เยี่ยเฟิงปิดปากและไอเบา ๆ หน้าตาอันหล่อเหลาของเขาดูเก้อเขิน
เมื่อเห็นท่าทางของเขา กู้ชูหน่วนก็อยากจะเป็นลม
“ไม่ใช่ว่าเจ้าก็ไม่มีเงินนะ?"
"นี่......ต้องขอโทษด้วย ครอบครัวของข้ายากจนและไม่ค่อยมีเงิน"
กู้ชูหน่วนพูดไม่ออกอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
มีต้นหลิวอยู่ข้าง ๆ โรงเตี๊ยม
กู้ชูหน่วนและพวกเขาไม่ได้กินอาหารมาหลายวันหลายคืนแล้ว อีกทั้งยังเดินทางไกล ทั้งสามคนต่างเหนื่อยล้าและอ่อนแรง จึงหาก้อนหินสองสามก้อนเพื่อนั่งพักผ่อน
เดิมทีพวกเขาเพียงแค่ต้องการพักผ่อนสักครู่ แล้วค่อยคิดหาวิธีอื่นในการหาเงิน
แต่ไม่คิดว่าเมื่อผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาบนถนนเห็นพวกเขาทั้งสามคน ต่างก็พากันส่ายหัวและถอนหายใจ จากนั้นก็โยนเงินหนึ่งอีแปะสองอีแปะให้พวกเขา เพราะคิดว่าพวกเขาเป็นขอทาน
กู้ชูหน่วนและพวกเขาตกทุกข์ได้ยากอีกครั้ง
ฝูกวงยืนขึ้นและกล่าวอย่างเป็นกังวล "นายท่าน ข้าน้อยจะไปหาอะไรมาให้ท่านกิน"
เยี่ยเฟิงก็ยืนขึ้นเช่นกันและกล่าวอย่างเก้อเขิน "ข้าจะไปดูว่าพอจะมีอะไรที่จะทำได้บ้าง ต้องไปหาเงินมาเลี้ยงปากท้องก่อน"
ถูกผู้คนเข้าใจผิดว่าเป็นขอทาน หากยังปล่อยให้ผู้อื่นให้ทานพวกเขาอีก เรื่องเช่นนี้ พวกเขาไม่สามารถทำได้
กู้ชูหน่วนยื่นมือไปดึงพวกเขาไว้และไม่ให้พวกเขาไป จากนั้นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ไปหางานอะไร ไปหาอาหารอะไร นั่งลง ไม่เห็นหรือว่าผู้คนที่นี่มีน้ำใจต่อพวกเรามากแค่ไหน?"
ด้วยแรงที่ดึงไว้ พวกเขาทั้งสองคนจึงถูกดึงให้นั่งลง
"เคร้ง......"
หญิงชราผมหงอกคนหนึ่งโยนเงินลงตรงหน้าพวกเขาสามอีแปะและถอนหายใจ "อายุยังน้อยแต่ต้องขาเป๋ ช่างน่าสงสาร เอาไปซื้ออะไรกินเถอะ"
"ขอบคุณท่านยาย" กู้ชูหน่วนยิ้มอย่างอ่อนหวานและหยิบเงินสามอีแปะขึ้นมา
"เคร้ง......"
มีอีกคนหนึ่งโยนเงินมา เขาจ้องมองไปที่ฝูกวงและเยี่ยเฟิงอย่างดูถูกเหยียดหยาม
"ไม่ได้แขนขาขาด แต่มาเป็นขอทานที่นี่ ไม่ละอายใจบ้างหรือ ไม่เหมือนสาวน้อยผู้นี้ ที่นางขาเป๋ไปข้างหนึ่ง"
ฝูกวงและเยี่ยเฟิงงุ่นง่านไม่เป็นสุข
เยี่ยเฟิงใจเต้นแรง
ในบรรดาคนเหล่านี้ เขาจำได้เพียงไม่กี่คน พวกเขาล้วนแต่เป็นคนชั่วช้าสามานย์ และตั้งรกรากอยู่ที่หุบเขากลืนวิญญาณ
พวกเขามาที่นี่ได้อย่างไร?
เมื่อดูจากลักษณะท่าทางของพวกเขาแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมาหารือเพื่อวางแผนทำการใหญ่
ฝูกวงหน้าแดงและไม่กล้าที่จะขอทาน
กู้ชูหน่วนจับคางและหาวเป็นครั้งคราว นางเอียงหัวแล้วถามว่า "เจ้าว่า จะมีเรื่องใหญ่อะไรเกิดขึ้นที่เมืองชิงหงหรือไม่"
"น่าจะเป็นเช่นนั้น" ผู้คนที่เข้าไปในโรงเตี๊ยม ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีอำนาจมาก
หากไม่มีอะไรสำคัญ ยากที่คนธรรมดาทั่วไปจะเชิญพวกเขาทั้งหมดมาได้
"เช่นนั้นเจ้าว่า พวกเราเข้าไปเสริมทัพพวกเขาดีหรือไม่"
เยี่ยเฟิงเข้าใจในทันที สิ่งที่เรียกว่าเสริมทัพนั้นคือการเข้าไปประสมโรง เพื่อสร้างความวุ่นวาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่แปลให้อ่านนะคะ อ่านถึง 1174 แล้วรอตอนต่อไปอยู่ค่ะ...
ไม่อัพจบเหรอคะ...
เป็นนางเอกที่นิสัยแย่ที่สุดตั้งแต่เคยอ่านมา...
คือตัวเองไม่มีเงิน แต่คิดจะเอาทุกอย่างด้วยราคาสูงเสียดฟ้า แล้วก็หาคำพูดให้คนอื่นจ่ายแทน ตัวเองหาประโยชน์จากคนใกล้ตัวแต่กลับเอาใจให้คนอื่นตลอดเนี่ยนะ...
แม่นางกู้เกินเยียวยาแล้วเด้อ 555...
เยี่ยเฟิงเป็นคนดีมาก แต่เขาทนงตัวเกินไป ชีวิตที่ผู้อื่นฝ่าฟันเพื่อแย่งชิงลมหายใจเขาไว้ แต่เขาก็ดิ้นรนกลับไปหาความตายอยู่เรื่อย...
ท่านอาจารย์พูดให้คิดดีมากเลย แต่อาหน่วนจะเข้าใจไหม นางดูมั่นหน้า มั่นใจเกิตเหตุแบบไม่สนสี่สนแปดใดใดเลย...
อยากให้กลับมาอัพเดทไวๆนะคะ ขอบคุณมากค่ะ...
สรุปเรื่องนี้มีตอนจบมั้ยค่ะ...
รอตอนจบอยู่นะคะ ใจบางไม่ไหวแล้วทรมาน...