“นี่คุณยังอยากจะปิดบังต่อไปใช่ไหม?” เขาใช้ขายาวๆ ก้าวพาดและลงจากเตียง และจัดการถอดเสื้อเชิ้ต กางเกงสแล็ค ร่างกายกำยำ จนเห็นสัดส่วนอย่างชัดเจน ต่อหน้าเธอ
“เปล่า แต่ฉันยังไม่ได้เตรียมใจเอาไว้ดีพอ” เธอไม่ยอมลืมตาขึ้น เพราะย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจว่าไม่สามารถปิดบังความจริงเอาไว้ได้ แต่ที่ยิ่งกลัวไปกว่าก็คือกลัวว่าคนที่บ้านจะตกใจจนเป็นลมไปแทน
“มันไม่สำคัญว่าคุณจะเตรียมใจไว้ดีหรือยัง เพราะถึงอย่างไรเรื่องนี้พวกเขาก็ต้องรู้อยู่ดี เพื่อเป็นการไม่สายเกินควร เตรียมตัวเลย เราจะออกเดินทางเดี๋ยวนี้...”
เมื่อสิ้นเสียงอันสุขุมทุ้มต่ำของเขาแล้ว เขาก็เดินเข้าห้องน้ำทันที...
กระดาษมันไม่สามารถห่อหุ้มกองไฟเอาไว้ได้ พูดสายเกินควรก็ไม่เท่ากับพูดเสียเนิ่น ๆ เอาไว้ก่อน เธอย่อมเข้าใจทั้งหมดดี และชัดเจนมาก!
แต่เรื่องนี้กับเรื่องอื่นมันไม่เหมือนกันนี่ ไม่สามารถเอามาเปรียบเปรยกันได้!
ทั้ง ๆ ที่พ่อแม่ของเธอรู้อยู่แล้วว่าเธอไม่เคยมีแฟนหนุ่ม แต่แค่ชั่วข้ามคืนก็แต่งงานเสียแล้ว แถมยังมีลูกติดท้องอีก!
แค่กลัวว่า พวกเขาจะตกอกตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อไป เมื่อคิดสถานการณ์อันยุ่งเหยิงที่ต้องเผชิญหน้า จนเธอปวดหัวเล็กน้อย...
ทว่าในเวลานั้นเองไม่ว่าจะพูดทฤษฎีอะไรออกมาก็ตามมันสายเกินแก้แล้ว เพราะว่ารถยนต์ได้มาจอดด้านใต้ตึกที่พักอาศัยแล้ว
เชอร์รีนสูดลมหายใจเข้า อย่างตื่นเต้นมาก หลังจากเตรียมใจมาดีแล้ว ก็เปิดประตู และลงไปจากรถ
แต่คนที่อยู่ด้านหลังกลับไม่ขยับเขยื้อนสักนิด จนเธอหันศีรษะกลับมาอย่างแปลกใจ เพราะเห็นออกัสยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น นิ้วเรียวยาวกำลังเคาะอยู่บนพวงมาลัย พร้อมทั้งหยีตาเล็กน้อย
“ไม่เข้าไปเหรอ?” เธออ้าปากถาม เขาเป็นคนพูดถึงเรื่องที่จะมาเองนะ แต่พอมาอยู่ใต้ตึกแล้ว ทำไมถึงไม่ขยับสักนิดเลยล่ะ?
“รอสักพัก…” เขาเอ่ยปากพูด
รออะไร? เธอไม่เข้าใจเลย
หลังจากผ่านไปยี่สิบนาทีแล้ว ก็เห็นเลขาเตโชที่เพิ่งเจอหน้ากันเมื่อวานลงจากรถคันสีดำ เขาถือกล่องของขวัญมาสองกล่องอยู่ในมือ ซึ่งมันมีขนาดใหญ่มาก
เลขาเตโช เดินขึ้นข้างหน้า และยื่นกล่องของขวัญให้ “ท่านประธานครับ นี่คือสิ่งของที่ท่านให้ผมจัดเตรียมเอาไว้ครับ”
“อืม...” ออกัสตอบรับ และรับของเอาไว้
สิ่งที่ไม่เคยคิดคือ เขาจะมีด้านที่ละเอียดรอบคอบขนาดนี้ด้วย เชอร์รีนถึงกลับจ้องเขาอย่างแปลกใจมากอยู่สักพัก จนเริ่มหวั่นไหวอยู่บ้าง
เมื่อเดินเข้ามาในห้องรับแขก กนกอรกับจักรกฤษ กำลังจัดจานชามอยู่ เมื่อตอนเห็นออกัสที่ใส่เสื้อกันหนาวขนแพะแคชเมียร์สีเข้ม อันแสนสูงโปร่งและสง่างาม จนเกิดอาการสับสนและไม่เข้าใจสักนิด
สุดท้าย จักรกฤษตั้งสติได้ก่อน “เชอร์คนนี้คือใครกัน?”
