กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ นิยาย บท 1144

“พาข้าไปเดี๋ยวนี้”

กู้ชูหน่วนพยุงนักฆ่าโลหิตขึ้น ราวกับจะลากเขาไปทันที

ความเร็วของนางนั้นเร็วมาก เร็วจนนักฆ่าโลหิตไม่อาจลืมตาได้เนื่องจากลมแรง

ไม่รู้ว่าวิ่งมานานแค่ไหน ในที่สุดพวกเขาก็มาหยุดอยู่ใต้หน้าผาแห่งหนึ่ง

นักฆ่าโลหิตกล่าวออกมาว่า “นายท่านได้สร้างค่ายกลล้อมรอบที่แห่งนี้ไว้ ข้าไม่อาจเข้าไปด้านในได้”

กู้ชูหน่วนมองไปรอบ ๆ พยายามสัมผัสถึงการผันผวนของค่ายกล แต่กลับสัมผัสอะไรไม่ได้เลย

นางเชื่อ นักฆ่าโลหิตกล่าวว่าที่นี่มีค่ายกล ที่นี่จะต้องมีค่ายกลอย่างแน่นอน

อาม่อมีนิสัยแปลกประหลาด ปกติแล้วคนที่อยู่ข้างกายเขาก็มีเพียงนักฆ่าโลหิตเท่านั้น

“คุณหนูสาม ท่านสามารถทำลายค่ายกลได้หรือไม่?”

คำถามนี้เป็นคำถามที่กู้ชูหน่วนไม่อาจให้คำตอบได้

แม้แต่การผันผวนของค่ายกลนางยังสัมผัสไม่ได้ เช่นนั้นนางจะทำลายมันได้อย่างไร

และทักษะในเรื่องค่ายกลของอาม่อนั้นพัฒนาขึ้นเป็นอย่างมาก

กู้ชูหน่วนแตะกำแพงหินตลอดทาง หลับตาและครุ่นคิด ในที่สุดนางก็นั่งลง ใช้หัวใจสัมผัสระหว่างสิ่งแวดล้อมที่เป็นช่องว่างระหว่างกำแพงและหน้าผา

ทันใดนั้นนางก็ลืมตาขึ้น และอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้

“ไม่แปลกเลยว่าเหตุใดจึงไม่สามารถสัมผัสได้ถึงการผันผวนของค่ายกลนี้”

นักฆ่าโลหิตถามออกมาด้วยความดีใจ “คุณหนูสาม ท่านพบหนทางในการทำลายค่ายกลแล้วอย่างนั้นหรือ?”

พวกเขาสงสัยว่านายท่านจะอยู่ด้านในของค่ายกลกระบวนนี้ หาหนทางมากมายในการทำลายมัน แต่ไม่ว่าจะทำเช่นไรก็ไม่อาจทำลายมันได้

ไม่เพียงแค่พวกเขา แม้แต่ยอดฝีมือขั้นสูง รวมถึงผู้แข็งแกร่งแห่งรัฐฉู่และบุคคลลึกลับที่อยู่เบื้องหลังของรัฐฉู่ผู้นั้นก็ยังไม่รู้สึกว่าที่นี่มีค่ายกลอยู่

กู้ชูหน่วนส่ายหน้า “ไม่มี”

ใบหน้าแห่งความดีใจของนักฆ่าโลหิตแข็งทื่อในทันใด

“แต่ หากค่ายกลกระบวนนี้ แม้แต่ข้ายังไม่สามารถทำลายมันได้ เช่นนั้นก็ไม่มีใครสามารถทำลายมันได้แล้ว”

ความหวังของนักฆ่าโลหิตเปล่งประกายขึ้นมาอีกครั้ง

“คุณหนูสาม ท่านมีวิธีการทำลายมันหรือไม่”

“ไม่มี”

“คุณหนูสาม นี่มันเวลาไหนแล้ว เหตุใดท่านยังคงเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ชอบหยอกล้อข้าเหมือนเมื่อก่อน”

กู้ชูหน่วนชักมีดออกมาจากเอวของนาง และกรีดไปที่ข้อมือของตนเอง

น้ำเลือดหลั่งไหลออกมา กู้ชูหน่วนหยดเลือดเหล่านั้นไว้บนหน้าผา

“คุณหนูสาม นี่ท่าน......”

