คุณคือของขวัญจากฟ้า นิยาย บท 94

เรื่องบางเรื่อง แม้ว่าจะลงมือทำแล้วก็ยังต้องพากเพียรทำต่อไป

ไม่ว่าทางตระกูลธนัตถ์โชติจะเป็นคนหาเรื่องก่อนก็ดี หรือว่าเธออยากต่อสู้กลับโดยไม่สนถึงศักยภาพของตนเองก็ตาม ซึ่งเธอก็ไม่มีโอกาสได้ถอยหลังกลับแล้ว

สิ่งเดียวที่น่าเป็นห่วงก็คือ บุพการีที่คอยชุบเลี้ยงเธอมา

วายุไม่เข้าใจความคิดของมณิกา เพราะสำหรับเขาแล้ว เธอยังมีประโยชน์ต่อตระกูลธนัตถ์โชติตรงที่เธอสามารถบริจาคไขกระดูกให้กับชิริวได้

"ผมไม่ปล่อยให้คุณตายหรอก"

หลังจากที่ชายหนุ่มเงียบงันอยู่นานจึงตอบกลับมาประโยคหนึ่งอย่างกะทันหัน

เมื่อได้ยินคำพูดของเขาเช่นนี้ มณิกาตะลึงไปชั่วครู่ พร้อมอดยิ้มไม่ไหว "คุณช่างแสนดีกับคุณย่าจริงๆ เลย"

เป็นหลานที่กตัญญูรู้คุณจริงๆ อาจเป็นเพราะว่าเธอสามารถเอาใจนายหญิงเนตรให้มีความสุข เขาก็คงรักษาชีวิตเธอไม่ปล่อยให้เธอตาย

แม้ว่านายหญิงเนตรจะอายุมากก็ตาม รอจนวันที่เธออายุครบร้อยปีก็ยังเหลือเวลาอีกนานมาก ในระยะเวลาเหล่านี้ เธอสามารถทำเรื่องต่างๆ ได้อีกมากมาย

ในเต็นท์หลังนั้น ทั้งสองคนต่างดำดิ่งสู่ความเงียบงัน

เพราะว่าอยู่บนยอดเขา แม้ว่าจะสามารถหลบลมได้ แต่ก็สามารถได้ยินเสียงลมพัดกระพือด้านนอกได้อย่างดี ลมพัดจนเต็นท์เขย่าอยู่ตลอดเวลา

ไม่มีอะไรที่สามารถทำฆ่าเวลาได้เลย จนมณิการู้สึกเบื่อมาก ได้แต่พลิกตัวไปมาอยู่ในเต็นท์เพราะอาการนอนไม่หลับ

ภายในเต็นท์ก็ไม่ได้กว้างมากนัก ทุกการกระทำของเธอแม้จะเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่วายุก็สามารถรับรู้ได้ทั้งหมด

"นอนไม่หลับเหรอ?"

ท่ามกลางความมืดมน พลันมีเสียงแหบพร่าอย่างอบอุ่นของชายหนุ่มดังขึ้น

"ค่ะ"

มณิกานอนไม่หลับจริงๆ

ตั้งแต่สองทุ่มพลิกไปพลิกมาจนตอนนี้สี่ทุ่มเข้าไปแล้ว อีกเดี๋ยวก็จะเที่ยงคืน กว่าจะผ่านไปทุกนาทีทุกวินาทีมันช่างยากลำบากจริง

"เมื่อก่อนคุณก็นอนตอนตีสี่ตีห้าใช่ไหม?"

วายุเห็นว่าเธอนอนไม่หลับ เลยหาเรื่องมาคุยกับเธอ

การได้อยู่ในระยะประชิดกับเธอ ในพื้นที่แคบๆ จนเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมที่อยู่บนตัวเธอ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 'การนอนร่วมเรียงเคียงหมอน' จนเส้นผมของเธอมันสะบัดโดนใบหน้าของเขาอยู่ตลอด พลันมีกลิ่นแชมพูอ่อนๆ ส่งกลิ่นมาจากเส้นผม มันช่างหอมรัญจวนใจเหลือเกิน

"ไม่ใช่นะ ปกตินอนช่วงเที่ยงคืนนั่นแหละ ตื่นตอนเจ็ดโมงเช้า" เธอพูดถึงรายละเอียดของก่อนหน้านี้ พร้อมทั้งพูดแยกแยะออกมาเป็นฉากๆ ให้เสร็จสรรพ "ก่อนหน้านี้จะไปส่งDeliveryทุกวัน มันโคตรเหนื่อยเลยแหละ"

เธอเองก็ไม่รู้ว่าช่วงนี้มันเกิดอะไรขึ้น ขนาดตัวเธอเองยังรู้ตัวว่าทุกวันนี้มีอาการนอนไม่พอ

มณิกานอนเอนหลัง จากนั้นจึงพลิกตัวนอนตะแคง แต่ชอบเอาขาไปทับสิ่งของตามความเคยชิน จึงเกี่ยวขานอนทับร่างกายวายุ อย่างไม่ทันระวังเนื้อระวังตัว

วินาทีนั้น มุมปากกระตุก พร้อมทั้งหดขากลับทันที "เหอะๆ ไม่ทันระวังค่ะ"

นี่เธอต้องบ้าไปแล้วจริงๆ

เต็นท์หลังนี้ก็ไม่ใหญ่เลย การที่ต้องมานอนสองคน มันช่างไม่เป็นตัวของตัวเองเลยสักนิด

"คุณนอนไปก่อนเลย ผมขอออกไปสูบบุหรี่ก่อน"

