“หลอกคุณ?”ไป๋ซีเยว่รู้สึกว่าเขาแปลกประหลาดมากๆจริงๆ“ฉันไปหลอกอะไรคุณ?”
“เมื่อคืนเวลาสามทุ่มสิบแปดนาทีคุณเข้าไปถึงที่หมิงเยว่เซวียน เวลาที่ออกมา คือเวลาตีหนึ่งห้านาที”
ไป๋ซีเยว่มองเขาด้วยความตกใจ
“ที่ป้อมยามมีการบันทึกรถเข้าออกเอาไว้ ถ้าอยากจะตรวจสอบแค่โทรศัพท์ไปก็ได้แล้ว ดังนั้น”เขามองเธอด้วยสายตาเยือกเย็น“ทำไมถึงต้องหลอกผม? เมื่อคืน เป็นคุณ ใช่ไหม?”
ไป๋ซีเยว่สั่นสะดุ้งไปทั่วทั้งตัวทันที เธอยกมือขึ้นมาจะเปิดประตูรถ
จี้เหลียนเฉิงดึงเธอเอาไว้ ครึ่งตัวบนกดลงมา ควบคุมเธอเอาไว้อยู่ระหว่างเขากับประตูรถ
ไป๋ซีเยว่รู้สึกรำคาญแล้ว“ปล่อยฉันนะ!”
“คิดว่าผมดื่มจนเมาแล้ว จะไม่รู้เรื่องอะไรอย่างนั้นเหรอ?”เขาก้มหัวลง ลมหายใจที่ร้อนระอุลอยผ่านแก้มของเธอ“ทำไมผมจะไม่รู้ว่านั่นคือคุณ คนที่ผมกอด ลูบ จูบ……”
“หยุดพูด!”ไป๋ซีเยว่ใบหน้าเริ่มร้อนผ่าว เธอหันหน้าหนี อยากที่จะหลบหลีกเขา“คุณหยุดพูดได้แล้ว……”
“ทำไมถึงไม่ให้ผมพูด? คุณเคยบอกไว้ ครั้งที่แล้วคุณดื่มจนเมา ผมไม่ควรจะฉวยโอกาสตอนที่คนอื่นกำลังลำบาก แล้วคุณล่ะ เมื่อคืนคนที่ดื่มจนเมาคือผม แล้วคุณทำอะไร?”เขาเข้ามาใกล้ทีละนิดๆ ริมฝีปากแทบจะแนบอยู่ที่หูของเธอ
ไป๋ซีเยว่สองมือดันไว้ที่หน้าอกของเขา รู้สึกว่าทั้งเขินอายทั้งรู้สึกผิด เขาพูดถูกต้อง ถ้าบอกว่าในครั้งแรกจี้เหลียนเฉิงเป็นคนฉวยโอกาสเอารัดเอาเปรียบ แล้วครั้งนี้ล่ะ? ยอมรับการขอมีอะไรด้วยจากเขาภายใต้สภาวะที่เธอมีสติและรู้สึกตัว
ถึงยังไง ภายใต้สถานการณ์ที่จี้เหลียนเฉิงดื่มจนเมา ไป๋ซีเยว่มีหลายวิธีมากที่จะสลัดตัวหนีไป
แต่เธอกลับยอมประนีประนอมอย่างขี้ขลาด
จี้เหลียนเฉิงกล่าวโทษเธอ เธอหมดคำจะพูดเถียง
จี้เหลียนเฉิงลูกกระเดือกขยับ หัวใจเต้นตึกตัก เพราะว่าเข้าใกล้เธอ ลมหายใจก็เลยเริ่มถี่ขึ้นไม่น้อย“ผมสามารถเข้าใจได้ว่า คุณเองก็เต็มใจเหมือนกันได้ใช่ไหม……”
“ไม่ใช่!”ไป๋ซีเยว่ปิดหูทันที“ไม่ใช่เลย!คุณดื่มจนเมาแล้วเรี่ยวแรงเยอะขนาดไหนตัวเองไม่รู้เลยเหรอ? ฉันไม่เคยบอกคุณเหรอว่าจะบังคับขืนใจก็เห็นแก่หน้าของมู่มู่ด้วย!”
พอคำพูดนี้ของเธอออกมา อากาศภายในรถก็ดูเหมือนจะหยุดนิ่งไม่ถ่ายเท เงียบสงบ หดหู่ ทั้งยังอุดอู้
ทั้งสองคนหยุดนิ่งไม่ขยับเขยื้อนอยู่นานสองนาน
ไป๋ซีเยว่หลับตาตะโกนประโยคนั้นออกมา แทบจะไม่กล้ามองสีหน้าท่าทางของจี้เหลียนเฉิงเลยแม้แต่น้อย ผ่านไปนานสองนาน เธอถึงได้ลืมตาขึ้น แต่กลับเห็นรอยยิ้มที่ริมฝีปากของจี้เหลียนเฉิงได้พอดี
รอยยิ้มนั้นแปลกประหลาด เหมือนกับเยาะเย้ย แล้วก็แฝงไปด้วยความเหงาหงอย
ไป๋ซีเยว่สบถอย่างเย้ยหยันอยู่ภายในใจหนึ่งที เป็นห่วงมู่มู่ แต่ไม่เป็นห่วงเธอ?
ปฏิบัติสองมาตรฐานอย่างที่คิดไว้จริงๆ
เธอผลักเขาไปข้างๆอย่างใจจืดใจดำ“ถ้าอย่างนั้นฉันไปรับมู่มู่ แล้วคุณล่ะ โทรศัพท์หาแฟนของคุณ ให้เธอมาดูแลคุณสิ”
ไม่คาดคิด ไม่รู้ว่าคำพูดไหนมันไปกระตุ้นประสาทของจี้เหลียนเฉิงเข้า เดิมทีร่างกายที่ล้มลงไปอย่างอ่อนระทวยของเขา พอได้ฟังคำพูดนี้ ก็ลุกขึ้นมานั่งทันที ตาจ้องมองไปที่ไป๋ซีเยว่ตรงๆ
ไป๋ซีเยว่รู้สึกโกรธขึ้นมา“จ้องมองอะไร!จะอวดว่าตาคุณโตเหรอ!”
เธอพูดจบก็จะไปเปิดประตูรถ
แต่ปรากฏว่าถูกจี้เหลียนเฉิงกดเอาไว้อีกครั้ง
ไป๋ซีเยว่มือเท้าไม่ได้ไปผลักเขา ภายในใจเต็มไปด้วยความเศร้าโศก ตอนนี้แทบจะไม่สนใจว่าเขายังเป็นผู้ป่วยอยู่อีกต่อไปแล้ว ตราบใดที่นึกขึ้นได้ว่าเขามีแฟน ถึงขนาดที่เขากับแฟนเกิดความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดสนิทสนมทางด้านร่างกายแล้วด้วย เธอก็มีแรงกระตุ้นอยากจะฆ่าคนขึ้นมา!
จี้เหลียนเฉิงกดเธอเอาไว้ข้างล่างตัว สองตาที่แดงจ้องมองเธอ กัดฟันพูดออกมา“ไป๋ซีเยว่!จะให้ผมพูดอีกกี่รอบคุณถึงจะเชื่อ!ผมไม่มีแฟน!ไม่มี!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คิดจะรัก คิดถึงอดีต(เมีย)