อีกฝั่งหนึ่ง
หัสดินกลับถึงบ้านตระกูลภูษาธรและกำลังดูรายงานผลตรวจสุขภาพ
ชฎารัตน์หย่อนกายนั่งลงบนโซฟา ยกซุปไก่มาให้พร้อมกับเอ่ยปากว่า“หัสดิน ตระกูลภูษาธรขาดเชื้อสายสืบทอดวงศ์ตระกูลไม่ได้นะ ลูกต้องมีลูกชายให้ได้นะ”
ความหมายที่แฝงในคำพูดชัดเจนมาก คือให้หัสดินรีบมีลูกก่อนผ่าตัด
อันที่จริง หากมีลูกแต่เนิ่น ๆ โรคนี้ก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไร หลังตัดออกแล้วยังคงมีเรื่องบนเตียงได้อยู่
“อีกสองวันผมจะไปตรวจอีกครั้งครับ รอผลตรวจใหม่ออกมาแล้วค่อยว่ากันครับ”หัสดินเอ่ย
ชฎารัตน์พยักหน้าหงึกหงัก พลางคำว่าเร่งรัดว่า“หัสดิน ยิ่งเร็วยิ่งดีนะลูก อีกอย่าง แม่เชื่อถือเทคนิคการรักษาของคุณหมอไอแซ็ค ไม่มีปัญหาแน่นอน”
หัสดินยักไหล่ สื่อให้รู้ว่าตนเข้าใจแล้ว ทว่าการตรวจทั่วร่างกายก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไร
ชฎารัตน์ทอดถอนใจ บ่นพึมพำว่า“ถ้าตอนนั้นลูกในท้องยู่ยี่ไม่แท้ง ตอนนี้ก็น่าจะคลอดได้แล้ว ไม่รู้ว่าเป็นเพศชายหรือเพศหญิง”
ถือว่าท่านกับยู่ยี่เข้ากันได้ประมาณหนึ่ง ไม่มีปัญหาแม่สามีกับลูกสะใภ้ และไม่เคยเกิดเรื่องขุ่นข้องหมองใจมากนัก
เมื่อพูดถึงดอกหลอดแก้ว ชฎารัตน์ก็คัดค้าน เพราะมีความเสี่ยงสูงและมีสิทธิ์ล้มเหลว
ตอนนี้ท่านต้องการสิ่งที่มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ ปล่อยให้เกินเหตุสุดวิสัยกับเรื่องทายาทไม่ได้แม้แต่น้อย ในเมื่อยังมีลูกได้ เช่นนั้นก็ควรรีบ ๆ มี
ได้ยินดังนั้น หัสดินก็ไม่อยากนั่งต่อไป กล่าวอำลาเสร็จก็ชวนดนัยไปดื่มเหล้า
เขาเล่าเรื่องผลตรวจที่โรงพยาบาลให้ดนัยฟังด้วย อีกอย่างดนัยก็รู้สึกว่าไม่เห็นเป็นไรเลย เพราะยังมีลูกได้ ไม่มีผลกระทบเลย และยังรู้สึกว่าดีกว่าเขาเยอะ
หัสดินได้ยินก็ยิ้มแบบไร้เสียง แล้วสั่งเหล้ามาอีกสองขวด จากนั้นทั้งคู่ก็ดื่มต่อ
อันที่จริงเรื่องการมีลูก หัสดินก็มีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะมีลูกกับเขา
หากต้องมีลูกโดยเร็วที่สุด เขาจะเลือกยู่ยี่ ซึ่งไม่ได้มีผู้หญิงอื่นในสมองเลย
……
ยู่ยี่ซื้อข้าวเช้าเสร็จก็นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินไปทำงาน
งานที่เรนบีรับผิดชอบก่อนหน้าดำเนินไปกว่าครึ่งแล้ว ซึ่งคำนวณทั้งด้านโครงสร้างและน้ำหนักอะไรเรียบร้อยแล้ว
เธอไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีก จึงเท่ากับว่าแค่เฝ้าสังเกตงานก็พอ ทางกลับกัน งานจากบริษัทภูษาธรกรุ๊ปเธอกลับตั้งใจเป็นพิเศษ
เพราะถึงอย่างไรเธอก็เป็นคนออกแบบกับมือทุกด้าน คล้ายกับเป็นลูกของเธอ แล้วให้เธอวางมือตอนนี้ เธอทำใจไม่ได้
ตอนสิบโมงกว่า ซึ่งกำลังทำงานอยู่ แต่กลับไม่มีคนมาหาเธอ ไม่มีใครให้เธอเซ็นรับงาน
สิ่งที่ส่งมาแทนคือดอกไม้สีเหลืองหนึ่งช่อที่สวยงามมาก ทว่ายู่ยี่ไม่รู้จักและไม่เคยเห็นมาก่อน
“คือดอกป๊อปปี้”เพื่อนสาวคนหนึ่งรู้จัก เอ่ยปากพูดด้วยรอยยิ้ม“ดอกชนิดนี้สื่อความหมายว่า รับปากผม อย่าปฏิเสธผม ยู่ยี่ คุณหัสดินให้ใช่ไหม?”