วายุลุกขึ้น พลันรูดซิป และเดินออกไป

มณิกานอนกางแขนกางขา พร้อมทั้งกลิ้งตัวอยู่ในเต็นท์วนไปรอบหนึ่ง เพื่อเป็นผ่อนคลายเนื้อตัว จึงรู้สึกสบายขึ้นตั้งเยอะ

แต่การพลิกไปพลิกมามันก็ยังไม่ง่วง ด้วยอาการเบื่อหน่ายเต็มทน เธอจึงเปิดเต็นท์และเดินออกมา

ด้านนอกลมแรงมาก แต่อากาศก็เย็นมากเช่นเดียวกัน กระทั่งมีลมเย็นๆ ตีหน้าเข้ามาเล็กน้อย

อากาศเช่นนี้ ไม่มียุง แม้กระทั่งยุงยังถูกลมพัดไป

เมื่อเห็นว่าวายุนั่งอยู่บนก้อนหินก้อนหนึ่ง ในมือคีบบุหรี่ที่กำลังส่งแสงริบหรี่

มณิกาเดินเข้าไปหา และนั่งอยู่ด้านข้างของเขา พลันแหงนหน้ามองดวงดาว "ช่วงฤดูร้อนตอนเด็ก เวลาไม่มีไฟฟ้า ฉันก็นั่งอยู่ข้างๆ แม่ แม่ฉันก็นั่งพัดให้ฉัน แล้วฉันก็เริ่มนับดาว แต่ตอนเด็กดาวมันสว่างมากเลย แถมยังสวยมาก ราวกับดาราจักรนับหมื่นเป็นพัน"

พูดไป พูดมา หัวใจของมณิกาก็เริ่มตื่นเต้น "วายุ ตอนคุณเป็นเด็กได้ปีนต้นไม้ไหม?"

"ไม่นะ"

ปากของชายหนุ่มคีบบุหรี่อยู่ พลันส่ายหน้าปฏิเสธ

"บนเขาก่อไฟไม่ได้ ผมเลยลงไปต้มโจ๊กที่ตีนเขามา"

เพราะบนยอดเขาลมแรงมาก การต้มโจ๊กมันจะทำให้เกิดไฟป่าได้ เขาจึงลงไปต้มโจ๊กที่ตีนเขาตั้งแต่เช้าตรู่ พอทำธุระเสร็จจึงเอาน้ำขึ้นมาดับไฟให้เรียบร้อย และค่อยขึ้นเขามา

มณิกาอิจฉาจนน้ำลายไหล พร้อมทั้งทำตามองโจ๊กหอมกรุ่นชามนั้นตาละห้อย "เอ่อ... พี่ชาย ฉันขอกินได้ไหมคะ?"

สอดคล้องกับพฤติกรรมในสไตล์ของเธอทุกอย่าง

พอมีเรื่องขอร้องวิงวอน ก็จะเรียกว่า 'พี่ชาย' อย่างสนิทสนมทันที

"ทำตัวดีๆ หน่อย แล้วค่อยว่ากัน"

วายุมองเธอ และพูดอย่างแผ่วเบา

มณิกาพยักหน้าหงึกหงักราวกับไก่จิก "ได้ค่ะ เรื่องนี้ง่ายมากค่ะ มาค่ะ พี่ชาย พี่ชายเหนื่อยแย่แล้ว เดี๋ยวฉันจะนวดหลังให้นะคะ"

เธอดึงเขาไปนั่งลงบนก้อนหินขนาดใหญ่ที่เมื่อคืนพวกเขาสองคนนั่งดูดาวอยู่ด้วยกัน และเดินไปทางด้านหลังและนวดไหล่ให้เขาอย่างประจบสอพลอ แถมยังพูดอย่างประจบประแจง "คุณวา...พี่ชาย คุณเก่งที่สุดเลย กระเป๋าเป้มีของสารพัดนึกเหมือนของโดราเอ่ม่อนเลย คุณมีของทุกอย่างได้ไงเนี่ย"

เมื่อวานนี้วายุสะพายกระเป๋าเป้สีดำอยู่ใบเดียว แต่ตลอดทางขึ้นเขา ดูเดินเหินราวกับบินมา มณิกายังคิดว่าเขาไม่ได้เอาของอะไรใส่มาเลยด้วยซ้ำ

แต่ผลลัพธ์คือมีหมดทุกอย่าง

แม้ว่าเธอจะประจบประแจงก็ตาม แต่วายุก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง

พลันหยิบช้อนออกมาจากกระเป๋าชุดกีฬาให้เธอหนึ่งคัน "กินข้าวกัน"

"อ้อ ได้เลยค่ะ"

มณิการับช้อนไป และนั่งรถด้านข้างเขา พลางยื่นมือออกไปตักโจ๊ก

แต่มือยังไม่ทันได้แต่โจ๊กกุ้งมังกร กลับถูกวายุใช้ฝ่ามือตีหลังมือหนึ่งที "แปรงฟันหรือยังเนี่ย?"

"โอ๊ย ก็อยู่บนเขาน้ำก็ไม่มี จะแปรงได้ยังไง? หรือว่าต้องลงเขาไปแปรงฟันก่อนเหรอ และค่อยขึ้นเขามากินข้าวเหรอไงกัน?"

ถ้าต้องเปลืองพลังงานขนาดนั้นจริงๆ เธอยินยอมที่จะไม่กิน

"ในกระเป๋าของผมมีน้ำและแปรงสีฟันใช้แล้วทิ้งอยู่"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณคือของขวัญจากฟ้า