กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ นิยาย บท 450

และ......

ขาทั้งสองข้างของเยี่ยจิ่งหานหายดีตั้งแต่เมื่อไร?

ตอนที่เขายังพิการ เขาไม่สามารถเอาชนะได้ แต่ตอนนี้......

ผู้นำกองธงกล้วยไม้รู้สึกไร้ซึ่งความหวังและจ้องมองกู้ชูหน่วนที่ก้าวเข้ามาเรื่อยๆ จากนั้นจึงหลับตาลงเพื่อรอความตาย

เยี่ยจิ่งหานและน่าหลานหลิงลั่วก็คิดว่ากู้ชูหน่วนเพียงลงมืออีกครั้งหนึ่ง เช่นนั้นแล้วผู้นำกองธงกล้วยไม้จะต้องตายอย่างแน่นอน

แต่คาดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น

ร่างกายของกู้ชูหน่วนแข็งทื่อขึ้นทันทีและสีหน้าของนางก็ซีดขาวราวกับกระดาษ จากนั้นก็กระอักเลือดออกมาและร่างกายก็ปะทุเลือดออกมาเป็นกอง

รูม่านตาของเยี่ยจิ่งหานหดลงอย่างมาก จากนั้นเขาเคลื่อนไหวร่างกายอย่างรวดเร็วเพื่อเข้าไปโอบอุ้มกู้ชูหน่วนเอาไว้ในอ้อมแขน

"อาหน่วน......"

"แม่สาวอัปลักษณ์......"

ลมหายใจของนางค่อยๆ อ่อนลงและร่างกายของนางก็เย็นเฉียบ เลือดปะทุออกจากหู จมูกและปากและร่างกายของนาง เลือดนั้นพุ่งออกมาราวกับแม่น้ำไหลเชี่ยวกราก

เยี่ยจิ่งหายตื่นตระหนก ร่างกายของเขาสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้ เขากำบาดแผลเลือดออกของกู้ชูหน่วนไว้แน่น และกล่าวอย่างกังวลว่า "อาหน่วน เจ้าอย่าทำให้ข้าตกใจเช่นนี้ เจ้ามีสติเอาไว้นะ"

น่าหลานหลิงลั่วก็ใช้มือกดบริเวณที่เลือดออกของกู้ชูหน่วนเอาไว้แน่น แต่บาดแผลเยอะเหลือเกิน ไม่ว่าเขาจะปิดอย่างไรก็ไม่สามารถปิดได้ทั้งหมด

น่าหลานหลิงลั่วแย่งตัวกู้ชูหน่วนไป และต้องการจะวิ่งไปจากภูเขา

เยี่ยจิ่งหานตะโกนออกมาด้วยความโกรธ "ที่นี่อยู่ไกลจากเชิงเขามาก หากหามลงไปข้างล่างเชิงเขา นางคงเลือดไหลออกจากร่างกายจนหมดเสียก่อน"

"เช่นนั้นควรทำอย่างไรดี?"

"เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ข้าสั่งให้เจ้าปรากฏตัวขึ้นมาเดี๋ยวนี้ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์......"

ผู้นำกองธงกล้วยไม้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงคิดใช้โอกาสนี้เพื่อหลบหนีไป และเพื่อเป็นการรักษาชีวิตของเขาเอง

เยี่ยจิ่งหานและน่าหลานหลิงลั่วจะรู้ไม่รู้ตัวได้อย่างไร เพียงแต่ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาเป็นกังวลมากกว่าก็คือกู้ชูหน่วน เขาก็เป็นเพียงแค่ผู้นำกองธงกล้วยไม้เท่านั้น และยังสามารถฆ่ากำจัดทิ้งได้ในวันข้างหน้า

"ซู่......"

ไม่รู้ว่าเสียงของงูดังมาจากไหน ไม่นานสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ก็เข้ามาอย่างรวดเร็ว

เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง กลับเป็นงูยักษ์เก้าเศียรขนาดยาวกว่าหนึ่งร้อยเมตร

เยี่ยจิ่งหานพูดขึ้นอย่างเร่งรีบ "เร็วเข้า รีบพาพวกข้าลงจากภูเขาเพื่อไปหาหมอ"

"ซู่......"

หัวของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ส่ายไปมาเมื่อเห็นว่ากู้ชูหน่วนช่างน่าสงสารเช่นนี้ จากนั้นร่างกายของมันก็ตื่นตัวและอุ้มกู้ชูหน่วนและคนอื่นๆ ขึ้นไปบนหลัง

มันมองลงไปและกำลังจะจากไปแต่กลับพบเห็นอี้เฉินเฟยก็กำลังนอนจมกองเลือดอยู่ จากนั้นหางของงูก็สะบัดและจัดการอุ้มอี้เฉินเฟยขึ้นไปบนหลัง

ไกลออกไป ผู้อาวุโสจำนวนหนึ่งของเผ่าหยกได้เดินทางมาถึงและแต่ละคนก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป

"อาหน่วน......อาเฉิน......เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ เร็วเข้า นำพวกเขากลับไปยังหุบเขาเดี๋ยวนี้"

"พวกเจ้าต้องการทำอะไร?" เยี่ยจิ่งหานกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา แววตาที่ดูเยือกเย็นไม่แสดงความรู้สึกใดๆ

พัดเฟิงเสวียนกู่ของน่าหลานหลิงลั่วอยู่ในมือและกระโดดลงจากหลังงู "เจ้าพาแม่สาวอัปลักษณ์กลับไปรักษาก่อน ข้าจะคอยขัดขวางพวกเขาไว้"

"เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ลงเขาเดี๋ยวนี้" เยี่ยจิ่งหานกล่าว

