ณ ตำหนักจินหลวน
กู้ชูหน่วนสวมชุดคลุมมังกรเก้าเล็บ สวมมงกุฎจักรพรรดิและรองเท้ามังกรนั่งอยู่บนแท่นประทับมังกร
เบื้องล่างมีท่านอ๋องเสวี่ยและอัครเสนาบดีซูคุกเข่าอยู่ข้างหน้าของทั้งสองฝั่ง
"กระหม่อมคารวะฝ่าบาท ขอฝ่าบาทจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน"
เสียงสรรเสริญร้องตะโกนดังกึกก้องไปทั่ววังหลวง
กู้ชูหน่วนนั่งอยู่บนเก้าอี้มังกร เมื่อมองลงมาเบื้องล่างที่มีเหล่าขุนนางและข้าราชบริพารคุกเข่าอยู่เสมือนมดตัวเล็กๆ และจู่ๆ ทุกสิ่งในรัฐปิงก็กลายเป็นของนางในชั่วพริบตา
เพียงแค่นางพูดออกมา ทุกคนก็ไม่กล้าขัดคำสั่ง
ความรู้สึกเช่นนี้ช่างดีเหลือเกิน ไม่แปลกที่ใครๆ ก็ต้องการเป็นจักรพรรดิ
แม้แต่นางเอง หลังจากที่ได้นั่งอยู่บนเก้าอี้มังกรนี้ นางก็รู้สึกได้ว่าสถานะของนางได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
"ลุกขึ้น"
"ขอบพระทัยฝ่าบาท"
ขันทีตะโกนเสียงดัง "มีธุระก็กราบทูลฝ่าบาท ส่วนใครไม่มีธุระอะไรก็ออกไปได้"
บรรดาขุนนางชั้นผู้ใหญ่ต่างมองหน้ากัน แต่ละคนต่างไม่กล้าพูดอะไรออกมา ไม่รู้ว่าพวกเขายังเกรงกลัวฮวาอิ่งที่โหดเหี้ยมนั้นอยู่หรือไม่
ตำหนักจินหลวนเงียบสงัดอย่างมาก
กู้ชูหน่วนกวาดสายตามอง เหล่าขุนนางที่คุกเข่าอยู่นี้ไม่คุ้นหน้าเลย มีเพียงหยางโม่และหยางม่านและรวมถึงท่านอ๋องเสวี่ยเท่านั้นที่นางพอรู้จัก
หยางม่านก็อยู่ที่นี่ด้วย แม้ว่าจะแอบซ่อนอย่างดี แต่แววตาของนางยังมีความเป็นศัตรูอยู่เล็กน้อย กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดไปต่อนาง
รัฐปิงมีจักรพรรดินีขึ้นครองราชย์ตั้งแต่อดีตกาลนานมา
ตอนนั้นนางยังไม่รู้บรรพบุรุษของตัวเอง และอดีตจักรพรรดินีก็ไม่มีทายาท โดยมีการรับเลี้ยงองค์หญิงเพียงองค์เดียวเท่านั้น นั่นก็คือหยางม่าน
ฉะนั้นนางถือเป็นทายาทโดยปริยายในการสืบทอดราชบัลลังก์จักรพรรดินี และมีอำนาจพิเศษที่สามารถเข้าร่วมการเข้าราชสำนักกับเหล่าขุนนางได้
"ข้ามาว่าราชกิจเป็นครั้งแรก ข้าไม่เชื่อว่าพวกเจ้าไม่มีเรื่องกราบทูล มีเรื่องอะไรก็พูดออกมาเถอะ"
ต่อให้เป็นเช่นนั้นก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากออกมา ท่านอ๋องเสวี่ยและหยางโม่จ้องหน้ากัน
ท่านอ๋องเสวี่ยพูดขึ้นมาก่อน "ฝ่าบาทอดีตจักรพรรดินีถูกจักรพรรดินีตัวปลอมฆ่าสังหารลง และพระศพของพระองค์ก็ยังไม่ได้ดำเนินการ กระหม่อมขอให้ฝ่าบาทจัดงานพระราชพิธีศพให้กับอดีตจักรพรรดินีพ่ะย่ะค่ะ"
"ตกลง"
ไม่ว่านางจะยอมรับหรือไม่ แต่สุดท้ายผู้หญิงคนนั้นก็คือแม่ของนาง
ฉะนั้นการจัดพิธีศพให้ก็ถือเป็นเรื่องที่สมควร
ท่านอ๋องเสวี่ยรู้สึกละอายใจที่จะพูดออกมา "ฝ่าบาท ผู้หญิงชั่วร้ายคนนั้นปกครองรัฐปิงมากว่าสามปี ทำให้ท้องพระคลังถูกนาง.....ตอนนี้ท้องพระคลังว่างเปล่า การจัดงานพิธีศพอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติคง......"
