หลังจากที่คนป่วยทานยาเข้าไปประมาณหนึ่งเค่อก็กระอักเลือดสีดำออกมาหลายคำ เย่วซินรีบเข้าไปดูอาการทันทีอย่างไม่นึกรังเกียจ
“คุณหนูระวังนะขอรับนายท่านอาจจะอาละวาดทำร้ายคุณหนูเอาได้ ให้ข้าน้อยทำเองดีกว่า” ซานจิ่นเห็นร่างบางรุดเข้าช่วยคนป่วยอย่างไม่เกรงกลัว จนซานจิ่นอดที่จะกังวลไม่ได้จึงต้องเอ่ยเตือนและอาสาทำเอง
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ท่านลุงถูกมัดมือเอาไว้คงทำร้ายข้าไม่ได้” เย่วซินเอ่ยพร้อมกับใช้มือเล็กเรียวลูบแผ่นหลังคนป่วยอย่างแผ่วเบาและห่วงใย เมื่อกระอักเลือดออกมาแล้วเย่วซินเห็นว่าคนป่วยปรือตาขึ้นมาเล็กน้อยแล้วก็หลับใหลไปอีกครั้ง เขาคงอ่อนเพลียมาก
เย่วซินหยิบผ้ามาชุบน้ำแล้วเช็ดคราบเลือดที่ติดบริเวณใบหน้าของคนป่วยอย่างเบามือและอ่อนโยนจนสะอาดเอี่ยม และส่งให้ท่านซานจิ่นจัดการเช็ดตัวและเปลี่ยนอาภรณ์ชุดใหม่ให้คนป่วยต่อ เย่วซินและเย่วฉีเดินมายังห้องข้างๆที่เป็นห้องไว้สำหรับต้อนรับแขกโดยมีคนนำน้ำชาและของว่างเตรียมเอาไว้ให้เรียบร้อย
“อาฉีท่านมียาสมุนไพรบำรุงร่างกายติดมาบ้างหรือไม่” เย่วซินเอ่ยถามพี่ชายเมื่อนั่งลงและดื่มน้ำชาดับกระหายเรียบร้อย
“มีสิ พี่เป็นหมอนะ”
“ท่านลุงร่างกายซูบผอมไร้เรี่ยวแรงท่านช่วยจัดยาให้เขาหน่อย ร่างกายเขาดูแล้วจะขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายมานาน” เย่วซินเอ่ย
เย่วฉีรีบหยิบล่วมยาออกมาจากแหวนจัดเก็บของตน แล้วรีบเตรียมยาสมุนไพรชั้นดีหลายตัวจัดใส่ห่อแล้วส่งให้คนของพรรคอินทรีย์ที่ยืนอยู่ด้านข้างทันที
“ท่านช่วยนำยาห่อนี้ไปต้มให้คนป่วยทานเช้าเย็น ยาหนึ่งห่อต้มทานได้สองวัน” เย่วฉีจัดยาไว้ทั้งหมดสามห่อแล้วส่งให้บุรุษที่ยืนอยู่ด้านข้าง
เกาซูหลางรับห่อยามาจากท่านหมอด้วยความยินดี ซานจิ่นเล่าให้เขาฟังว่าท่านหมอทั้งสองคนเก่งกาจมากต้องช่วยรักษาอดีตองค์รัชทายาทได้อย่างแน่นอน
“ขอบพระคุณขอรับท่านหมอ เอ่อ..แล้วเรื่องค่ารักษาท่านหมอจะคิดเท่าไรหรือขอรับ” เกาซูหลางเอ่ยถาม เขายืนดูท่านหมอทั้งสองอยู่หน้าห้องคนป่วยพอได้ทราบว่ายาที่ท่านหมอใช้นั้นคงมีราคาแพงไม่น้อย ตอนนี้เขาเองก็ไม่รู้ว่าทั้งเนื้อทั้งตัวจะพอกับค่ารักษาหรือไม่
“ท่านอย่าได้กังวล ท่านประมุขจ้าวให้ค่าตอบแทนข้ามาเยอะเรื่องแค่นี้เล็กน้อย” เย่วซินเอ่ยบอกชายหนุ่มตรงหน้าที่ดูมีสีหน้ากังวล
“มิได้ขอรับ นายท่านที่นอนป่วยและตัวของข้ามิได้เป็นคนของพรรคอินทรีย์ มิอาจรบกวนท่านประมุขจ้าวมากไปกว่านี้ขอรับ” เกาซูหลางเอ่ย ท่านประมุขจ้าวให้ความเหลือจนหนีรอดออกมาได้ ให้ที่หลบซ่อนตัวและยังให้หมอของพรรคเข้ามาตรวจรักษาอีกแค่นี้ก็นับว่ามากมายนัก
“อาหลาง..” เสียงของซานจิ่นเอ่ยเรียก เขารู้ว่าอาหลางกังวลเรื่องใดใครจะให้เขารับผิดชอบเรื่องนี้คนเดียวกันซานจิ่นเอ่ยบอกต่อ “เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวลข้าเองต้องช่วยเต็มที่อยู่แล้ว”
เกาซูหลางพยักหน้ารับรู้แล้วหันไปมองท่านหมอที่ยืนอยู่ตรงหน้า “ว่าอย่างไรขอรับท่านหมอ”
เย่วซินเองเดิมทีก็ไม่อยากเรียกร้องเอาสิ่งใดอีกก็อย่างที่บอกนางได้มาจากท่านประมุขมากมายนัก แต่ในเมื่อพวกเขาบอกว่าไม่ใช่คนของพรรคอินทรีย์เธอคงต้องเรียกเก็บค่ารักษาเสียหน่อยแล้ว เมื่อคิดได้เช่นนั้นจึงเอ่ยออกไป
“ข้าไม่เก็บค่ารักษาเป็นเงิน แต่ข้าเก็บค่ารักษาเป็นความไว้ใจเชื่อใจต่อกัน พวกท่านพอจะบอกข้าได้หรือไม่ว่าท่านลุงเป็นใครและโดนใครทำร้ายมาถึงได้สาหัสเช่นนี้” นี่แหละคือค่ารักษาของนางถ้าเรียกให้ดูดีหน่อยอ่ะนะ ถ้าเป็นเมื่อชาติที่แล้วเขาเรียกว่าอยากรู้อยากเห็นเรื่องของชาวบ้านหรือชอบเผือกนั่นเอง
“ไม่เป็นไรข้าเต็มใจ ตอนนี้ต้องรอให้เขาฟื้นขึ้นมาก่อนและดูว่าอาการของเขาเป็นเช่นไรบ้างค่อยว่ากันอีกที แต่ไม่รู้ว่าเขาจะฟื้นเมื่อไรข้าและพี่ชายอาจอยู่นานไม่ได้” เย่วซินเอ่ย ถ้าไม่ติดว่าต้องเข้าวังร่วมงานเลี่ยงบ้าบอนั่นนางจะขอพักอยู่ที่นี่เสียเลย การเดินทางก็ลำบากนางน่ะไม่ลำบากหรอกอาฉีต่างหาก
“วันนี้ก็เย็นมากแล้ว ท่านทั้งสองพักกันที่นี่สักคืนเถอะขอรับข้าน้อยเตรียมที่พักเอาไว้ให้แล้ว” ซานจิ่นเอ่ย เขารู้ว่าท่านหมอเย่วฉีนั้นเหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างมากจากการเดินทาง จะให้เดินทางกลับเลยคงไม่เป็นการดีแน่
“อาฉีท่านว่าอย่างไรข้าตามใจท่าน เพราะข้าไม่เดือดร้อนอะไรอยู่แล้ว” เย่วซินโยนเผือกร้อนให้พี่ชายอย่างสบายอารมณ์ งานนี้ไม่เกี่ยวกับเธอโดยแท้ทรู
“เจ้านี่นะ เอาตัวรอดทิ้งพี่เห็นๆ” เย่วฉีกัดฟันเอ่ยอย่างเข่นเขี้ยว เขาเองรู้ตัวว่าใช้พลังไปมากในการเดินทางถ้าจะให้กลับตอนนี้คงไม่ไหว นั่นยังไม่เท่ากับว่าเขาต้องหาข้ออ้างดีๆที่เหมาะสมไปรายงานท่านปู่เมื่อกลับไปถึงอีก ก่อนออกมาเขาเพียงสั่งคนที่โรงหมอให้ไปบอกคนที่จวนว่าเขาและน้องสาวต้องเดินทางไปรักษาคนป่วยเร่งด่วนที่นอกเมืองอาจไม่กลับจวนคืนนี้เพียงเท่านั้น ถ้ากลับจวนไปแล้วหาข้ออ้างไม่ดีพอเขาอาจจะโดนสั่งกักบริเวณเป็นแน่
เย่วซินไหวไหล่อย่างไม่ทุกข์ร้อนงานนี้พี่ชายรับเคราะห์แทนบ้างก็แล้วกันนะ นางเพิ่งพ้นโทษออกมาจะให้โดนอีกตอนนี้มันรับไม่ไหวจริงๆขอโทษแล้วกันนะอาฉี เย่วซินคิดในใจ สรุปแล้วอาฉีตัดสินใจค้างที่นี่หนึ่งคืนและจะออกเดินทางกลับในช่วงเที่ยงของวันพรุ่งนี้
ซานจิ่นเตรียมเรือนพักเอาไว้ให้เรียบร้อย เพราะได้รับอนุญาตจากท่านประมุขไว้ก่อนแล้ว เรือนพักนั้นอยู่ไม่ไกลจากเรือนของคนป่วยจึงสะดวกในการเดินเข้าออกเพื่อดูแล ซานจิ่นเข้าไปรายงานท่านประมุขของตนถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นวันนี้ และท่านประมุขยังให้ตนมาเชิญท่านหมอเย่วฉีและน้องสาวมาร่วมโต๊ะอาหารเย็นด้วยกัน
“อะไรนะท่านประมุขเชิญไปร่วมโต๊ะอาหารเย็นหรือ?” เย่วฉีเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ และมองไปที่น้องสาว ท่านประมุขไม่ชมชอบสายตาของสตรีที่มองเขาด้วยความหลงใหลในความหล่อเหลา แล้วน้องสาวของตนจะไม่เป็นอะไรแน่หรือนางยิ่งชมชอบคนหล่อเสียด้วยสิ
“ขอรับ” ซานจิ่นเอ่ย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน
รอนะคะ อัพต่อหน่อยค่า...