"อาการบาดเจ็บของพวกเขา หมอที่อยู่ข้างล่างไม่มีทางรักษาให้หายได้ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ มัวชักช้าอะไร ยังไม่รีบกลับไปที่หุบเขาอีก"

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ส่ายหัวไปมา มองไปที่เยี่ยจิ่งหานและมองไปที่ผู้อาวุโสของเผ่าหยก และสุดท้ายมันก็สะบัดเยี่ยจิ่งหานออกไป จากนั้นทำการอุ้มผู้อาวุโสของเผ่าหยกขึ้นมาบนหลังแทนและเดินทางออกไปจากหุบเขาโลหิตหูหลูอย่างรวดเร็ว

เยี่ยจิ่งหานและน่าหลานหลิงลั่วมองหน้ากันและภายในใจก็คาดเดาถึงความสัมพันธ์ระหว่างเผ่าหยกและกู้ชูหน่วน

อาหน่วน......

อาเฉิน......

จากการเรียกของพวกเขาแล้ว พวกเขาคงเป็นคนที่รู้จักกันถึงจะถูก

เยี่ยจิ่งหานจับหน้าอกของเขาแน่นและพูดด้วยน้ำเสียงกัดฟันกรอด "ตามไป ไม่ว่าจะไกลสุดหล้าฟ้าเขียวเช่นใดก็ต้องพาพวกเขากลับมาให้ได้"

นางอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?

นางรู้สึกปวดหัวมาก เหตุใดหลังจากที่เยี่ยเฟิงตกหน้าผาสูง นางก็ทำอะไรไม่ได้เลย

"เอี๊ยด......"

ประตูใหญ่ถูกเปิดออก มีหญิงสาวคนหนึ่งถือสำรับอาหารผลักประตูเข้ามา เมื่อนางมองไปที่กู้ชูหน่วน รอยยิ้มที่จริงใจและดีใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง นางเดินเข้ามาใกล้กู้ชูหน่วน

"ท่านพี่หน่วน ในที่สุดท่านก็ฟื้นแล้ว มีตรงไหนรู้สึกไม่สบายหรือไม่ ข้าจะไปเรียกท่านผู้อาวุโสมา"

"ที่นี่คือที่ไหนและเจ้าเป็นใครกัน?" กู้ชูหน่วนจ้องมองนางด้วยความระมัดระวัง

ในความทรงจำของนาง ไม่มีความทรงจำใดๆ เกี่ยวกับนางเลย

"ข้าคืออินเอ๋อร์ ท่านจำข้าไม่ได้แล้วหรือ? ข้ามักคอยติดตามท่านตอนยังเป็นเด็ก"

หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าอายุราวสิบสามหรือสิบสี่ปี หน้าตาดีดวงตาเป็นประกายและริมฝีปากสีชมพู นางสวมชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนและถักเปียสองข้าง เมื่อนางยิ้มก็เผยให้เห็นลักยิ้มน้อยๆ สองข้าง นางดูสาวน้อยที่น่ารักแสนซนคนหนึ่ง

กู้ชูหน่วนค้นหาความทรงจำของนางก็ยังคงไม่มีความทรงจำใดๆ เกี่ยวกับนาง แต่รอยยิ้มที่แสนหวานและแววตาที่เปล่งประกายนี้กลับทำให้อดเกิดความชื่นชอบนางไม่ได้

"ท่านพี่หน่วน ท่านยังจำสิ่งนี้ได้อยู่หรือไม่? ท่านเป็นคนแกะสลักให้ข้าด้วยตัวเอง มันคือกระต่ายน้อยตัวหนึ่ง เพราะปีนักษัตรของข้าคือกระต่ายและข้าก็ชอบกระต่าย ในวันคล้ายวันเกิดของข้าเมื่อตอนอายุสิบขวบท่านก็มอบให้กับข้า ข้าพกติดตัวของข้ามาตลอดหลายปีเลยนะ" อินเอ๋อร์เขย่าจี้ที่คอของนางและยิ้มออกมาอย่างไร้เดียงสา

กู้ชูหน่วนหันไปมอง ดูเหมือนว่านางจะรู้จักกระต่ายตัวนี้ แต่กลับจำไม่ได้ แต่บนตัวของกระต่ายมีอักษรแกะสลักชื่อของอินเอ๋อร์

รอยอักษรที่ปรากฏนั้นใช่ลายมือของนางไม่ใช่หรือ?

นางชอบเขียนตัวอักษรหวัด อักษรแต่ละตัวมักกระโดดไปมาไม่เรียบร้อย คนอื่นมักดูไม่ออก

"ท่านพี่หน่วน ตรงนี้ยังมีอีกสองตัวอักษร ท่านบอกว่าอักษรสองตัวนี้คือชื่อของข้า แต่ผู้อาวุโสต่างก็ดูไม่ออก หลังจากนั้นข้าจึงบอกกับพวกเขาและผู้อาวุโสก็บอกว่า ท่านถูกข้าเซ้าซี้จนหมดหนทาง จึงได้แกะสลักอักษรสองตัวนี้ขึ้นมา ท่านผู้อาวุโสยังบอกอีกว่า อินเอ๋อร์นะอินเอ๋อร์ ยังต้องฝึกเขียนอีกเยอะ"

กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว

บกพร่องตรงไหนหรือ

เห็นได้ชัดว่าเขียนออกมาได้อย่างสวยงามแล้ว

หลังจากที่นางข้ามเวลามาถึงที่นี่ อย่าว่าแต่แกะสลักให้นางเลย แม้แต่นางเป็นใครนางก็ไม่รู้จัก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์