เมื่อได้ยินดังนั้น เชอร์รีนได้แต่เม้มริมฝีปากเอาไว้อย่างอึดอัดใจ เพราะไม่รู้จะเริ่มต้นพูดว่าอย่างไรดี
ออกัสสาวขายาวๆ ก้าวมาทางด้านหน้า พลันใช้แรงแขนอันกำยำดึงเชอร์รีนเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด เธอไม่คิดมาก่อนเลยว่าเขาจะแสดงพฤติกรรมเช่นนี้ออกมา เธอตัวสั่นเล็กน้อย พลันเงยศีรษะขึ้น และมองหน้าเขา
แต่เขากลับไม่มองเธอเลย อีกอย่างสายตายังสบตาไปทางด้านหน้า และเริ่มเผยอปากยาง และยิ้มตอบ “คุณลุงคุณป้าครับ”
การแสดงอากัปกิริยาที่แสนสนิทชิดเชื้อและแสดงความหมายอันคลุมเครือเช่นนี้ มันสามารถแสดงความหมายได้อย่างชัดเจนทั้งหมด จักรกฤษกับกนกอรสบตากันอยากหวาดหวั่น เชอร์ไปมีแฟนหนุ่มตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย?
จากนั้น จักรกฤษส่งสัญญาณทางสายตาให้กนกอร จากนั้น กนกอรจึงวางถ้วยชามในมือลง และมองมาที่ออกัส “คุณเป็นแฟนของเชอร์ใช่ไหม?”
“คุณป้าครับ ผมจดทะเบียนกับเชอร์รีนแล้วครับ อีกอย่าง เธอก็ตั้งท้องได้หนึ่งเดือนแล้วครับ” ออกัสพูดจาอย่างอ่อนโยน ไม่มีการข่มขู่ สง่างาม พร้อมทั้งเก็บทุกรายละเอียดอย่างใส่ใจ ความเป็นผู้ดีและความยับยั้งชั่งใจช่างแสดงออกมาได้อย่างหมดความสงสัย
เมื่อเอามาเปรียบเทียบกันแล้ว เชอร์รีนตื่นเต้นมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประโยคนั้นหลุดออกมาจากปากของเขาแล้ว เธอรู้สึกว่าตัวเธอเองนั้นไม่สามารถอยู่นิ่งได้แล้ว จนร่างกายมันเกร็งหนักกว่าเดิม
แต่งงานเหรอ? ท้องด้วย? จักรกฤษอ้าปากค้างตาถลนอย่างยิ่ง ราวกับเป็นก้อนที่ถูกตรึงอยู่กับที่
อากัปกิริยาของกนกอรยิ่งรุนแรงหนักกว่า เพราะร่างกายเริ่มสั่นคลอน พร้อมทั้งใช้มือทั้งสองข้างประคองโต๊ะที่อยู่ด้านหลังของตนเอง และหายใจเบาๆ เข้าปอด จากนั้นก็เอ่ยปากถาม เชอร์รีน “ที่เขาพูดมามันเป็นเรื่องจริงหรือว่าเรื่องหลอกลวงกันแน่?”
เพราะว่าเธอเลี้ยงดูลูกสาวตั้งแต่เด็กจนเติบใหญ่ ขนาดแฟนก็ไม่เคยมี เผลอแวบเดียวมาพูดว่าแต่งงาน แถมยังท้องอีก!
ในฐานะคนเป็นแม่ แล้วจะไม่ทำให้เธอรู้สึกอะไรขึ้นมาสักนิดเลยเหรอ?
เรื่องมันพัฒนามาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่มีทางถอยได้แล้ว
เธอกัดฟัน และพูดออกไป พร้อมทั้งพยักหน้า เพื่อเป็นการยอมรับ “แม่ มันคือเรื่องจริง!”
กนกอรยื่นมือออกมา จากนั้นก็ตบหน้าอกของตนเองที่กำลังกระเพื่อมไปมาอย่างแรง จากนั้น ก็ชี้หน้าเชอร์รีน พร้อมทั้งตะคอกใส่เสียงแข็ง “ตกลงมันเกิดเรื่องอะไรขึ้น แกพูดกับฉันออกมาให้หมด!”
