พื้นดินสั่นสะเทือนเป็นหลุมลึกหลายหลุมอีกครั้ง ซึ่งแต่ละหลุมยังมีความลึกมากกว่าเกือบเท่าตัวคน
หลังคาของคานแกะสลักและเรือนจิตรกรรมฝาผนังที่อยู่ไกลออกไปก็ได้รับความเสียหาย และแม้แต่สิงโตยักษ์ที่ทางเข้าห้องโถงก็กลายเป็นฝุ่นผงภายใต้ฝ่ามือของพวกเขา
นี่เป็นการเรียนรู้จุดแข็งจุดอ่อนของศิลปะการต่อสู้หรือ?
เห็นได้ชัดว่านี่คือการไล่ล่าฆ่าฟันอย่างดุเดือดชัดๆ
ฮวาฉี่หลัวดึงแขนเสื้อของไป๋จิ่นและเอามือเท้าคางพูดออกมาว่า "ท่านพี่ไป๋จิ่น ท่านคิดว่าท่านพี่กู้ดีกับเผ่าเพลิงฟ้ามากกว่า หรือว่าดีกับเผ่าหยกมากกว่าหรือ?"
ไป๋จิ่นไม่พูดอะไร แต่สายตาเมื่อมองไปยังเผ่าเพลิงฟ้านั้นกลับเป็นสายตาที่ไม่เป็นมิตรและไม่หวังดี
แต่สายตาที่ไม่เป็นมิตรนั้นได้หายไปอย่างรวดเร็ว เร็วจนแทบไม่ทันได้ตั้งตัว
น้ำเสียงของนางราบเรียบ ราวกับไม่ได้มีความสนใจอะไร "ไม่ต้องยุ่งเรื่องไร้สาระนี้หรอก"
"......"
ไป๋จิ่นกลอกตาใส่ฮวาฉี่หลัว
นางแทบอดไม่ได้ที่อยากให้ทุกคนได้รับรู้ความสัมพันธ์ของกู้ชูหน่วนและพวกนางเช่นนั้นเลยหรือ?
สีชิ่นหยิบกระจกเล็กๆ ขึ้นมาอย่างเกียจคร้านและมองดูการแต่งหน้าอันละเอียดอ่อนบนใบหน้าของนาง ท่าทางของนางเต็มไปด้วยเสน่ห์อันเป็นธรรมชาติ นางยิ้มและกล่าวว่า "ท่านผู้นำหุบเขาน่าหลาน งานการชุมนุมแบ่งปันยาอายุวัฒนะของหุบเขาตันหุยช่างสนุกสนานครึกครื้นยิ่งนัก ไม่เพียงแค่ได้รับชมวิธีการปรุงยาเล่นแร่แปรธาตุของเหล่านักปรุงยาเท่านั้น แถมยังได้รับชมศิลปะการต่อสู้ของผู้มีฝีมือสูงส่งที่หาตัวจับยากอีกด้วย"
ผู้นำแห่งหุบเขาน่าหลานยิ้มอย่างอับอายและพูดไม่ออก
เขาหวังเพียงแค่ให้คนเหล่านี้ประนีประนอมให้กันบ้างเท่านั้น และอย่างได้ทำให้หุบเขาตันหุยของพวกเขาถล่มทลายลงก็พอแล้ว
ทุกคนต่างพากันมองไปที่เหล่านักปรุงยาทั้งหลายที่กำลังทำการกลั่นยา จากนั้นมองไปที่เยี่ยจิ่งหานและจอมมารที่กำลังต่อสู้อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ และมองไปที่เผ่าเพลิงฟ้าและเผ่าหยก พวกเขารู้สึกตาลายอย่างมาก
ทั้งสามแห่งนี้ ไม่ว่าแห่งใดก็ล้วนต่างสะดุดตา และไม่สามารถพบเห็นได้ในวันปกติทั่วไป พวกเขาอดไม่ได้ที่จะจดจ่อกับทุกสิ่งตลอดเวลาและไม่ยอมพลาดแม้แต่นิดเดียว
เพียงแต่การต่อสู้ของยอดฝีมือที่สูงส่งนั้นรวดเร็วเหลือเกิน เร็วจนมองไม่เห็นว่าคนเหล่านี้เคลื่อนไหวอย่างไร
"ตู้มๆๆ......"
