บทที่139 อวดรวยแบบไร้มนุษยธรรม
คุณชายจาง ตกลงไอ้นี่เป็นใคร?ทำไมดูท่าแล้วเหมือนคุณก็เอาเขาไม่อยู่ล่ะ?
เมื่อเห็นว่าจางดาวเรนก็ง้อต่อลู่เฉินด้วย กลุ่มคนพวกวังเปาก็ต่างพิมพำอยู่ในใจ ยิ่งรู้สึกสังสัยเกี่ยวกับฐานะของลู่เฉินมากขึ้น
จางดาวเรนเป็นตั้งคนชายใหญ่ของตระกูลจาง แล้วตระกูลจางก็เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลมหาอำนาจแห่งเมืองหยูโจวด้วย
ส่วนชูเฉียวจื่อก็ยิ่งสับสนมากขึ้น ได้ยินมาว่าเขาเป็นแค่เจ้าของซูเปอร์มาร์เก็ตไม่ใช่หรือ?จางดาวเรนยังเตรียมจะไปก่อเรื่องที่ซูเปอร์มาร์เก็ตของเขาไม่ใช่หรือ?
"อยากเป็นเพื่อนกับฉันหรอ คุณว่าคุณมีสิทธิ์หรือ?"ลู่เฉินมองไปดูจางดาวเรนอย่างเยาะเย้ย จากนั้นตาก็สว่างขึ้นมา"แต่คุณรวยขนาดนี้ ฉันก็ควรที่จะไว้หน้าคุณสักหน่อยใช่ไหมล่ะ?อย่างนี้ละกัน ตอนนี้ฉันเอา50ล้านเป็นค่าชดใช้ความเสียหายทางจิตใจ คุณโอนมาให้ฉันเดี๋ยวนี้ ฉันก็จะเป็นเพื่อนกับคุณ"
"พี่ลู่ คุณอย่าล้อเล่นเถอะ เฮอเฮอ"จางดาวเรนหัวเราะแบบขอไปที แต่ในใจกลับด่าขึ้นมา ไอ้เหี้ยเอ้ย เอาตั้งห้าสิบล้านเป็นค่าชดใช้ความเสียหายทางจิตใจ?แต่กูจ่ายแค่สิบล้าน ก็จะสามารถซื้อชีวิตของแกได้นะเว้ย
"ยังไง ห้าสิบล้านเยอะไปหรือ?คุณก็ต้องรู้อยู่แก่ใจ เพียงดูจากวันนั้นที่เซ่ซูเจี๋ยและคนใหญ่คนโตคนอื่นๆล้วนมาขอชนแก้วกับฉัน ก็ต้องรู้ว่าค่าตัวของฉันอย่างน้อยก็มีมูลค่าห้าร้อยล้าน ตอนนี้คุณอยากจะเป็นเพื่อนกับฉัน ยังต้องชดใช้ค่าความเสียหายทางจิตใจให้ฉันอีก ห้าสิบล้านไม่เยอะจริงๆ"ลู่เฉินพูดอย่างจริงจัง
เซ่ซูเจี๋ยยังต้องขอชนแก้วกับเขาหรือ?
แม่ง เรื่องจริงหรือเปล่า?
ฐานะของไอ้นี่สุดยอดขนาดนี้หรือ?
คนพวกวังเปาได้ยินแบบนี้ หัวใจล้วนเต้นเร็วขึ้นทันที ถ้าสิ่งที่ไอ้นี่พูดนั้นเป็นความจริง นั้นวันนี้พวกเขาถือว่าไปแหย่รังแตนแล้ว
"พี่ลู่ เรื่องเงินไม่เป็นปัญหาหรอก แถมฐานะอย่างคุณ ก็ไม่ขาดแคลนเงินแค่นั้นหรอกใช่ไหม"จางดาวเรนทนความโกรธลงไป และยิ้มอย่างขมขื่น
"ไม่ ไม่ ไม่ คุณยังไม่รู้นิสัยที่แท้จริงของฉัน ฉันก็เป็นแค่คนปกติธรรมดา ไม่ชอบสาวสวย ชอบแต่เงิน อย่างนี้ละกัน ดูจากท่าทีที่จริงใจแบบนี้ของคุณ ฉันลดให้คุณหน่อยนึง ให้มา49.99 ล้านก็พอ เราล้วนเป็นคนมีชื่อมีเสียง ลดไม่ได้อีกนะ"ลู่เฉินส่ายมือ ทำตัวเหมือนรักเงินเท่ากับรักชีวิต
ตามจริงเขาก็แค่อยากจะรีดไถเงินก้อนหนึ่งของจางดาวเรน
คืนนั้นจางดาวเรนคิดจะไปก่อเรื่องที่ซูเปอร์มาร์เก็ตของเขาไม่ใช่หรือ แถมหลังจากผ่านเรื่องนี้ไปแล้ว เขารู้สึกว่าจางดาวเรนยิ่งอดไม่ได้ที่จะไปหาเรื่องซูเปอร์มาร์เก็ต
ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว นั้นก็รีดไถเงินก้อนหนึ่งของเขาก่อนละกัน รอจนเขาไปหาเรื่องจริงๆ ค่อยรีดไถเงินอีกครั้ง หรือหาเรื่องใส่ตระกูลจางของเขาหน่อยก็ได้ เพื่อจะดูว่าทีหลังเขายังกล้าไปหาเรื่องที่ซูเปอร์มาร์เก็ตอีกไหม
พอคำพูดของลู่เฉินพูดออกมา คนพวกจางดาวเรนล้วนงงกันใหญ่เลย
แค่ลดให้บาทเดียว?
ลบหลู่ดูหมิ่น!
นี่เป็นการลบหลู่ดูหมิ่นอย่างเห็นได้ชัด!
ในใจของจางดาวเรนอึดอัดมาก อึดอัดจนเกือบจะอาเจียนเป็นเลือดออกมา
แต่เขายังไม่กล้าสู้กับเขาต่อหน้า
ห้าสิบล้านไม่ใช่เงินน้อยๆ แม้ว่าเขาเป็นทายาทของตระกูลจาง แต่เป็นแค่หนึ่งในนั้น ตระกูลจางมีลูกหลานมากมาย พี่น้องของเขาหลายคนนั้นล้วนเป็นคนมีเล่ห์เหลี่ยม แม้ว่าเขาก็ได้ควบคุมธุรกิจส่วนหนึ่งของตระกูล แต่วงเงินในบัญชีที่เขาสามารถเบิกได้ในครั้งเดียวนั้นไม่เกิน 20 ล้าน
ให้เขาเอาสิบล้านมายังไม่ใช่ปัญหา เพราะเขากัดฟันไว้ยังเอาออกมาได้
ห้าสิบล้าน?
นอกจากคุณพ่อของเขายอมให้ ไม่นั้นก็ต้องไปขอยืมเงินคนอื่นแล้ว
สิ่งสำคัญที่สุดคือ พอเห็นว่าเขาเกิดเรื่องขึ้นมา พี่น้องหลายคนนั้นของเขาล้วนยินดีได้เห็น ใครยังจะไปยืมเงินให้เขาล่ะ?
