“เจ้าช่างบ้าเหลือเกินแม่สาวน้อย”
“ก็พอได้ๆ”
“ฝ่าบาท คุณหนูสามแห่งตระกูลกู้มาเพื่อก่อความวุ่นวายโดยแท้ กระหม่อมขอให้พระองค์ทรงตัดสิทธิ์นางออกจากการแข่งขันโดยเร็วเถิดพ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีผู้หนึ่งทัดทาน
“อ้ายชิงก็พูดเกินไป ข้ามองเห็นความเชื่อมั่นในตัวเองของคุณหนูสามตระกูลกู้ คิดว่านางน่าจะมีวิธีเอาชนะผู้มากฝีมือทั้งหลายอยู่หรอก ตอนนี้ยังเร็วเกินไป ให้นางลองดูเสียหน่อยก็ไม่เสียหาย”
ใครที่มีสายตาในการแยกแยะเสียหน่อยย่อมฟังออก
องค์จักรพรรดิจงใจจะทำให้คุณหนูสามตระกูลกู้ขายหน้า ดังนั้นนอกจากจะไม่ห้าม พระองค์ยังส่งเสริมอีกด้วย ดูเหมือนจักรพรรดิไม่คิดจะให้เกียรติเทพแห่งสงครามมาตั้งแต่แรก
กู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะและบิดขี้เกียจ “เช่นนั้นพวกท่านรวมกันมาทีเดียวเลย จะได้ไม่เสียเวลาข้า คว้าที่หนึ่งมาได้เร็วขึ้นสักหน่อยก็ยังดี ข้าจะได้กลับไปนอนให้เต็มอิ่มเสียที”
เจ๋ออ๋องตำหนิอย่างดูถูกว่า “ช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ”
“เฮอะ ถ้าท่านเก่งกาจขนาดนั้น ไหนลองบอกข้าทีสิว่าฟ้าสูงแค่ไหน แผ่นดินต่ำเท่าไร”
“เจ้า...”
“ถ้าไม่รู้ก็หุบปากไปซะ อย่าคิดว่าท่านเป็นอ๋องแล้วจะสูงส่งอะไรนักหนา ดูถูกคนอื่นจนด้อยค่าตัวเองเสียอย่างนั้น”
“ฝ่าบาท กู้ชูหน่วนพูดจาหยาบคาย กระหม่อมขอฝ่าบาทโปรดลงโทษนางด้วยพ่ะย่ะค่ะ” เจ๋ออ๋องกำหมัดแน่น เปลวไฟลุกโชนอยู่ในใจของเขา
จักรพรรดิเยี่ยจะปล่อยกู้ชูหน่วนไปได้อย่างไร นี่เป็นโอกาสเหมาะมากที่พระองค์จะสร้างความอับอายให้แก่เทพแห่งสงคราม
พระองค์แสร้งทำเป็นจริงจังและตรัสอย่างดุดันว่า “คุณหนูสามตระกูลกู้ นี่คือการชุมนุมแข่งขันวิชาการ โปรดระมัดระวังถ้อยคำด้วย”
“เอาละ ข้าจะระวัง อย่างไรเสียในสายตาของข้า เจ๋ออ๋องก็ไม่ได้เป็นอะไรที่ดีไปกว่าฝุ่นผงอยู่แล้ว”
บรรยากาศเย็นยะเยือกขึ้นมาในทันใด ดวงตาของเจ๋ออ๋องมีไฟลุกโชนและดูเหมือนจะปะทุได้ทุกเมื่อ
หม่ากงกงเห็นว่าบรรยากาศไม่ดี จึงรีบเอ่ยขึ้นว่า “การแข่งรอบแรกคือการวาดภาพ โดยมีเวลาหนึ่งก้านธูป ขอตัวแทนทุกคนโปรดนั่งประจำที่”
กู้ชูหน่วนนั่งลง นางมองพู่กัน หมึก กระดาษและจานฝนหมึกบนโต๊ะ ทันใดนั้นมุมปากก็โค้งงอขึ้นเล็กน้อย
“เจ๋ออ๋อง ท่านบอกว่าท่านมีความสามารถเป็นอันดับหนึ่งในรัฐเยี่ย ถ้าเกิดแพ้ให้คนหัวขี้เลื่อยอย่างข้าขึ้นมา ไม่รู้ว่าทุกคนในรัฐเยี่ยจะรู้สึกอย่างไรเนอะ”