หลังจากเสียงที่ดึงกึกก้องนี้ พระตำหนักแห่งหนึ่งก็ถล่มพังทลายลงมา หัวใจของผู้นำแห่งหุบเขาเจ็บปวดอย่างมาก
เขากลัวว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อคนอื่น ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงออกคำสั่ง "เปิดการทำงานของค่ายกลอาคมแยกตัว"
ค่ายกลอาคมแยกตัวนี้ตั้งอยู่ตรงกลางสนามต่อสู้เพื่อป้องกันการทำลายล้างที่จะกระทบไปยังบริเวณอื่น
พลังภายนอกตาข่ายป้องกันจะไม่กระทบไปยังผู้คนภายในตาข่ายป้องกัน
และนี่ก็เป็นหนึ่งในค่ายกลชั้นสูงของหุบเขาตันหุยของพวกเขา โดยปกติแล้วหากไม่ถึงขั้นวิกฤติร้ายแรงของหุบเขาตุนหุยละก็ จะมีการใช้งานน้อยอย่างมาก
หุบเขาตันหุยไม่ได้ใช้งานสิ่งนี้มาเป็นเวลากว่าร้อยปีแล้ว
และการเปิดการใช้งานในครั้งนี้นั้น เป็นเพราะเกรงว่าแขกผู้มีเกียรติที่เขาเชิญมานั้นจะต่อสู้กันอย่างดุเดือดเกินไป และส่งผลกระทบถึงผู้คนที่อยู่ที่นี่
เมื่อพูดไปแล้วก็เป็นเรื่องน่าตลกขบขันเหลือเกิน
ลูกศิษย์ของหุบเขาตันหุยรับคำสั่งไปปฏิบัติและเปิดการใช้งานค่ายกล โดยจัดตั้งตาข่ายป้องกันโปร่งใสไว้ตรงกลางสนามการต่อสู้
ขณะที่กำลังเปิดการทำงานตาข่ายโปร่งใสนั้น ลูกไฟขนาดใหญ่ก็กระแทกลงมาอย่างแรง
ลูกไฟมีขนาดใหญ่มากประมาณหนึ่งเมตร และมีพลังแห่งสายฟ้าอยู่ในนั้น
ทุกคนต่างพากันตกใจกลัว
ลูกไฟนี้มีพลังการสังหารที่อัดแน่นและดุร้ายอย่างมาก หากถูกโยนเข้าใส่ละก็ เกรงว่าชีวิตนี้ก็อาจจบสิ้นลง
มีบางคนที่หวาดกลัวรีบลุกขึ้นและพากันหาที่หลบซ่อน
สถานการณ์ตอนนี้วุ่นวายไปหมด
แม้แต่ฮวาฉี่หลัวก็ตื่นตระหนกเช่นกัน
"โห พลังการทำลายล้างช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน ท่านพี่ไป๋จิ่น ฝีมือการต่อสู้ของคนนี้ไม่ด้อยไปกว่าท่านเลย"
ท่ามกลางความหวาดกลัว โชคดีที่เปิดการทำงานของค่ายกลแยกตัว เช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าลูกไฟนั่นจะฆ่าคนไปมากเพียงใด
"ตู้มๆ.......ปังๆ......"
มีลูกไฟจำนวนมากถูกโยนออกมาอีกครั้ง
หัวใจของทุกคนสั่นสะท้าน
มีบางคนพูดขึ้นมาด้วยเสียงสั่นคลอน "ท่านผู้นำแห่งหุบเขาน่าหลาน ค่ายกลนี้มีความมั่นคงหรือไม่?"
"ข้าชื่อเฉินเชา"
เฉินเชาหรือ?
นางจำได้แล้ว
คนหนุ่มคนนี้ถึงแม้ว่าจะมีหน้าตาธรรมดาไม่โดดเด่นอะไร แต่จิตใจของเขาไม่ธรรมดาเลย อย่างน้อยก็ไม่เหมือนคนอื่นที่มองนางด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม
กู้ชูหน่วนพูดว่า "ถึงแม้ว่าดอกไม้จีนจะเป็นดอกไม้ที่ไร้ค่า แต่หากมันผสมผสานเข้ากับกล้วยไม้ดินละก็ เช่นนั้นก็จะสามารถทำให้คุณสมบัติของยาเป็นกลางและก่อให้เกิดการก่อตัวของเม็ดยา และขจัดสิ่งสกปรกทั้งหมดในเม็ดยาออกไปได้"
เฉินเชาตกตะลึง
นางกำลังพูดกับเขาหรือ?
นักปรุงยาอยู่ยืนอยู่รอบข้างต่างพากันหัวเราะดังกังวาน และคิดเพียงว่ากู้ชูหน่วนทั้งซื่อบื้อและน่าขบขันเหลือเกิน
อะไรคือการทำให้คุณบัติของยาเป็นกลางแถมยังขจัดสิ่งสกปรกออกไป?
พวกเขาทำการกลั่นยามานานหลายปี เหตุใดถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน?
ผู้หญิงคนนี้ไม่เข้าใจแล้วยังแสร้งทำเป็นเข้าใจ
เฉินเชาไม่คิดเช่นนั้น เพียงแค่คิดว่านางพูดตลกขบขันเท่านั้น
"แม่นาง เมื่อสักครู่ข้าเห็นเจ้าหยิบ......เอ่อ......สมุนไพรจำนวนมากออกมาจากวงแหวนอวกาศ อันที่จริงแล้วในนั้นเกือบจะทั้งหมดล้วนเป็นหญ้าวัชพืช และมันไม่ใช่สมุนไพรเลยสักนิด หากเจ้าต้องการศึกษาเรียนรู้การกลั่นยา และหากเจ้าไม่รังเกียจในคุณสมบัติอันน้อยนิดของข้าละก็ เช่นนั้นข้าสามารถสอนเจ้าได้บ้างเล็กน้อย"
กู้ชูหน่วนกลอกตาขาว
อีกคนหนึ่งแล้ว
คนเหล่านี้ สมุนไพรที่พวกเขาไม่รู้จักก็เหมารวมว่าเป็นหญ้าวัชพืชหรือ?
นางทำการกลั่นปรุงยาและพูดพลาง "ขอบคุณนะ เจ้ากลั่นยาของเจ้าให้ดีเถอะ ข้าไม่รบกวนเจ้าหรอก"
จางอวี่เหลือบมองกู้ชูหน่วนด้วยสายตาดูถูก และพูดตักเตือนเฉินเชา "ช่างเถอะ เจ้าจะพูดกับนางมากมายไปทำไม นางไม่ได้เข้าใจวิธีการกลั่นยาเสียหน่อย"
"เอ่อ......ก็ได้ ประเดี๋ยวหากยาอายุวัฒนะของข้าสำเร็จเสร็จขึ้นมา ข้าจะมอบให้นางหนึ่งเม็ด เพื่อไม่ให้นางเสียใจ"
"เจ้าเป็นห่วงตัวเองจะดีเสียกว่า ลองคิดดูหากชนะละก็ เช่นนั้นเราก็สามารถเข้าไปยังเขตหวงห้ามได้ ได้ยินมาว่าหากได้เข้าไปยังเขตหวงห้ามก็จะได้เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งระดับสูง และยังได้เรียนรู้วิธีการกลั่นยาระดับสูงอีกด้วย"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่แปลให้อ่านนะคะ อ่านถึง 1174 แล้วรอตอนต่อไปอยู่ค่ะ...
ไม่อัพจบเหรอคะ...
เป็นนางเอกที่นิสัยแย่ที่สุดตั้งแต่เคยอ่านมา...
คือตัวเองไม่มีเงิน แต่คิดจะเอาทุกอย่างด้วยราคาสูงเสียดฟ้า แล้วก็หาคำพูดให้คนอื่นจ่ายแทน ตัวเองหาประโยชน์จากคนใกล้ตัวแต่กลับเอาใจให้คนอื่นตลอดเนี่ยนะ...
แม่นางกู้เกินเยียวยาแล้วเด้อ 555...
เยี่ยเฟิงเป็นคนดีมาก แต่เขาทนงตัวเกินไป ชีวิตที่ผู้อื่นฝ่าฟันเพื่อแย่งชิงลมหายใจเขาไว้ แต่เขาก็ดิ้นรนกลับไปหาความตายอยู่เรื่อย...
ท่านอาจารย์พูดให้คิดดีมากเลย แต่อาหน่วนจะเข้าใจไหม นางดูมั่นหน้า มั่นใจเกิตเหตุแบบไม่สนสี่สนแปดใดใดเลย...
อยากให้กลับมาอัพเดทไวๆนะคะ ขอบคุณมากค่ะ...
สรุปเรื่องนี้มีตอนจบมั้ยค่ะ...
รอตอนจบอยู่นะคะ ใจบางไม่ไหวแล้วทรมาน...