ยู่ยี่ก็คิดว่านอจากหัสดินแล้ว คงไม่มีใครทำอะไรแผลง ๆ อีก เธอไม่ได้ตอบ แต่เม้มปาก
“แต่ดอกป๊อปปี้ออกดอกระหว่างปลายฤดูใบไม้ผลิกับต้นฤดูร้อน ถ้าอยากได้ช่วงนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ”พนักงานสาวแย้มยิ้ม
ยู่ยี่ยิ้มกลับ และคิดจะโยนดอกไม้ทิ้ง ทว่ากลับเห็นการ์ดอยู่ในช่อดอกไม้โดยบังเอิญ เธอจึงก้มหน้าหยิบมาดู
——หลังจากรู้จักคุณแล้ว ผมจึงรู้ว่าตัวเองยินดีทุ่มเททำแบบนี้……
บนการ์ดมีตัวหนังสือแบบนี้หนึ่งแถว ซึ่งตัวหนังสือสวยงามมาก ด้านล่างมุมขวาเขียนชื่อประทับว่า ฉันทัช
เธอทายผิดแล้ว หัสดินไม่ได้ส่งดอกไม้ช่อนี้ให้ แต่เป็นเขา ฉันทัช ซึ่งเขาไม่เหมือนผู้ชายที่ทำแบบนี้เป็นเลย ทว่าเขาทำแล้ว
ยู่ยี่มองดอกไม้ รู้สึกทิ้งไม่ลง จึงหาแจกันมาใส่ แล้ววางบนโต๊ะทำงานของเธอ
ตอนบ่ายผู้ช่วยโก๋มา บอกว่าคุณฉันทัชมีประชุม ให้เขามารับคุณยู่ยี่กลับบ้าน
ยู่ยี่ไม่ยอมนั่ง ให้ผู้ช่วยโก๋กลับไป ทว่าตอนที่เธอเลิกงาน ผู้ช่วยโก๋ก็ตามติดเธอด้านหลังอย่างไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียว
นาโนจะมากินข้าวเย็นด้วย เธอจึงทำโจ๊กอร่อย ๆ รอ
หลังกินเสร็จ นาโนกลับไปก็ถึงสี่ทุ่มแล้ว ยู่ยี่เล่นโยคะสักพัก เมื่อเธอปิดไฟบนห้อง รถด้านล่างคอนโดก็จากไป เธอคล้ายกับเห็นกางเกงสูทสีเงินของผู้ชายอย่างเลือนราง
วันรุ่งขึ้น พึ่งเข้าทำงานก็ได้รับช่อดอกไม้แล้ว ครั้งนี้เป็นดอกกุหลาบสีแดงชาด ทุกกลีบล้วนงามเพริศพริ้ง และผู้มอบยังคงเป็นฉันทัชเหมือนเดิม
โยนทิ้งก็เสียดาย ไม่มีทางเลือก เธอต้องหาแจกันมาใส่อีกแล้ว จากนั้นก็วางไว้ที่ทำงาน
วันที่สาม วันที่สี่ และวันที่ห้า ล้วนมีดอกไม้สีแดงมาส่งทุกวัน และผู้ช่วยโก๋ก็มีส่งอาหารเช้า อาหารกลางวัน อาหารเย็นไม่เคยขาด……
ห้องทำงานกลายเป็นร้านดอกไม้เพราะยู่ยี่ สีสันสดใส เธอคิดว่าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว เธอต้องไปคุยกับเขาหน่อยแล้ว
เมื่อหาหมายเลขที่เรียงกันเป็นแถวเจอ ยู่ยี่ก็กัดริมฝีปากพลันถอนหายใจ จากนั้นก็โทรออกไป
เขาพูดจาอ่อนโยน ซาบซึ้งกินใจมาก เธอกลัวตัวเองจะควบคุมไม่อยู่ แล้วยกธงขาวยอมแพ้ เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย
เธอเคยมีประสบการณ์แต่งงานกับหัสดิน ดังนั้นเธอจึงหวาดกลัวผู้ชายและผู้ชายที่มีฐานะร่ำรวย
ความเจ็บปวดแบบนั้น ความผิดพลาดแบบนั้น เธอไม่อยากประสบพบเจอเป็นครั้งที่สอง และรับไม่ไหวด้วย
เธอจากไป ฉันทัชก็เอาบุหรี่ไปสูบที่หน้าต่าง ควันบุหรี่ลอยอบอวลจนเขาต้องหรี่ตาขึ้นอย่างมีเสน่ห์
ยู่ยี่กลับถึงห้องก็อาบน้ำ เมื่อเตรียมเข้านอนก็ได้ยินเสียงกริ่งประตู
ดึกขนาดนี้แล้ว ใครมา?