กู้ชูหน่วนกลอกตาขาว
ท้องพระคลังไม่มีเงินเจ้าก็ควรบอกให้เร็วกว่านี้
ไม่มีเงินแล้วยังจะจัดงานอย่างสมเกียรติอะไรกัน
"เช่นนั้นก็จัดอย่างเรียบง่าย"
"ฝ่าบาท ในอดีตไม่เคยมีการจัดงานพิธีอย่างเรียบง่ายมาก่อน เกรงว่าจะไม่เหมาะสมตามประเพณีพ่ะย่ะค่ะ"
"เช่นนั้นเจ้าคิดว่าควรทำเช่นไร?"
"เอ่อ......"
ท่านอ๋องเสวี่ยก็ลำบากใจเช่นกัน
การจัดงานพิธีพระศพอย่างยิ่งใหญ่ให้สมพระเกียรตินั้นจำเป็นต้องให้เงินมหาศาล
เขาก็ไม่มีเงินตำลึงมากมายเช่นนั้น
ส่วนรัฐปิงเอง สามปีมานี้ประชาชนต่างอดอยากและแร้นแค้น หากจะเก็บเงินภาษี เกรงว่าประชาชนคงไม่สามารถใช้ชีวิตได้อีกต่อไป
ขุนนางชั้นผู้ใหญ่อีกคนลุกขึ้นและกล่าวอย่างเคารพนอบน้อม "ฝ่าบาท เรียกการจัดเก็บภาษีจากประชาชนมากขึ้นได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ"
หยางโม่รีบปฏิเสธ "ทำเช่นนั้นไม่ได้ ทางตอนเหนือของรัฐปิงประสบปัญหาภัยแล้งติดต่อกันมาสามปี และทางตอนใต้ประสบปัญหาน้ำท่วมติดต่อกันมากว่าสามปี ภัยพิบัติตั๊กแตนรบกวนผู้คนจนไม่มีพืชผลเก็บเกี่ยว สถานที่หลายแห่งก็ต่างว่างเปล่าและอดอยาก หากเก็บภาษีประชาชนอาจก่อจลาจลขึ้นได้"
เมื่อพูดถึงสถานการณ์ภัยพิบัติ ขุนนางชั้นผู้ใหญ่จำนวนหนึ่งแม้ไม่อยากกราบทูล แต่ก็ลองกราบทูลด้วยความหวัง
"ฝ่าบาท มีความแห้งแล้งในสิบสองมณฑลทางเหนือ ราษฎรแทบไม่มีน้ำสำหรับดื่มกิน คนในหมู่บ้านจำนวนมากต่างล้มตายเพราะกระหายน้ำ ขอฝ่าบาททรงได้โปรดประทานน้ำกินน้ำใช้"
กู้ชูหน่วนไม่ได้ตอบเขา และเพียงฟังในสิ่งที่ทุกคนต้องการพูดออกมาอย่างตั้งใจ
จากนั้นเหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ต่างพากันกราบทูลรายงาน
"ฝ่าบาท สถานการณ์ภัยพิบัติในยี่สิบสี่มณฑลทางตอนใต้เลวร้ายอย่างมาก และต้องการเงินสนับสนุนจากทางราชสำนักอย่างเร่งด่วนพ่ะย่ะค่ะ"
"ฝ่าบาท โรคระบาดทางตะวันออกได้แพร่ระบาดไปหลายเมือง และควบคุมไม่ได้มานานแล้ว"
"ฝ่าบาท เมืองเกาเฉิงทั้งเมืองถูกกลุ่มกบฏฆ่าสังหาร ตอนนี้เมืองเกาเฉิงกลายเป็นเมืองที่รกร้างว่างเปล่าและจำเป็นต้องสร้างใหม่อย่างเร่งด่วนพ่ะย่ะค่ะ"
"ฝ่าบาท เงินเดือนทหารค้างชำระมาสามปีแล้ว และบรรดาทหารต่างก็ถามว่าเมื่อใดราชสำนักจะจัดสรรเงินให้พ่ะย่ะค่ะ"
"......."
บรรดาขุนนางชั้นผู้ใหญ่ต่างพูดออกมา และกู้ชูหน่วนก็พอฟังออกว่าแต่ละคนล้วนต้องการเงินตำลึงจำนวนมหาศาล
"พวกเจ้าพูดมามากมายเช่นนี้ ตอนนี้ท้องพระคลังเหลือเงินตำลึงอยู่เท่าไร"
"กราบทูลฝ่าบาท เหลืออยู่หนึ่งแสนตำลึงพ่ะย่ะค่ะ"
กู้ชูหน่วนแทบจะลุกขึ้นยืน
หนึ่งแสนตำลึง?
พูดเป็นเล่นไป?
"ฝ่าบาทได้โปรดประทานอภัยโทษให้กระหม่อมด้วย กระหม่อมพูดผิดไป ฝ่าบาทได้โปรดประทานอภัยด้วย กระหม่อมไม่ได้รับเงินเดือนมาเป็นเวลาหนึ่งปีแล้ว หาก.....หากระงับต่ออีกห้าปี เกรงว่า....เกรงว่าครอบครัวของกระหม่อมต้องอดตายแน่พ่ะย่ะค่ะ"
"คนที่ต้องอดตายในรัฐปิงมีเป็นจำนวนมาก มีครอบครัวของเจ้าเพิ่มอีกคงไม่เป็นอะไร ข้าไม่ตัดศีรษะของเจ้าก็ถือว่าดีมากแค่ไหนแล้ว"
ข้าราชบริพารพูดไม่ออก
เขาก็ต้องการเงินเดือนทหารเร็วๆ แจ้งไปแค่ทองคำหนึ่งล้านตำลึงเท่านั้น หวังว่าฝ่าบาทจะสามารถจ่ายเงินจำนวนนี้มาให้โดยเร็ว
เขาสาบานว่า เขาไม่ได้จงใจกลั่นแกล้งฝ่าบาทเลยสักนิด
แต่ตอนนี้ต่อให้พูดอะไรไป เกรงว่าเขาคงเอาชีวิตไม่รอด จึงทำได้เพียงยอมรับอย่างขมขื่น
เงียบ
ตำหนักจินหลวนเงียบสงัดลงอีกครั้ง
ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา
กู้ชูหน่วนเห็นการแสดงออกของพวกเขาอย่างดี
และจากนั้นก็พูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ
"ประกาศราชโองการของข้าออกไป รัฐปิงตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จะจัดการงานศพอย่างเรียบง่ายไม่เว้นแม้แต่จักรพรรดิ หากใครขัดขืนจะถูกลงโทษปรับเป็นเงินห้าพันตำลึงไปจนถึงหนึ่งล้านตำลึง และเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เมืองหลวงไปยังเมืองต่างๆ"
บรรดาขุนนางต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา
"ฝ่าบาท การจัดการงานพระราชพิธีศพอย่างเรียบง่ายจะไม่เหมาะสมอย่างมากพ่ะย่ะค่ะ"
"คนที่ยังมีชีวิตอยู่แทบไม่มีจะกิน ยังจะสนใจคนที่ตายจากไปแล้วอีกหรือ? เรื่องนี้ตัดสินใจเช่นนี้แล้วกัน หากมีใครคิดโต้แย้งจะถูกปรับเป็นเงินห้าหมื่นตำลึง"
จากนั้นภายในท้องพระโรงก็เงียบลงอีกครั้ง
ไม่มีใครกล้ามีปัญหากับเงิน
และยิ่งไม่มีใครกล้ามีปัญหากับจักรพรรดินีองค์ใหม่
จัดอย่างเรียบง่ายก็จัดอย่างเรียบง่าย
ของใหม่ใครๆ ต่างก็เห่อ นับประสาอะไรกับจักรพรรดินีองค์ใหม่
"ภัยแล้งทางเหนือมีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี การผันน้ำจากเหนือลงใต้สุ่มสี่สุ่มห้าสามารถรักษาพื้นผิวได้ แต่ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ส่วนการขุดบ่อน้ำทุกๆ หนึ่งร้อยเมตร พวกเจ้าคิดว่าเงินหามาได้ง่ายอย่างนั้นหรือ?"
"พื้นที่มณฑลเฉินจวุ้นทางตอนใต้ถูกน้ำท่วมตลอดทั้งปี และผู้คนต่างจมน้ำตายนับไม่ถ้วน ข้าจะสั่งให้สร้างคลองจากพื้นที่มณฑลเฉินจวุ้นเพื่อผันน้ำไปทางเหนือ"
เมื่อพูดจบ ราชสำนักก็เกิดความโกลาหลขึ้นมา
"ฝ่าบาท มณฑลเฉินจวุ้นห่างออกไปจากทางตอนเหนืออย่างมาก เมื่อก่อนนั้นก็เคยคิดจะซ่อมแซม แต่....แต่มีระยะทางห่างไกลอย่างมาก และไม่เพียงแค่ค่าสร้างคลองจะสูงเท่านั้น ระยะเวลาของโครงการยังยาวอีกด้วยพ่ะย่ะค่ะ เกรงว่า.....เกรงว่าทางตอนเหนือ"
ผู้คนต่าง....ต่างต้องตายลงก่อนแน่ๆ
"ข้าไม่เพียงต้องการสร้างคลองเท่านั้น แต่ข้ายังจะสร้างคลองขนาดใหญ่เพื่อให้ทุกคนทางตอนเหนือได้มีน้ำใช้ เพื่อคนรุ่นหลังจะได้ไม่ต้องตายเพราะขาดน้ำอีกต่อไป"
อัครเสนาบดีถามอย่างลองใจ "ฝ่าบาท เช่นนั้น.....เช่นนั้นจะเอาเงินตำลึงมาจากที่ใดหรือพ่ะย่ะค่ะ ในระหว่างที่คนทางตอนเหนือซ่อมแซมและสร้างคลอง.....จะอยู่กันเช่นใดพ่ะย่ะค่ะ?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่แปลให้อ่านนะคะ อ่านถึง 1174 แล้วรอตอนต่อไปอยู่ค่ะ...
ไม่อัพจบเหรอคะ...
เป็นนางเอกที่นิสัยแย่ที่สุดตั้งแต่เคยอ่านมา...
คือตัวเองไม่มีเงิน แต่คิดจะเอาทุกอย่างด้วยราคาสูงเสียดฟ้า แล้วก็หาคำพูดให้คนอื่นจ่ายแทน ตัวเองหาประโยชน์จากคนใกล้ตัวแต่กลับเอาใจให้คนอื่นตลอดเนี่ยนะ...
แม่นางกู้เกินเยียวยาแล้วเด้อ 555...
เยี่ยเฟิงเป็นคนดีมาก แต่เขาทนงตัวเกินไป ชีวิตที่ผู้อื่นฝ่าฟันเพื่อแย่งชิงลมหายใจเขาไว้ แต่เขาก็ดิ้นรนกลับไปหาความตายอยู่เรื่อย...
ท่านอาจารย์พูดให้คิดดีมากเลย แต่อาหน่วนจะเข้าใจไหม นางดูมั่นหน้า มั่นใจเกิตเหตุแบบไม่สนสี่สนแปดใดใดเลย...
อยากให้กลับมาอัพเดทไวๆนะคะ ขอบคุณมากค่ะ...
สรุปเรื่องนี้มีตอนจบมั้ยค่ะ...
รอตอนจบอยู่นะคะ ใจบางไม่ไหวแล้วทรมาน...