“เอาละ บทเรียนวันนี้มีเท่านี้ พรุ่งนี้เช้าค่อยเรียนกันอีกครั้ง พรุ่งนี้บ่ายจะเริ่มเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศอย่างเป็นทางการ ทุกคนจงมีชีวิตชีวาเข้าไว้ อย่าให้เสียหน้าสำนักศึกษาวังหลวง”
“ขอรับ/เจ้าค่ะ ท่านอาจารย์”
“คุณหนูสาม อย่าลืมดีดฉินอีกห้าสิบครั้ง คุณชายเซี่ยว ท่านอยู่ที่นี่เป็นคนคอยควบคุม ถ้าดีดไม่จบห้าสิบรอบ ท่านจะดีดแทนนางก็ได้”
ซั่งกวนฉู่ป่วยหรือไง
แค่ลงโทษนางก็ว่าแย่แล้ว นี่ยังจะหาคนมาคุมอีก
เซี่ยวอวี่เซวียนหน้าเบ้
การดีดฉินของกู้ชูหน่วนเป็นสิ่งที่มีไว้ให้มนุษย์ฟังงั้นหรือ? ถ้าฟังจบห้าสิบรอบจริงๆ ธาตุไฟของเขาจะต้องแตกจนเลือดออกจากทวารทั้งเจ็ดเป็นแน่
ความจริงคนในสำนักศึกษาอยากจะอยู่ดูเรื่องตื่นเต้นต่อ แต่การดีดฉินของกู้ชูหน่วนเสียงดังแสบแก้วหูมากจริงๆ พวกเขาฟังจนมีเสียงหวีดหวิวอยู่ในหู ดังนั้นจึงไม่กล้าอยู่ต่อและทยอยจากไปราวกับกำลังวิ่งหนีอะไรอยู่
เซี่ยวอวี่เซวียนหยิบจุกขวดขึ้นมาสองอันแล้วยัดใส่หูทันที เขาเบ้ปากอย่างไม่มีอะไรจะพูด
“แต๊ง แต๊ง แต๊ง...”
มีเสียงกู่ฉินที่ไร้ซึ่งความไพเราะดังขึ้นในสำนักศึกษาวังหลวง แม้แต่พวงองครักษ์ยังอยากจะทิ้งหน้าที่ไปโดยพลการเสียให้ได้เมื่อได้ยิน
เลวร้าย
เลวร้ายมากจริงๆ
ณ ห้องที่งดงามห้องหนึ่งในสำนักศึกษาวังหลวง
เยี่ยจิ่งหานเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนบ่ายและอดประหลาดใจในตัวกู้ชูหน่วนไม่ได้
ผู้หญิงคนนี้เป็นคนหัวขี้เลื่อยจริงๆ หรือแสร้งทำตัวเป็นหมูเพื่อหลอกกินเสือกันแน่
คนหัวขี้เลื่อยจะเข้าใจบทกวีสู่หลีได้หรือ?
ซั่งกวนฉู่...
วันนี้ทุกอย่างที่เขาปฏิบัติต่อกู้ชูหน่วนดูแตกต่างไปจากอุปนิสัยที่ไม่สนโลก ไม่สนทั้งคำสรรเสริญหรือคำติเตียนของเขา
เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาจะสนใจในตัวกู้ชูหน่วนเหมือนกัน
เยี่ยจิ่งหานเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าพระอาทิตย์ลับภูเขาไปแล้ว จากนั้นริมฝีปากที่เยียบเย็นก็พ่นออกมาคำหนึ่งว่า “ไป”
ชิงเฟิงรู้กันและเข็นรถเข็นออกไปจากสำนักศึกษาวังหลวง
“แต๊ง...”
กู้ชูหน่วนโยนกู่ฉินไปให้เซี่ยวอวี่เซวียน “อีกสี่สิบรอบที่เหลือเจ้าดีดแล้วกัน”
“ทำไมต้องเป็นข้าด้วย”
“ประการแรก ท่านอาจารย์ซั่งกวนบอกว่าถ้าข้าดีดไม่จบ ที่เหลือให้เจ้าดีดแทน ประการที่สองเจ้าเป็นน้องเล็กของข้า ประการที่สาม ข้าบอกให้เจ้าดีดเจ้าก็ดีดไป อย่ามามัวพูดจาไร้สาระ”
“แม่สาวอัปลักษณ์ เจ้าทำอย่างนี้มันไม่สนุกเลยนะ อย่างน้อยข้าก็เคยช่วยเจ้ามาก่อน”
“เคยช่วยอะไรข้า”
เอ่อ...