ด้วยการหลั่งเลือดของนาง หน้าผายังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด และไม่มีการเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย

หัวใจของนักฆ่าโลหิตจมไปถึงกระดูกดำ

เขาคิดว่ามีเพียงเลือดของคุณหนูสามเท่านั้นที่สามารถทำลายค่ายกลได้ แต่เมื่อลองดูจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผล

เขาคิดผิดไปแล้ว

ค่ายกลของนายท่าน คนทั่วไปในใต้หล้าไม่อาจทำลายมันได้

ต่อให้เป็นคุณหนูสามกู้ก็ไม่อาจทำลายมันได้

เขากำลังคาดหวังกับอะไรลม ๆ แล้ง ๆ

ในตอนที่นักฆ่าโลหิตคิดว่าเลือดของกู้ชูหน่วนไม่อาจทำลายค่ายกลได้ เขาก็เห็นกู้ชูหน่วนท่องคาถาอย่างเงียบ ๆ ใช้วิชาลับเฉพาะของนางเพื่อผสมผสานกับรูปแบบ จากนั้นแสงสีแดงก็เปล่งประกายออกมา หน้าผาอันหนาทึบก็กลายเป็นโปร่งใสทันที

กู้ชูหน่วนดึงเขาเข้าไปในหน้าผา

ความมืดมิดเข้ามาในสายตาของพวกเขาทันที

นักฆ่าโลหิตก้าวออกมาด้านหน้าของกู้ชูหน่วน ชักมีดออกมาเพื่อปกป้องนาง และมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง

กู้ชูหน่วนกล่าวออกมาว่า “ค่ายกลนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากความคิดของอาม่อ จำเป็นต้องใช้เลือดของข้าถึงสามารถเปิดการทำงานของค่ายกลได้ นอกจากเลือดของข้า ยังจำเป็นต้องใช้วิชาเฉพาะตัวของข้าด้วย รวมถึง......ความคิดและความทรงจำของข้า สามารถบอกได้ว่า ขอแค่ข้าไม่ต้องการเปิดค่ายกลก็ไม่มีใครสามารถเปิดค่ายกลนี้ได้ทั้งนั้น และไม่มีใครในใต้หล้านี้สามารถทำลายมันได้”

นางไม่รู้ว่าทักษะในเรื่องค่ายกลของซือม่อเฟยนั้นแข็งแกร่งถึงเพียงใด

แต่นางก็สามารถผสมผสานความคิดและเลือดของนางด้วยวิชาลับได้

หากเป็นทางอื่น บางทีนางอาจจะรู้สึกกังวล

แต่สำหรับที่นี่ นางไม่กังวลเลยแม้แต่น้อย

เนื่องจากอาม่อสามารถทำร้ายทุกคนในใต้หล้า แต่เขาไม่มีทางทำร้ายนางเป็นอันขาด

เดินมาพักหนึ่ง ในที่สุดกู้ชูหน่วนและนักฆ่าโลหิตก็เดินออกมาจากหน้าผาอันมืดมิด

เงยหน้าขึ้น ทั่วทั้งภูเขาเต็มไปด้วยดอกพุดซ้อนสีขาว

ดอกพุดซ้อนหญ้าเขียวขจีก่อให้เกิดทัศนียภาพอันสวยงาม

ดอกพุดซ้อนหล่นลงพื้น เรียงตัวกันเป็นแนวทอดยามไปทั่วทั้งภูเขา ลูกแล้วลูกเล่า ลมพัดโชย กลิ่นหอมของดอกไม้พัดเข้ามา ราวกับเป็นเซียนบนท่ามกลางสรวงสวรรค์