เจ๋ออ๋องหัวเราะเยาะ “ข้าน่ะหรือจะแพ้ให้เจ้า ช่างน่าขันยิ่งนัก”
อี้เฉินเฟยถือจอกไว้ในมือข้างหนึ่ง ใบหน้าที่สง่างามของเขาเยียบเย็นขึ้นเล็กน้อย “สตรีในโลกหล้าส่วนใหญ่ล้วนมีจริตจะก้านแสร้งทำเป็นอ่อนหวาน แต่ข้ารู้สึกว่าคุณหนูสามตระกูลกู้ซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา แสดงซึ่งนิสัยที่แท้จริง ใต้เท้าสวี่ล่ะ ท่านคิดเห็นเป็นอย่างไร”
เขากำลังยิ้ม ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับแฝงไปด้วยการเตือน
ทูตจากรัฐหวาผงะ
อี้เฉินเฟยหมายความว่าอย่างไร เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขากำลังปกป้องแม่สาวอวดดีผู้นั้น
เขาเดาไม่ออกเลยว่าอี้เฉินเฟยหมายความว่าอย่างไร แต่อี้เฉินเฟยเป็นที่รู้จักในฐานะเซียนกวีอันดับหนึ่งในใต้หล้า ทั้งยังเป็นนักปราชญ์ผู้มีชื่อเสียง แม้แต่จักรพรรดิจากรัฐต่างๆ ยังต้องยอมให้เขา เช่นนี้แล้วเขาจะทำให้อี้เฉินเฟยผิดใจง่ายๆ ได้อย่างไร
ดังนั้นจึงฝืนตอบไปว่า “ใช่ๆๆ ที่คุณชายอี้พูดมาก็ถูก”
จักรพรรดิเยี่ยรู้สึกเบิกบานพระทัยราวกับเห็นภาพกู้ชูหน่วนเปลือยกายวิ่งอยู่ตรงหน้า
ซั่งกวนฉู่ยกชาขึ้นจิบอย่างสบายใจ ดูเหมือนเขาจะไม่ได้สนใจการเดิมพันระหว่างกู้ชูหน่วนและเจ๋ออ๋องเลยแม้แต่น้อย
ตรงกันข้ามกับอาจารย์สวีที่ยกมือขึ้นทุบหน้าอกและตำหนิไปว่า “ต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาทและคณะทูต คุณหนูสามพูดจาโอ้อวดออกไปแบบนั้นได้อย่างไร ถ้าเกิดแพ้ขึ้นมาล่ะจะทำอย่างไร”
**อ้ายชิง คือคำที่จักรพรรดิใช้เรียกเสนาบดีคนสนิท
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่แปลให้อ่านนะคะ อ่านถึง 1174 แล้วรอตอนต่อไปอยู่ค่ะ...
ไม่อัพจบเหรอคะ...
เป็นนางเอกที่นิสัยแย่ที่สุดตั้งแต่เคยอ่านมา...
คือตัวเองไม่มีเงิน แต่คิดจะเอาทุกอย่างด้วยราคาสูงเสียดฟ้า แล้วก็หาคำพูดให้คนอื่นจ่ายแทน ตัวเองหาประโยชน์จากคนใกล้ตัวแต่กลับเอาใจให้คนอื่นตลอดเนี่ยนะ...
แม่นางกู้เกินเยียวยาแล้วเด้อ 555...
เยี่ยเฟิงเป็นคนดีมาก แต่เขาทนงตัวเกินไป ชีวิตที่ผู้อื่นฝ่าฟันเพื่อแย่งชิงลมหายใจเขาไว้ แต่เขาก็ดิ้นรนกลับไปหาความตายอยู่เรื่อย...
ท่านอาจารย์พูดให้คิดดีมากเลย แต่อาหน่วนจะเข้าใจไหม นางดูมั่นหน้า มั่นใจเกิตเหตุแบบไม่สนสี่สนแปดใดใดเลย...
อยากให้กลับมาอัพเดทไวๆนะคะ ขอบคุณมากค่ะ...
สรุปเรื่องนี้มีตอนจบมั้ยค่ะ...
รอตอนจบอยู่นะคะ ใจบางไม่ไหวแล้วทรมาน...