ดูเหมือนจะ... ไม่เคยช่วยอะไรเลย
แต่ก็เป็นพวกพ้องกันมิใช่หรือ
ราวกับว่ากู้ชูหน่วนมองออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ในใจ นางกลอกตาใส่เขา “เป็นพวกพ้องกันก็รีบดีดซะสิ ไม่อย่างนั้นเราสองคนจะต้องอยู่ที่นี่กันทั้งคืน ข้าเองก็ไม่ได้ถือสา ถึงอย่างไรข้าก็อัปลักษณ์ขนาดนี้ อยากจะแต่งงานกับคนดีๆ ก็เกรงว่าจะยาก ถ้าแต่งงานกับเจ้าได้ข้าก็จะฝืนใจแต่ง”
ถ้อยคำที่เลวร้ายนี้มีอำนาจรุนแรงมากจนทำให้เซี่ยวอวี่เซวียนต้องรีบดีดฉินอย่างว่าง่าย
เขาไม่รู้ว่ากู้ชูหน่วนเล่นเพลงบ้าอะไร ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงเล่นไปมั่วๆ ดีดไปมั่วๆ
กู้ชูหน่วนถอนหายใจ
วันแรกของการเรียนก็รู้สึกไม่ดีเสียแล้ว ถูกทำโทษตั้งแต่เช้ายันเย็น ทั้งยังไม่มีใครอีก
นางจับคางและเริ่มคิดถึงเรื่องเงินกับยาสมุนไพรขึ้นมาอีก
เวลานี้นางรู้แล้วว่าจะหาเงินเงินแปดหมื่นตำลึงได้อย่างไร แต่สมุนไพรสองอย่างนั้นนางยังไม่รู้ว่าจะไปหาจากที่ไหน
หลังจากคิดแล้วนางก็หยิบพู่กันขึ้นมา จากนั้นจึงเขียนคำว่าหญ้านรกกับดอกไม้พ่นควันลงไปและขมวดคิ้วอย่างกลัดกลุ้ม
“นี่ เจ้าไม่รู้จักการเขียนอักษรมิใช่รึ ชื่อสมุนไพรสองอย่างนี่เจ้าเขียนเองงั้นหรือ แสดงว่าที่เพิ่งทำไปคือเจ้าแสร้งทำใช่หรือไม่”
กู้ชูหน่วนรีบพับกระดาษและหยิบขึ้นมา
“แสร้งทำอะไร เดิมทีข้าเขียนคำว่ากู้เกินหน่วนไม่เป็นอยู่แล้วต่างหาก ไม่อย่างนั้นข้าจะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะงั้นหรือ”
“ขอบใจเจ้ามาก เสี่ยวเซวียนเซวียน เจ้าดีดจบแล้วหรือยัง ถ้าดีดจบแล้วข้าก็ขอตัวก่อนละ”
“เจ้าไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินกว้างหรือยังไงแม่สาวอัปลักษณ์ คงไม่ได้คิดจะไปที่เรือนชิวเฟิงจริงๆ หรอกนะ” เซี่ยวอวี่เซวียนเป็นกังวล
หานอ๋องอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ คาดเดาไม่ได้ เขาฆ่าคนได้เหมือนผักปลา แม้ว่านางจะเป็นพระชายาหานที่ได้รับการแต่งตั้งจากฝ่าบาท ถ้าเขาอยากฆ่าเขาก็ฆ่าได้ทันที
ถ้าจะไปที่เรือนชิวเฟิงจริงๆ มันไม่ใช่ว่ารนหาที่ตายหรอกหรือ
“ไม่ต้องห่วงน่า ต่อให้ยืมความกล้ามาเต็มสิบข้าก็ยังไม่กล้าไปอยู่ดี”
เซี่ยวอวี่เซวียนไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อย ในความประทับใจของเขา สตรีผู้นี้มีความกล้าหาญมิใช่น้อย
“เจ้าคุ้นเคยกับนครหลวงหรือไม่” อยู่ๆ กู้ชูหน่วนก็ถามขึ้นมา
เซี่ยวอวี่เซวียนมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีนัก “เจ้าจะทำอะไร”
“ดูความขี้ขลาดของเจ้าสิ ข้าจะทำอะไรเจ้าได้อีก แค่จะให้พาข้าไปที่หอสุราใหญ่ๆ สักที่”