เมื่อเห็นฉากนี้

ไม่ว่ากู้ชูหน่วนตะโกนออกไปอย่างไร ไม่ว่ากู้ชูหน่วนจะตามหาอย่างไร ซือม่อเฟยก็ไม่ปรากฏตัวออกมา

กู้ชูหน่วนกัดฟันแน่น นางหยิบมีดขึ้นมาและแทงเข้าไปยังร่างกายของตนเองอย่างรุนแรง

เลือดสาดกระเซ็น ของเหลวสีแดงกระจายไปทั่วดอกพุดซ้อน

“ข้าให้เวลาเจ้าสิบห้านาที หากเจ้ายังไม่ออกมา ข้าจะแทงตัวเองอีกหนึ่งครั้ง และหากยังไม่ออกมาอีก ข้าจะฆ่าตัวตาย อย่างไรชีวิตนี้ของข้า เจ้าก็เป็นคนช่วยมันเอาไว้ หากข้าตาย เจ้าก็จะไม่ต้องรู้สึกต้อยต่ำอีกต่อไป”

กู้ชูหน่วนแอบได้ยินเสียงลมหายใจแห่งความร้อนรน

และพอจะรู้ตำแหน่งของอีกฝ่ายคร่าว ๆ

แต่นางรู้ หากนางไล่ตามต่อไป ซือม่อเฟยก็จะวิ่งหนีต่อไปเป็นแน่

หากหยุดเขาไว้ไม่ได้ หากนางเผลอขึ้นมา เขาก็จะหนีไปอีกครั้ง

นางทำได้เพียงรออย่างสงบ

สิบห้านาทีผ่านไป ในป่าพุดซ้อนยังคงไม่มีแม้แต่เงาของซือม่อเฟย

กู้ชูหน่วนไม่พูดอะไร ดึงมีดที่ปักอยู่บนร่างกายของตนเองออกมา และแทงมันกลับเข้าไปอีกครั้ง

เจือก......

ร่างของใครบางคนปรากฏออกมา กุมบาดแผลที่เต็มไปด้วยเลือดของนางไว้แน่น

เสียงแห่งความโกรธดังขึ้น “เจ้าไม่รักชีวิตแล้วหรือไง เอาแต่ทำร้ายตัวเองอยู่ได้ ไม่เจ็บบ้างหรือไง?”

กู้ชูหน่วนยิ้มออกมา รอยยิ้มของนางสดใสร้าวกับดอกไม้นับพัน

นางโอบกอดซือม่อเฟยไว้แน่น กลัวว่าหากปล่อยให้หลุดมือ เขาอาจจะหายไปตลอดกาล

ร่างกายของจอมมารแข็งทื่อ ช่วยนางพันแผลอย่างเงียบ ๆ ทุกการเคลื่อนไหวอ่อนโยนและนุ่มนวล เกรงว่าตนเองจะทำให้นางเจ็บ

เขาแตกต่างจากเมื่อก่อนมาก เวลานี้ร่างกายของเขาเป็นสีดำ แม้แต่ใบหน้าก็ดูดำลงเล็กน้อย มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่เปิดเผยให้เห็นอย่างชัดเจน

“เสร็จแล้ว สองสามวันหลังจากนี้ห้ามโดนน้ำเป็นอันขาด”

กู้ชูหน่วนยังคงกอดเขาไว้ ไม่เต็มใจที่จะปล่อย

จากนั้นก็ได้ยินคำดุแห่งความโกรธและความห่วงใยของจอมมาร

“หลังจากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าห้ามทำร้ายตนเองเช่นนี้อีกเป็นอันขาด”

“เช่นนั้นเจ้าก็ปกป้องข้าไปตลอดชีวิต ข้าจะได้ไม่อยู่ห่างจากสายตาของเจ้า และข้าก็ไม่มีวันทำร้ายเจ้า”

“อะ......อะไรนะ......”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์