กู้ชูหน่วนถอดอานม้าออกทั้งหมด นางกระโดดขึ้นไปบนหลังม้าด้วยท่าทางที่คล่องแคล่วและสง่าผ่าเผย และดูไม่เหมือนคนที่ไม่เคยขี่ม้ามาก่อนกู้ชูหน่วนพูดกับตัวเองว่า "เห็นผู้อื่นขึ้นหลังม้าอย่างง่ายดาย แต่ทำไมข้าเกือบจะปีนขึ้นมาไม่ได้ โชคดีที่เจ้าค่อนข้างเตี้ย ไม่เช่นนั้นข้าคงจะตกลงไปอย่างแน่นอน"
ประโยคนี้ทำให้ทุกคนประหลาดใจ
แท้จริงแล้วนางขี่ม้าเป็นหรือไม่?
กู้ชูหน่วนหยิบคันธนูขึ้นมา และหยิบลูกธนูทั้งสิบออกมาลองดู แต่ลองอยู่หลายครั้งก็รู้สึกว่ายังไม่ถนัดมือ
ลูกธนูสิบดอกนั้นมากเกินไปสำหรับมือเล็ก ๆ ของนาง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนยิงเลย
ทุกคนมองอย่างใจหายใจคว่ำ แบบนี้จะยิงได้อย่างไร?
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือนางเอาอานม้าทำไม?
มีเพียงองค์หญิงตังตังและพระพันปีที่ดูดีอกดีใจ
"ดูเหมือนจะยิงไม่ค่อยถนัด เจ้าม้า เราต้องสู้ไปด้วยกัน"
ทันใดนั้นกู้ชูหน่วนก็ดึงเชือกม้า และขี่เจ้าม้าสีดำไปที่วงล้อไฟอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ราวกับว่าลูกธนูที่วิ่งผ่านวงล้อไฟไปทีละอัน ๆ ในชั่วพริบตา
ในเวลาเดียวกันกู้ชูหน่วนก็หยิบลูกธนูออกมาสิบดอก นางเล็งไปที่เป้า แล้วยิงไปที่เป้าอย่างแรง
ลูกธนูทั้งสิบโดนเป้า
ยิ่งกว่านั้น หลังจากที่โดนเป้า นางก็ยังคงวิ่งด้วยความเร็วคงที่ และขี่ม้าเจ้าม้าสีดำวิ่งต่อไปยังวงล้อไฟในรอบที่สองด้วยท่วงท่าเดียวกัน นางหยิบคันธนูและลูกธนูทั้งหมดก็พุ่งไปโดนเป้าอีกครั้ง
ฮ้า......
ผู้คนต่างสูดหายใจเข้าด้วยความตกใจ
เจ้าม้าสีดำตัวนี้ เป็นลูกม้าแรกเกิดที่ไม่กลัวเสือจริงหรือ?
วงล้อไฟมีไฟลุกไหม้ มันไม่กลัวหรือ?
และกู้ชูหน่วน เห็นได้ชัดว่ามือของนางเล็กมากเช่นนั้น ทำไมนางถึงถือลูกธนูทั้งสิบดอกได้ และยังยิงพร้อมกันในคราวเดียว แถมยังโดนเป้าทั้งหมด?
เมื่อมองไปที่กู้ชูหน่วนอีกครั้ง หนึ่งคนหนึ่งม้า ก็เข้าไปที่วงล้อไปอีกเป็นรอยที่สาม วงล้อไฟกำลังลุกไหม้ และแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเห็นท่าทางของนาง แต่รูปร่างหน้าตาที่องอาจของนาง ยังคงฝังลึกอยู่ในใจของทุกคน
สตรีที่งดงามผู้หนึ่งท่ามกลางเปลวไฟสีแดง ขี่เจ้าม้าสีดำข้ามวงล้อไฟไปทีละอันอย่างไม่เกรงกลัว จากนั้นก็ยิงลูกธนูทั้งสิบดอกพร้อมกัน และลูกธนูก็พุ่งตรงไปที่เป้า
นัยน์ตาสีขาวดำของนาง นอกจากจะมีเปลวไฟที่ลุกโชนและเป้าแล้ว ยังมีความเชื่อและความแน่วแน่
ในเวลานี้ทุกคนต่างเชื่อมั่นในตัวนาง
แม้แต่จักรพรรดิเยี่ยก็ยังหลงใหลในตัวนางอย่างไม่รู้ตัว
หลิ่วเย่ว์และอวี๋ฮุยกอดกันด้วยความตื่นเต้นดีใจ "เจ้าดูสิ พี่ใหญ่เก่งกาจมาก โอ้สวรรค์ นางเป็นเทพที่จุติลงมาหรือไม่ ทำไมถึงมีผู้ที่ยิ่งธนูได้แม่นยำขนาดนี้ ?"
"ข้าบอกแล้วว่าพี่ใหญ่ของเราไม่ใช่คนธรรมดา"
คนอื่น ๆ ที่มาร่วมงานเลี้ยงฉลอง ทั้งประหม่า ตื่นเต้น และชื่นชม "โอ้สวรรค์ พระชายาหานช่างเป็นเทพในตำนานเสียจริง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ชื่อของนางจะเป็นที่ร่ำลือไปทั่วทั้งใต้หล้า"
"แน่นอน มีสตรีเช่นนี้อยู่ด้วย ชีวิตย่อมไม่สั่นคลอน แต่น่าเสียดาย ไม่รู้ว่าท่านอัครเสนาบดีกู้คิดอย่างไร ถึงได้ตัดความสัมพันธ์กับบุตรสาวที่ดีเช่นนี้ หากพวกเขาไม่ตัดความสัมพันธ์กัน ความรุ่งโรจน์ของท่านอัครเสนาบดีกู้ก็คงอยู่ไปจนถึงร้อยปี"
"หากบุตรสาวของข้า เก่งกาจได้เช่นนางก็คงจะดี"
คำพูดเหล่านี้ทำให้อัครเสนาบดีกู้เจ็บปวดใจ และแทบไม่อยากจะมีชีวิตอยู่
เมื่อก่อนเขาเห็นกู้ชูหน่วนแล้วรู้สึกไม่เจริญตา แต่ในตอนนี้กลับเห็นกู้ชูอวิ๋นแล้วไม่สบอารมณ์
ในบรรดาบุตรสาวของเขา กู้ชูอวิ๋นเป็นความหวังของเขามากที่สุด กู้ชูอวิ๋นไม่มีอะไรโดดเด่น แม้ว่าเมื่อก่อนนางจะเป็นเลิศ แต่ในตอนนี้กู้ชูหน่วนเหนือกว่านางมากนัก
เขานึกเสียใจภายหลัง
นึกเสียใจที่ไม่ควรจะตัดความสัมพันธ์กับนาง
แต่เมื่อนึกถึงแม่ของนาง ท้องของเขาก็เต็มไปด้วยไฟ
ขวับ.....
การยิงธนูครั้งสุดท้าย ผู้คนต่างเงียบสงบ
บางคนอิจฉา บางคนริษยา บางคนชื่นชม และมองกู้ชูหน่วนด้วยสายตาที่แตกต่างกันออกไป
ไม่ไกล
เยี่ยจิ่งหานสวมชุดคลุมสีม่วง ทุกอย่างที่กู้ชูหน่วนทำ ล้วนแต่อยู่ในสายตาของเขา เดิมทีก็รักอย่างสุดหัวใจ และไม่รู้ว่ามันเติบโตจนหยั่งรากลึกเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ นอกจากกู้ชูหน่วนแล้ว ก็ยังเป็นกู้ชูหน่วน
เดิมทีเขาได้ยินมาว่าพระพันปีและคนอื่น ๆ กลั่นแกล้งนาง และเขามาที่นี่เพื่อจะสนับสนุนนาง
แต่นางไม่ต้องการการสนับสนุนจากเขา นางสามารถเอาตัวรอดได้ด้วยตนเอง
"หา...... แต่นางเป็นพระชายาหานไปแล้ว หากจะสู่ขอนาง จะเป็นการ....."