ขณะที่เซี่ยวอวี่เซวียนยังคงสงสัยว่ากู้ชูหน่วนจะทำอะไร เขาก็ถูกนางลากออกไปแล้ว
ในหอสุราของนครหลวงอันสงบสุข
ชิวเอ๋อร์ระแวดระวังจนเป็นกังวลและกระตุกแขนเสื้อของกู้ชูหน่วนอยู่บ่อยๆ “คุณหนู นี่ก็ค่ำแล้ว เรารีบกลับจวนกันดีกว่าเจ้าค่ะ ถ้านายท่านรู้เข้าละก็ ท่านจะต้องหักขาพวกเราเป็นแน่”
“มีอะไรต้องกลัวฮึ แค่บอกว่าท่านอาจารย์ซั่งกวนให้อยู่เรียนต่อก็เลยทำให้เสียเวลา อยากกลับก็กลับไม่ได้ ถึงอย่างไรทุกคนในสำนักศึกษาก็รู้กันหมดแล้วว่าข้าถูกสั่งให้อยู่เรียนเพิ่ม”
“เรียนต่อได้แต่ก็ใช่ว่าจะอยู่ได้นานขนาดนี้นี่เจ้าคะ เมื่อสองวันก่อนที่ท่านไม่กลับเรือน นายท่านก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟไปรอบหนึ่ง ถ้ามีอีกครั้งละก็... นายท่านจะต้องโกรธแน่เจ้าค่ะ”
กู้ชูหน่วนนึกเสียใจขึ้นมา
นางไม่ควรพาชิวเอ๋อร์มาด้วยเลย ชิวเอ๋อร์ก็เหมือนแม่บ้านคนหนึ่ง นางขี้บ่นเกินไป
เซี่ยวอวี่เซวียนสะบัดพัดและลอบยิ้ม
แม่สาวอัปลักษณ์ไม่เกรงกลัวฟ้าดินแต่กลับกลัวสาวใช้ตัวน้อยที่อยู่ข้างกาย ดูเหมือนเขาจะต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับชิวเอ๋อร์เสียแล้ว
สิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณหนูสามแห่งตระกูลกู้ในสำนักศึกษาถูกใส่สีตีไข่และเผยแพร่ไปอย่างรวดเร็ว ประหนึ่งจรวดที่พุ่งไปรอบๆ นครหลวงตลอดจนทั่วทั้งรัฐเยี่ยอย่างฉับไว ชั่วขณะเดียวกู้ชูหน่วนก็กลายเป็นตัวตลกของรัฐเยี่ย
เวลาเดียวกันนั้น ในหอสุราแทบทุกแห่ง ในบ่อนการพนัน แม้กระทั่งในหอนางโลมและที่อื่นๆ ต่างก็พนันกันว่าใครในสำนักศึกษาวังหลวงจะได้เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศในการชุมนุมแข่งขันวิชาการ
และเกือบทุกแห่งต่างมีชื่อของกู้ชูหน่วน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่แปลให้อ่านนะคะ อ่านถึง 1174 แล้วรอตอนต่อไปอยู่ค่ะ...
ไม่อัพจบเหรอคะ...
เป็นนางเอกที่นิสัยแย่ที่สุดตั้งแต่เคยอ่านมา...
คือตัวเองไม่มีเงิน แต่คิดจะเอาทุกอย่างด้วยราคาสูงเสียดฟ้า แล้วก็หาคำพูดให้คนอื่นจ่ายแทน ตัวเองหาประโยชน์จากคนใกล้ตัวแต่กลับเอาใจให้คนอื่นตลอดเนี่ยนะ...
แม่นางกู้เกินเยียวยาแล้วเด้อ 555...
เยี่ยเฟิงเป็นคนดีมาก แต่เขาทนงตัวเกินไป ชีวิตที่ผู้อื่นฝ่าฟันเพื่อแย่งชิงลมหายใจเขาไว้ แต่เขาก็ดิ้นรนกลับไปหาความตายอยู่เรื่อย...
ท่านอาจารย์พูดให้คิดดีมากเลย แต่อาหน่วนจะเข้าใจไหม นางดูมั่นหน้า มั่นใจเกิตเหตุแบบไม่สนสี่สนแปดใดใดเลย...
อยากให้กลับมาอัพเดทไวๆนะคะ ขอบคุณมากค่ะ...
สรุปเรื่องนี้มีตอนจบมั้ยค่ะ...
รอตอนจบอยู่นะคะ ใจบางไม่ไหวแล้วทรมาน...