"พี่ลู่ คุณนี่รังแกฉันมากเกินไปแล้วนะ"แม้ว่าจางดาวเรนได้รับความลบหลู่ดูหมิ่นอย่างมาก แต่เขาก็ยังคงพยายามระงับความโกรธในใจลงไป
"ช่างเถอะ ในเมื่อคุณไม่อยากเป็นเพื่อนกับฉันนั้นฉันก็ไม่บังคับคุณ"รอยยิ้มของลู่เฉินยังคงไม่เปลี่ยน
จางดาวเรนโล่งใจลงมาได้ เพิ่งคิดจะพูดประจบเอาใจเขาสักหน่อย ก็เห็นว่าลู่เฉินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรออกไป
"เหลาเสี่ยว ทำอะไรอยู่?"แน่นอนว่าลู่เฉินได้โทรไปให้ผู้อำนวยการสถานีตำรวจเสี่ยวซัวจุน
"เอ๊ะ เป็นคุณลู่หรอครับ ฉันเพิ่งลงมากินข้าว คุณกินหรือยัง ถ้ายังไม่ได้กินก็มาที่ร้านอาหารของสถานีตำรวจ ฉันจะเลี้ยงข้าวคุณ"เสี่ยวซัวจุนยิ้มแล้วพูด
"โอเค รอวันอื่นว่างๆเดี๋ยวไปหา แต่ฉันมีเรื่องจะปรึกษากับผู้อำนวยการเสี่ยว สามารถรบกวนเวลาคุณฟังสักหลายนาทีไหม?"ลู่เฉินยิ้มแล้วพูด
บริจาคเงินห้าสิบล้านให้สถานีตำรวจ นั้นผลกระทบจะเป็นเช่นไหนไม่ต้องคิดก็รู้ คนเลวร้ายในปากของลู่เฉินได้หมายถึงลูกน้องพวกนี้ของเขา
สิ่งที่โหดเหี้ยมกว่าก็คือ ไอ้นี่ยังได้พูดชื่อบาธของตัวเองออกมาต่อหน้าต่อตา
เขาจะทำให้ที่นี่ต้องถูกสั่งปิดใช่ไหม
สำหรับสถานีตำรวจ คนอย่างลู่เฉินที่บริจาคเงินห้าสิบล้านสำคัญกว่า หรือเป็นคนเลวร้ายอย่างพวกเขาสำคัญกว่า ไม่ต้องคิดก็รู้
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ในเมื่อที่ลู่เฉินได้โทรสายนี้ออกไป นั้นแม้ว่าเสี่ยวซัวจุนคิดจะช่วยตระกูลจางของเขาก็คงไม่กล้าช่วย
คืนวันนั้น ทุกคนล้วนเห็นกับตาว่า เซ่ซูเจี๋ยไม่เพียวแค่ได้ชนแก้วกับเขา ยังถือเป็นพี่น้องกันอีก มันต้องเป็นความสัมพันธ์ที่ดีเลิศแค่ไหน คนใหญ่คนโตอย่างเซ่ซูเจี๋ยถึงจะถือพี่ถือน้องกันกับเขา?
ชูเฉียวจื่อเบิกตากว้าง และเอื้อมมือไปปิดปากไว้แสดงความเหลือเชื่อ ก่อนหน้านี้ที่ลู่เฉินให้จางดาวเรนต้องจ่าย50ล้านเป็นค่าชดใช้ความเสียหายทางจิตใจของเขา ตอนนั้นเขาก็รู้สึกมหัศจรรย์แล้ว
ตอนนี้เขายังได้บริจาคเงิน50ล้านโดยตรง เพื่อที่จะทำให้Bathsของจางดาวเรนต้องต้องถูกทางตำรวจสั่งปิด
นี่ไม่เพียงแค่รวย ยังบ้าคลั่งอีกด้วย
เขาพบว่าตัวเองเริ่มกลัวแล้ว
ตกลงฐานะของไอ้นี่เป็นอะไรกันแน่ ทำไมก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าเมืองหยูโจวยังมีคนสุดยอดเช่นนี้ล่ะ?
ขณะที่ผู้คนฝั่งนี้กำลังตกตะลึงกันอยู่ เสี่ยวซัวจุนก็ได้ตัดสินใจแล้ว
เรื่องนี้เขามีแต่ต้องทำตามใจของลู่เฉิน มิฉะนั้นก็จะทำให้ลู่เฉินขุ่นเคือง ถ้าเขาฟ้องไปที่เซ่ซูเจี๋ยโดยตรง นั้นก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ
"คุณลู่ครับ คุณไม่ต้องห่วงครับ เรื่องแบบนี้พวกเราจะลงโทษหนักแน่ๆ ตอนนี้ก็จะออกเวรทันทีเลยครับ ส่วนเรื่องการบริจาค ถ้าหากคุณจะบริจาคจริงๆ นั้นเดี่ยวฉันจะสั่งฝ่ายการเงินส่งบัญชีไปให้คุณครับ"หลังจากพิจารณาผลกระทบเสร็จ เสี่ยวซันจุนก็พูดอย่างเด็ดขาด
เนื่องจากทั้งห้องโถงเงียบสงบมาก ดังนั้นจางดาวเรนที่อยู่ใกล้ลู่เฉินที่สุดก็ได้ยินคำพูดของเสี่ยวซันจุนอย่างชัดเจน
เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวซันจุน จางดาวเรนเกือบจะสลบไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณพ่อสายเปย์