"เยี่ยจิ่งหานเก่งกาจมากใช่หรือไม่?พี่หญิงถูกเขาบีบบังคับให้แต่งงานกับเขา น้องชายภรรยาของข้ายอมรับข้าเป็นพี่เขยของเขาแล้ว"
"น้องชายภรรยา?"
นักฆ่าโลหิตสงสัย
ไม่เคยได้ยินเลยว่ากู้ชูหน่วนมีน้องชายด้วย
"วันหลังข้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จัก น้องชายภรรยาของข้ายอดเยี่ยมมาก พรุ่งนี้ก็จะได้พบเขาแล้ว ข้าคงต้องดื่มกับเขาสักจอก"
นักฆ่าโลหิตได้ยินแล้วก็ยังไม่เข้าใจ
แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมากนัก
หากนายท่านอยากบอกก็คงจะบอก ใครจะไปรู้ว่าเขากำลังพูดถึงอะไร
ในสวนวังหลวง
องค์หญิงตังตังแทบจะเป็นลม
เงื่อนไขยากเช่นนี้ นางได้อย่างไร?
นางเป็นเพียงหญิงธรรมดาจริง ๆ หรือ?
และเห็นได้ชัดว่าม้าตัวนั้นก็ผอมและยังเด็ก ทำไมมันถึงไม่กลัวไฟเลย?
ใบหน้าของพระพันปีไม่น่ามองมากนัก นางโกรธมากจนไม่อยากพูดอะไรแม้แต่คำเดียว
ขันทีตะโกนว่า "โดนเป้าทั้งหมด พระชายาหานชนะ"
กู้ชูหน่วนลูบหัวเจ้าม้าสีดำแล้วยิ้ม "ขอบคุณเจ้ามาก"
คนเหล่านั้นคิดว่าพวกเขาเป็นปรมาจารย์ม้า และกลับไม่รู้จักม้าเหงื่อโลหิตที่ดีมากขนาดนี้
หากนางดูไม่ผิด นี่น่าจะเป็นราชาแห่งราชาม้าเหงื่อโลหิต
เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมันยังไม่โตหรือไม่ ถึงได้ดำทั้งตัวจนขี้เหร่เช่นนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่แปลให้อ่านนะคะ อ่านถึง 1174 แล้วรอตอนต่อไปอยู่ค่ะ...
ไม่อัพจบเหรอคะ...
เป็นนางเอกที่นิสัยแย่ที่สุดตั้งแต่เคยอ่านมา...
คือตัวเองไม่มีเงิน แต่คิดจะเอาทุกอย่างด้วยราคาสูงเสียดฟ้า แล้วก็หาคำพูดให้คนอื่นจ่ายแทน ตัวเองหาประโยชน์จากคนใกล้ตัวแต่กลับเอาใจให้คนอื่นตลอดเนี่ยนะ...
แม่นางกู้เกินเยียวยาแล้วเด้อ 555...
เยี่ยเฟิงเป็นคนดีมาก แต่เขาทนงตัวเกินไป ชีวิตที่ผู้อื่นฝ่าฟันเพื่อแย่งชิงลมหายใจเขาไว้ แต่เขาก็ดิ้นรนกลับไปหาความตายอยู่เรื่อย...
ท่านอาจารย์พูดให้คิดดีมากเลย แต่อาหน่วนจะเข้าใจไหม นางดูมั่นหน้า มั่นใจเกิตเหตุแบบไม่สนสี่สนแปดใดใดเลย...
อยากให้กลับมาอัพเดทไวๆนะคะ ขอบคุณมากค่ะ...
สรุปเรื่องนี้มีตอนจบมั้ยค่ะ...
รอตอนจบอยู่นะคะ ใจบางไม่ไหวแล้วทรมาน...