เธอเดินไปเปิดประตูด้วยความสงสัย ทว่ากลับต้องประหลาดใจเมื่อเห็นผู้ช่วยโก๋ประคองฉันทัชที่กำลังเมามาย
ใบหน้าผู้ช่วยแดงไปหมด เห็นทีคงจะไม่ไหวแล้ว เขารีบก้าวไปด้านหน้าสองก้าว “คืนนี้รบกวนคุณยู่ยี่ดูแลคุณฉันทัชของพวกเราแล้วนะครับ”
ระหว่างที่พูดก็ส่งฉันทัชให้ยู่ยี่ แล้วเขาก็รีบเผ่นหนี ไม่ว่ายู่ยี่จะรีบเท่าไหร่ เขาก็ไม่หันหลังกลับมามอง
ฉันทัชเมาแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้ทำตัวแย่ ๆ ผู้ช่วยโก๋พาเขามาให้ยู่ยี่ เขาก็แค่หรี่ตา แล้วเอาคางอันเซ็กซี่กดที่ไหล่เธอ
เขาตัวหนักมาก ยู่ยี่รู้สึกได้ เธอไม่มีทางเลือก ได้แต่พาเขาเข้าห้อง ทว่าเขาไม่ขยับ เอาคางซบบนไหล่แล้วก็ยืนอยู่อย่างนั้น
“เชื่อฟังสิ……”เธอลองตบไหล่กว้างของเขาเบา ๆ
สุดท้ายเขาก็เชื่อฟังจริง ๆ และเงียบมากด้วย เธอถอยหลังหนึ่งก้าว เขาก็ก้าวเข้ามาหนึ่งก้าว เดินจนเข้าไปถึงในห้องคอนโด
ผู้ชายอายุสามสิบสี่ปี ความเป็นผู้ใหญ่ของเขา ประสบการณ์อันโชติช่วงของเขา ยู่ยี่ไม่อาจจินตนาการได้เลย
ทว่าตอนเมากลับเชื่อฟังขนาดนี้ ไม่เหมือนผู้ชายหลังเมาที่มีอาการแตกต่างกัน บ้างก็โวยวาย บ้างก็ทำตัวไม่ดี
ผู้ชายที่มีความเป็นผู้ชาย อายุสามสิบสี่ปี ตอนนี้กลับเชื่อฟังราวกับเด็กชายสามขวบ ยู่ยี่จ้องใบหน้าที่น่าหลงใหลของเขา
เหมือนเขาจะหลับลึกแล้ว เธอช่วยเขาถอดเสื้อสูทตัวนอกออกอย่างเบามือ
ผ่านไปสักพัก ร่างกายเขาเหลือเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาว เมื่อเขาใส่แล้วเสื้อเชิ้ตก็ดูดียิ่งขึ้น
ยู่ยี่เริ่มช่วยเขาปลดกระดุมเสื้อออก แต่พึงปลดกระดุมได้หนึ่งเม็ด ด้วยความหนักของเขาทำให้เธอรับไม่ไหว ล้มไปนอนกับพื้น ซึ่งเธอล้มนอนอยู่ที่เอวของเขา
หน้าอกของเขามีกล้ามเนื้อมาก ใบหน้าเธอแนบชิดเสื้อเชิ้ตของเขา พลางรู้สึกความแข็งแกร่งของหน้าอกแกร่ง เสื้อเชิ้ตของผู้ชายสะอาดจ้าและยังได้กลิ่นหอม ๆ อีกด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง