้นนางไม่ได้ดูโดยเปล่าประโยชน์
ถ้าระดับเด็ก ๆ พวกนี้ นางใช้จนคุ้นชินคุ้นมือ “เสด็จน้องเจ้าวางใจได้ เห็นแก่หน้าเจ้า ข้าไม่ถือสาแม่นมเฉินอยู่แล้ว” นางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เหยากุ้ยเหรินจึงเหลือบมองนาง “ขอบพระทัยเสด็จพี่”
คาดไม่ถึงว่าลู่ยุ๋นหลัวจะไม่ใช่ธรรมดาซะแล้ว ดูจากประโยคธรรมดา ๆ ที่นางพูด แต่กลับพูดให้คนยอมรับน้ำใจได้อย่างไม่มีเหตุไม่มีผล
“ไม่ทราบว่าเสด็จน้องวันนี้เชิญข้ามาด้วยเหตุอันใด ?” ลู่ยุ๋นหลัวไม่ได้อยากอ้อมค้อมอีกต่อไป จึงเปิดประตูพบภูเขาถามไป (เปิดประตูพบภูเขา หมายถึง การกระทำที่ตรงไปตรงมา)
“เมื่อไม่กี่วันก่อน องค์จักรพรรดิได้พระราชทานรางวัลเป็นใบชาคุณภาพชั้นสูง ดังนั้นจึงอยากเชิญเสด็จพี่มาชิมรสชาติด้วยกันสักหน่อย” เหยากุ้ยเหรินพูดพร้อมกับเดินมาลู่ยุ๋นหลัวด้านข้างเพื่อนำทาง
ทั้งสองได้มาถึงร่มไม้ภายในบริเวณตำหนัก
ชุดกาน้ำชาได้ถูกจัดวางไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว
“เสด็จพี่ เชิญนั่ง !”
หลังจากนั่งลงแล้ว เหยากุ้ยเหรินและลู่ยุ๋นหลัวต่างพูดคุยหัวเราะราวกับเสด็จพี่และเสด็จน้องที่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
จนถึงขั้นที่เหยากุ้ยเหรินจับมือถือแขนนางพูดว่าพบกับนางครั้งแรกแต่รู้สึกราวกับสนิทสนมมาเนิ่นนาน
ขนาดคำพูดที่ขัดกับความรู้สึกตนยังพูดออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติไร้ข้อบกพร่อง ทักษะการแสดงดั่งเตาเปลวไฟเขียว (เตาเปลวไฟเขียว หมายถึง ความรู้และฝีมืออยู่ในระดับสุดยอด) ฝีมือเทียบเคียงกับนางได้เลย
หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งถ้วยน้ำชา ในที่สุดก็เข้าประเด็น
อย่างไรก็ตาม ก็ยังสามารถใช้วิธีการอื่นในการร่วมมือกันได้
“เสด็จพี่คิดว่าอย่างไรบ้าง ?” เห็นว่าลู่ยุ๋นหลัวไม่พูดอยู่นาน นางจึงถามอีกครั้ง
ลู่ยุ๋นหลัวกลับฉายยิ้มขึ้นโดยไม่ได้ตอบสิ่งที่นางเมื่อสักครู่ และยังมองไปที่นางพร้อมพูด “เสด็จน้อง จริง ๆ แล้วข้ามีวิธีการที่ดีกว่าที่จะให้เจ้าได้เป็นที่โปรดปราณขององค์จักรพรรดิโดยปริยาย
ได้เป็นที่โปรดปราณขององค์จักรพรรดิโดยปริยาย ?
พูดตามตรง ภายในตำหนักในนั้นไม่มีสนมคนไหนที่กล้าพูดยิ่งใหญ่เช่นนี้ !
ยิ่งไปกว่านั้น หากมีวิธีการที่ว่าอยู่จริงทำไมไม่เก็บไว้ใช้เองแทน แต่กลับใจดีเอามาบอกให้นาง ?
ประโยคของลู่ยุ๋นหลัวนั้นเหยากุ้ยเหรินไม่เชื่อแม้สักคำเดียว !
แต่ว่านางก็ยังคงถามกลับไปด้วยเสียงอันอ่อนโยน “เสด็จพี่มีวิธีการอะไรที่ดีรึ ?”
ลู่ยุ๋นหลัวไม่ตอบกลับตรง ๆ อีกทั้งนางยังมีท่าทีลึกลับหยิบตำราเล็ก ๆ เล่มหนึ่งที่ยับยู่ยี่ออกมาจากบริเวณอก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น
รออ่านอยู่นะคะ...
ชอบเรื่องนี้มากนางเอกไม่อยากอยู่ในวัง..มาอัพต่อนะคะรออ่านค่ะ......
รออัพค่าาาา...
รออัพเดทตอนใหม่อยู่นะคะ มาส่องทุกวัน รอทุกวันค่ะ...
อยากให้ท่านอ๋องเฉินเป็นพระเอกจัง ส่วนฮ่องเต้นั่น ก็คู่สนมเหยาเถอะ โปรดปราณกันจนาดนั้น...
ฝ่าบาทผีอะไรเข้าสิงมาอี้กกกก...
555555...
รวยๆๆๆๆๆ...
เอาแล้วววว 55555...
555555...