ออกัสย่นคิ้ว และเริ่มขยับปากเล็กน้อย จังหวะที่กำลังจะพูดออกไปนั้น กลับรู้สึกว่าอุ้งมือสัมผัสความอ่อนนุ่มและเนียนละเอียดแทน
ที่แท้ สาเหตุมาจากเธอสอดมือของเธอเข้าไปในฝ่ามือใหญ่ของเขา และประสานมือเขาไว้จนกุมมือด้วยกัน
ข้อนิ้วของเขาเห็นจัดชัดเจน อุ้งมืออันร้อนผ่าว และยังมีความหยาบกร้านอยู่บ้าง ส่วนเธอนั้นขาวเนียน นุ่มนิ่มราวไร้ข้อกระดูก จนมือเย็นเล็กน้อย
เขาเลิกคิ้วขึ้น และหรี่ตาลง พลันแสดงให้เห็นความแปลกใจเล็กน้อย พร้อมทั้งมองมาที่ตัวเธอแสดงอาการหยอกล้อ แววตาลึกซึ้ง ความมืดหม่นอย่างโลดโผน
เชอร์รีนไม่ได้มองมาทางเขา แต่กลับเดินไปทางด้านหน้าสองก้าว เพื่อสบตากับกนกอร
หลังจากทานข้าวกลางวันเสร็จแล้ว ทั้งสองคนก็กลับออกมา
กนกอรยืนอยู่ด้านหน้าหน้าต่าง พลันมองรถสีดำคันนั้น ที่ค่อยๆ หายวับไปกับตาทางหน้าต่าง
จักรกฤษนั่งกอดกล่องของขวัญราวกับได้สมบัติมีค่ามหาศาลมา “ชาเขียวปี้หลัวชุน ยากมากเลยที่จะได้เจอชาชั้นยอดสักครั้ง”
เมื่อได้ยินดังนั้นกนกอรก็หันตัวกลับไปจ้องเขาตาเขม็ง “ชา ชา รู้แค่ชาเท่านั้นแหละ!”
จักรกฤษยิ้มตอบ พลันยื่นกล่องของขวัญอีกกล่องมาให้ “ผ้าไหมคลุมไหล่จากซูโจว คุณลองเทียบตัวดูสิ”
“นี่คุณไม่เป็นห่วงลูกสาวของเราสักหน่อยเหรอ? นั่นอะเป็นตระกูลสิริไพบูรณ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองsเลยนะเชอร์ แต่งออกไป จะต้องมานั่งเสียใจหรือเปล่า?”
“ฉันว่าคุณชายใหญ่ของตระกูลสิริไพบูรณ์ได้รับการอบรมและมีมารยาทดีมาก อีกอย่างตระกูลสิริไพบูรณ์เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงเลื่องลือ การอบรมสั่งสอนก็คงไม่ไปไหนไกลหรอก”
แต่ตอนนี้จักรกฤษหมกมุ่นอยู่กับใบชาทั้งหมด “นี่มันเป็นชาเขียวปี้หลัวชุนชั้นยอดเลยนะ เดี๋ยวฉันขอไปชงมาสักกา ลองชิมรสหน่อย”
บนรถคันนั้น
เชอร์รีนนั่งอยู่ตำแหน่งข้างคนขับรถ สายตามองออกนอกหน้าต่าง ความคิดเตลิดไปไกล
โกหกจนผ่านไปด้วยดีแล้ว และถือว่าจัดการเรื่องนี้ได้ ทว่าในใจของเธอนั้นไม่ได้ปลอดโปร่งขึ้นมาทันที แต่กลับรู้สึกกดดันขึ้นมา
จู่ ๆ พลันมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ออกัสกดรับสาย และพูดคุยกันเพียงสั้นๆ เท่านั้น แต่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขากลับเปลี่ยนท่าทีไปเล็กน้อย
จากนั้น ก็เหยียบเบรกอย่างกะทันหัน และเปลี่ยนทิศทางพร้อมทั้งบึ่งรถไปทางด้านหน้าทันที....
เมื่อเห็นสีหน้าของเขาที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย จนเธอรู้สึกแปลกใจและสงสัยตาม “พวกเราจะไปที่ไหนกัน?”
“บ้านตระกูลสิริไพบูรณ์” เขาพูดกับเธอออกมาหนึ่งคำ
เชอร์รีนนั่งตรงตัวทันที พร้อมทั้งแสดงอาการเกร็ง “พรุ่งนี้จะไปไม่ใช่เหรอ? ฉันยังไม่ได้เตรียมของขวัญอะไรเลย”
“เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด...” ออกัสใช้ฝ่ามือนวดขมับทั้งสองข้าง ราวกับปวดหัวเล็กน้อย “ของขวัญผมให้เลขาฯจัดการไว้แล้ว”
บ้านตระกูลสิริไพบูรณ์ตั้งอยู่กลางหุบเขามรกต ต่างมีต้นไม้ใบหญ้าโอบล้อมรอบ บรรยากาศปลอดโปร่งโล่งสงบเงียบ ทัศนียภาพงดงามเกินพรรณนา
แต่คนที่สามารถพักอยู่บนเขามรกตได้นั้น ตั้งเป็นคนมหาเศรษฐีมีระดับ ไม่ใช่สถานที่ที่ปุถุชนทั่วไปจะสามารถพักอาศัยอยู่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง