ภายในห้องนอนของคนป่วย ร่างซูบผอมของชายวัยกลางคนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้าๆพลางกวาดสายตามองไปโดยรอบอย่างหวาดหวั่น แววตาสั่นระริกคล้ายคนหวาดกลัว เมื่อกำลังจะขยับตัวกลับพบว่ามือทั้งสองข้างถูกมัดเอาไว้ติดกับหัวเตียงเขาดิ้นและส่งเสียงร้องลั่น
“ปล่อยๆข้านะไอ้คนชั่ว”
ร่างบางที่เผลอหลับไปเมื่อใดไม่รู้ตกใจตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงดังอยู่ใกล้ๆ เย่วซินตกใจเมื่อเห็นคนป่วยดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งพร้อมตะโกนด่าทออย่างเกรี้ยวกราด
“ปล่อยๆข้าบอกให้ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ไอ้คนชั่ว”
“ท่านลุงใจเย็นๆก่อนเจ้าค่ะ ท่านลุงฟังข้าก่อน” เย่วซินเอ่ยบอกเสียงอ่อนพยามยามให้คนป่วยมีสติ
“เจ้าเป็นพวกมันหรือ?อย่าให้ข้าหนีรอดออกไปได้ข้าจะกลับมาล้างแค้นให้สาสมเลยทีเดียวหากพวกเจ้าฆ่าข้าเสียตอนนี้พวกเจ้ายังมีโอกาสรอด” เสียงแหบพร่าของคนป่วยเอ่ยแม้จะดูอ่อนแรงแต่แฝงไปด้วยความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว
“เปล่าเจ้าค่ะข้าไม่ได้เป็นพวกเดียวกับไอ้คนชั่วช้าพวกนั้น ข้าจะช่วยให้ท่านแข็งแรงและกลับไปแก้แค้นพวกมันเจ้าค่ะ” เย่วซินเอ่ยตามน้ำยืนกรานเป็นพวกเดียวกับคนป่วยหวังให้เขาใจสงบลง
“ดีๆ เช่นนั้นปล่อยข้าประเดี๋ยวนี้ ข้าจะไปหาเหม่ยเอ๋อร์ นางรอข้าอยู่ปล่อยๆข้า” คนป่วยเริ่มโวยวายเปลี่ยนเรื่องเมื่อคิดถึงสตรีที่ตนยังเฝ้าคะนึงหาอยู่ในจิตสำนึก
“ท่านลุงใจเย็นๆก่อนเจ้าค่ะข้าจะพาท่านไปหาเหม่ยเอ๋อร์เอง” เย่วซินพยายามหลอกล่อด้วยการคล้อยตามคำขอของคนป่วยอย่างรวดเร็วเช่นกันและดูเหมือนว่าจะได้ผลเพราะเขาหยุดชะงักทันที
“เจ้าพูดจริงๆหรือ? เหม่ยเอ๋อร์นางรอข้า นางรอข้าอยู่รีบไปกันเลย” เสียงแหบแห้งเอ่ยอย่างดีใจที่จะได้ไปหาคนที่เฝ้าคิดถึงที่ฝังลึกอยู่ในจิตใจ
“ตอนนี้มันดึกมากแล้ว เหม่ยเอ๋อร์ของท่านลุงนางคงกำลังนอนหลับอยู่ ข้าว่าท่านลุงรอให้เช้าก่อนแล้วเราค่อยไปหานางดีหรือไม่เจ้าคะ ไปพบนางตอนเช้าจิตใจแจ่มใสเบิกบาน แต่ถ้าไปยามนี้นางคงอาจจะโกรธเอาได้เพราะกำลังหลับสบายอยู่” เย่วซินหาคำพูดชวนหลอกล่อคนป่วยให้คล้อยตามและดูเหมือนจะได้ผลดี
“เช้าแล้วเจ้ารีบพาข้าไปเลยนะข้าคิดถึงนางมาก”
คำพูดเพียงเท่านั้นแต่ทำไมพอได้ฟังแล้วเย่วซินถึงได้ขอบตาแดงรื้นขึ้นมามันจุกแน่นในอกอย่างน่าแปลกประหลาด นางคงรับรู้ถึงความรู้สึกของท่านลุงกระมัง นางไม่รู้หรอกว่าเหม่ยเอ๋อร์ที่เขาเอ่ยนั้นคือใครแต่ถ้าให้เดาคงไม่พ้นคนรักของเขาเป็นแน่ นางไม่รู้ว่าเหม่ยเอ๋อร์ตอนนี้อยู่ที่ไหนท่านลุงโดนขังมานานถึงสิบห้าปีแล้ว แต่นางก็หวังลึกๆในใจว่าอยากให้ทั้งคู่ได้พบกันในเร็ววัน
“เจ้าค่ะ ตอนนี้ท่านลุงก็ต้องพักผ่อนเช่นกันจะได้มีเรี่ยวแรงแล้วเดินทางไปหานางได้” เย่วซินช่วยประคองศีรษะคนป่วยให้นอนลงช้าๆ นางอยากจะแก้มัดให้เขายิ่งนักเพราะรู้ว่าเขาคงรู้สึกหวาดกลัวมันเลยทำให้จิตใจที่อ่อนแออยู่ก่อนแล้วแปรปรวนอ่อนไหวง่ายเช่นนี้
เย่วซินตรวจจับชีพจรคนป่วยเป็นไปตามที่นางคาดเอาไว้ พิษในกายของเขายังคงอยู่แต่มันคือพิษที่เป็นภูมิคุ้มกันไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย พวกคนชั่วมันไม่ได้ให้ยาพิษชนิดรุนแรงนักแต่มันค่อยๆแทรกซึมเกาะกินจิตใจให้ย่ำแย่ลงคล้ายคนเป็นโรคประสาท ถ้าเป็นชาติก่อนอาการแบบนี้เหมือนกับคนที่ติดยาเสพติดก็ไม่ปาน
“คงต้องรักษาสภาพจิตใจอย่างเดียวสินะ ท่านลุงหายไวๆนะเจ้าคะ” เย่วซินเอ่ยเสียงอ่อนกับคนป่วยที่ตอนนี้นอนเหม่อลอยตาจะปิดแหล่ด้วยความสงสาร
หลังจากคนป่วยสงบลงท่านเกาซูหลางก็เข้ามาเปลี่ยนกะพอดี นางลองถามเรื่องสตรีที่ชื่อเหม่ยเอ๋อร์กับเขา แต่กลับไม่ได้คำตอบอะไรเพราะเขาเองก็ไม่ได้สนิทกับอดีตองค์รัชทายาทผู้นี้ เขาแนะนำให้ไปถามกับท่านซานจิ่น เพราะท่านซานจิ่นเคยเป็นคนสนิทของพระองค์
เย่วซินพยักหน้ารับรู้แล้วจึงเดินกลับห้องพักเพื่อพักผ่อน ไม่รู้ว่าตอนเช้าท่านลุงจะอาละวาดเช่นไรอีก นางไม่อยากให้ยานอนหลับกับเขามากเกินไปเกรงว่าจะไม่ดีต่อร่างกายเย่วซินถอนหายใจอย่างคิดไม่ตก
เช้าวันรุ่งขึ้นที่พรรคอินทรีย์
“ซานจงเจ้าอย่าเพิ่งเผยตัวออกมาให้นางเห็นเป็นอันขาดเข้าใจหรือไม่” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยสั่งคนสนิทข้างกาย ปกติแล้วซานจงจะเร้นกายไม่ค่อยปรากฏตัว ไม่เหมือนซานจิ่นที่คอยดูแลข้างกายในที่แจ้งเสมอ แต่ยามใดซานจิ่นไม่อยู่ก็จะเป็นซานจงที่ออกมาปรณนิบัติข้างกายเขา
“เข้าใจแล้วขอรับ แล้วท่านประมุขจะจัดการเช่นไรขอรับ” ซานจงเอ่ยถาม เมื่อวานตนก็พอจะได้ยินบทสนทนากันบนโต๊ะอาหารไม่คิดว่าจะได้เจอกับคนที่ตนตามหาและตามตัวมาตลอด นางเป็นสตรีนี่เองไม่ใช่บุรุษหน้าละอ่อนอย่างที่เห็นคราแรก
“ข้าต้องเอาคืนบ้างมิใช่หรือ?” จ้าวไท่เหว่ยกดยิ้มมุมปากด้วยความพอใจที่คราวนี้จะได้เอาคืน
“ขอรับ” ซานจงเอ่ยพลางคิดในใจเหตุใดท่านประมุขต้องกลั่นแกล้งสตรีด้วย ท่านประมุขไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับสตรีมิใช่หรือ? ซานจงสงสัยยิ่งนัก
“เตรียมตัวให้พร้อมซานจิ่นกลับมาเมื่อไรเราจะจัดการคนที่คิดชั่วลอบกัดทันที” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ย เมื่อคืนเขาได้ให้ซานจิ่นออกไปจัดการเรื่องสำคัญบางอย่างถ้าสำเร็จก็จะดำเนินแผนการต่อไป
“ขอรับท่านประมุข”
“เหม่ยเอ๋อร์ เหม่ยเอ๋อร์ ข้าคิดถึงเจ้ายิ่งนัก” เสียงแหบทุ้มเอ่ยเรียกหญิงสาวอันเป็นที่รักด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ
จ้าวไท่เหว่ยกดยิ้มมุมปากดวงตาคมกร้าวขึ้นเมื่อเห็นร่างเล็กทำปากขมุบขมิบแม้นางจะแอบทำแต่สำหรับหรับเขาที่สังเกตนางอยู่ไม่อาจรอดพ้นสายตาไปได้
“พวกท่านจะเดินทางกลับตอนไหนหรือ?” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยถามเสียงเรียบ
“อีกสักครู่ก็จะเดินทางกลับเลยขอรับ เพราะต้องใช้เวลาเดินทางมากพอควร” เย่วฉีเอ่ยบอกคนน่าเกรงขามที่ยามนี้ใส่หน้ากากปิดบังใบหน้าครึ่งซีกเอาไว้ ตนต้องรีบออกเดินทางเพราะต้องแบกร่างของน้องสาวไปอีกคงต้องใช้เวลานานกว่าเขาเดินทางคนเดียว
“ดีเลยข้าต้องไปทำเรื่องสำคัญที่นั่นข้าจะไปส่งด้วยตัวเอง” จ้างไท่เหว่ยเอยอย่างมีความนัยบางอย่างแฝงอยู่
“รบกวนท่านประมุขแล้วขอรับ” เย่วฉีเอ่ยตอบรับโดยไม่ได้คิดอะไรมีท่านประมุขเดินทางไปด้วยย่อมดีที่สุด พลางหันไปเอ่ยกับน้องสาว
“เหม่ยเอ๋อร์เจ้าเกลี้ยกล่อมเขาดีๆล่ะ อ้อแล้วอย่าลืมให้ยาท่านเกาซูหลางเอาไว้ด้วยเผื่อว่าเขาอาละวาดเพราะคิดถึงเจ้าขึ้นมาอีก” เย่วฉีเอ่ยบอกน้องสาวอย่างยียวน
“อาฉี!!” เย่วซินถลึงตาใส่พี่ชายพาให้หลายคนที่มองนึกขบขันกับใบหน้านั้นมันไม่ได้น่าเกลียดแต่อย่างใด แต่มันกลับน่ารักและน่าเอ็นดูยิ่งจนเกาซูหลางเผลอจ้องมองไม่วางตา แต่ว่าดวงตากลมโตสวยคู่นั้นช่างเหมือนของนายท่านยิ่งนัก แต่เป็นเพราะตอนนี้เขาป่วยและซูบผอมลงมากเลยทำให้ดวงตาไม่เปล่งประกายเหมือนเคย
“เหม่ยเอ๋อร์?” จ้าวไท่เหว่ยสงสัยในคำเรียกขาน
“อ้อ..คนป่วยเขาคิดว่านางคือคนรักของเขาที่ชื่อเหม่ยเอ๋อร์ขอรับ” เย่วฉีเอ่ยพลางมองไปยังคนป่วยและคนที่กำลังป้อนข้าวอยู่ ใบหน้าคนป่วยยามนี้ดูมีความสุขยิ่งนัก มองใบหน้าคนป้อนด้วยสายตารักใคร่และกินข้าวด้วยความเอร็ดอร่อย
จ้าวไท่เหว่ยพยักหน้ารับรู้แล้วมองดูการกระทำของคนทั้งคู่อย่างเรียบเฉยไม่มีความคิดเห็นใดๆรอจนกระทั่งทั้งคู่ตกลงกันเรียบร้อย..
# มาต่อแล้วค่าาา ไรท์อาจไม่ได้อัพทุกวันนะคะ บางวันไรท์งานยุ่ง แค่จะพยามมาบ่อยๆ
# ขอบคุณรีดที่ติดตามอ่านนิยายของไรท์ค่าา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน
รอนะคะ อัพต่อหน่อยค่า...