กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ นิยาย บท 998

เมื่อเงยหน้ามองดู ชายที่อยู่ข้างหน้ามีผมสีหมึกปลิวไสว จิตวิญญาณของเขากำลังโบยบิน และร่างกายของเขาเปล่งรัศมีของกษัตริย์ผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง

เขาสวมหน้ากากผี ทำให้มองไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริง ทว่าร่างกายอันกำยำนั้นทำให้ผู้คนต่างไม่กล้าจ้องมอง

เขาโก่งคันธนูและดึงลูกธนู และลูกธนูก็ยิงออกไปราวกับจรวดหลายสิบลูก ลูกธนูเจาะเข้าที่หัวใจของผู้ถูกเวทมนตร์ปีศาจสะกดจิต ทำให้เกิดไฟขนาดใหญ่และเผาคนที่ถูกสะกดจิตที่อยู่รอบๆ พร้อมกัน ซึ่งเห็นแล้วน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก

เพียงแต่.....

กู้ชูหน่วนมองลงมา

ปัดโธ่......

ผ่านไปสามเดือนแล้ว เหตุใดขาของเขายังเป็นเช่นนี้

ถึงตอนนี้แล้วเขายังนั่งอยู่บนรถเข็นอยู่อีก

ปัดโธ่

เมื่อกระทิงเก้าเขาได้ยินคำพูดของเยี่ยจิ่งหานก็รู้สึกโมโห

"ปัดโธ่....ข้าเชี่ยวชาญด้านการจู่โจมด้วยไฟนี่นา ถูกพวกเขาจัดการจนเบลอไปแล้ว ข้าเกือบลืมไปแล้วว่าสามารถใช้วิชาโจมตีด้วยไฟได้ มากันเถอะ มาแผดเผาพวกเขาให้สิ้นซากกัน"

"วู่บ....."

เสียงคำรามดังขึ้น จากนั้นไฟในปากของกระทิงเก้าเขาก็พ่นออกไปสู่ผู้คนที่ถูกเวทมนตร์ปีศาจสะกด

กระทิงตัวอื่นๆ ต่างพากันพ่นไฟออกมาและอดไม่ได้อยากพ่นเผาเหล่าผู้คนที่ถูกเวทมนตร์ชั่วร้ายสะกดให้สิ้นซาก

คนอื่นที่เห็นเหตุการณ์ต่างพากันยกคบเพลิงไปจุดไฟและใช้ไฟขับไล่พวกเขาและใช้โอกาสนี้เผาทำลายพวกเขา

ท่านอ๋องเสวี่ยทนไม่ได้

รองหัวหน้าเผ่าที่อยู่ข้างๆ กล่าวว่า "ประชาชนเหล่านี้ไม่มีลมหายใจแล้ว ต่อให้เผาไหม้พวกเขาไม่ได้ก็ไม่มีทางช่วยชีวิตพวกเขาได้อีก ท่านอ๋องเสวี่ย ทำใจเสียเถอะ"

"เผาไปเลย จำไว้ว่าเผาให้มอดไหม้และอย่าให้หมดเหลือ"

"เข้าใจแล้วขอรับ เราจะไม่มีทางปล่อยให้เหลือไว้แม้แต่คนเดียว"

มีกระแสลมอันเกรี้ยวกราดพัดเข้ามา ทำให้รอยมือเปื้อนเลือดที่ปกคลุมร่างกายของกู้ชูหน่วนอยู่มลายหายไป

กู้ชูหน่วนถอนหายใจ

"เหตุใดเจ้าถึงมาช้าเช่นนี้"

"สถานการณ์ในเมืองหลวงวุ่นวายโกลาหลอย่างมาก ข้ามาถึงทันเวลาก็ถือว่าดีมากแล้ว"

"เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ เจ้าเสือน้อยและอาม่อล่ะ เหตุใดถึงไม่เห็นพวกเขาเลย?"

"พวกเขารับผิดชอบไปยังเมืองที่ประชาชนถูกเวทมนตร์ปีศาจสะกด"

"เร็วเข้า ไปช่วยเสี่ยวหูเตี๋ยเร็วเข้า"

เยี่ยจิ่งหานวางมือทั้งสองยังที่พักแขนของรถเข็นโดยไม่เข้าไปช่วยเหวินเส่าอี๋

"เหตุใดถึงไม่ไปช่วยล่ะ?"

กู้ชูหน่วนกระทืบเท้า

ก่อนหน้านี้ก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะร่วมมือกันกำจัดจักรพรรดินีตัวปลอม จากนั้นเขาและเหวินเส่าอี๋ค่อยมาคิดบัญชีกันภายหลัง

"อั่ก....."

ร่างกายของเหวินเส่าอี๋ระเบิดออกมาเป็นรูเลือดติดต่อกัน

ชุดเจ้าบ่าวสีแดงเต็มไปด้วยเลือดสีแดงฉาด

"เสี่ยวหูเตี๋ย"

"ควับ......"

"ตึ่ก......"

กู้ชูหน่วนถูกเกราะโปร่งแสงดีดจนกระเด็นและเกือบทำให้นางต้องหมดสติ

มหาเวทชั่วร้ายทำงานขึ้นอีกครั้ง

ครั้งนี้ฮวาอิ่งคว้าไปที่ลำคอของเหวินเส่าอี๋เอาไว้

"ช่างน่าเสียดาย ผิวพรรณดีเช่นนี้ วางใจได้ ข้าเพียงแค่ดูดกลืนวรยุทธ์ของเจ้าเท่านั้นและยังไม่ฆ่าเจ้าในตอนนี้"

กู้ชูหน่วนกระแทกเข้าไปอย่างแรงหลายครั้ง เพราะกลัวว่าหากช้าไปกว่านี้จะทำให้วรยุทธ์ในร่างกายของเหวินเส่าอี๋ถูกดูดไปจนหมด

"เจ้ามัวทำอะไรอยู่ รีบช่วยเร็วเข้า"

เยี่ยจิ่งหานกล่าว "นี่คือเกราะปกคลุมท้องฟ้าที่แข็งแกร่ง นอกจากว่าวรยุทธ์ของเจ้าแข็งแกร่งกว่านาง ไม่เช่นนั้นเจ้าไม่มีทางทำอะไรเกราะนี้ได้อย่างแน่นอน"

"หากเจ้าไม่ช่วยและรอให้นางดูดวรยุทธ์ของเสี่ยวหูเตี๋ยไปจนหมด ถึงตอนนั้นเราก็ยากที่จะจัดการกับนางแล้ว"

"เช่นนั้นเจ้าก็ชนเกราะนี้ให้ทะลุเสียก่อน"

ปัดโธ่.....

เมื่อสักครู่เพิ่งบอกเองไม่ใช่หรือว่าต้องมีวรยุทธ์ที่แข็งแกร่งกว่าจักรพรรดินีตัวปลอม ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางทำลายได้

กู้ชูหน่วนกระแทกพุ่งชนครั้งแล้วครั้งเล่าจนร่างกายเจ็บช้ำและมีเลือดไหลออกมา ทว่านางกลับไม่ยอมแพ้และคิดหาวิธีต่างๆ นานาเพื่อจะทำลายเกราะปกคลุมท้องฟ้านี้ให้ได้

รองหัวหน้าเผ่าพยายามรวบรวมวรยุทธ์ทั้งหมดที่มีและกระแทกเข้าไปอย่างแรง ทว่ากลับทำอะไรไม่ได้ วรยุทธ์ที่เขาฟื้นฟูมาได้อย่างยากลำบากก็ลดลงจากการชนกระแทกนี้ และเสมือนว่ากระดูกตามร่างกายจะกระแทกจนเกือบหลุดออกมา

แม้ว่าเหวินเส่าอี๋จะตกอยู่ในอันตราย ทว่าเยี่ยจิ่งหานกลับไม่มีท่าทีจะเข้าไปช่วยเหลือเลยสักนิด

เมื่อนึกถึงความดีหลายสิ่งหลายอย่างของเหวินเส่าอี๋และรวมถึงที่เขาคอยช่วยชีวิตนางนับครั้งไม่ถ้วน ทำให้แววตาของกู้ชูหน่วนแดงก่ำและพลังอันเดือดพล่านก็ปะทุออกมาจากร่างกายของนาง

ทำให้นางระเบิดความโกรธออกมา

"มู่หน่วน เจ้าตายแน่"

"อ้อ เลือดออกแล้ว ข้าก็คิดว่าคนที่มีวรยุทธ์ระดับเจ็ดจะไม่มีทางมีเลือดออก เพราะอยู่ในจุดสูงสุดแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าก็ไม่ต่างอะไรเท่าไรนัก"

"นี่....หากข้าเป็นเจ้าล่ะก็ ข้าจะไม่ขยับไปไหน อาวุธลับนี้มีพิษ อีกทั้งยังเป็นพิษที่เอาไว้จัดการกับยอดฝีมือโดยเฉพาะเสียด้วย ยิ่งเจ้าขยับตัวมากเท่าไร พิษนี้ก็จะแพร่กระจายเร็วขึ้นเท่านั้น"

"เจ้าคิดว่าข้าจะกลัวอย่างนั้นหรือ?"

เลือดที่แขนนั้นทำให้ฮวาอิ่งรู้สึกหงุดหงิดอารมณ์

ทำให้นางฆ่าคนไม่เลือกหน้า

แต่ละกระบวนท่าโหดเหี้ยมมากขึ้นเรื่อยๆ

ก่อนหน้านี้เหวินเส่าอี๋และเยี่ยจิ่งหานยังพอได้เปรียบอยู่บ้าง

แต่ตอนนี้พวกเขาและรวมถึงกู้ชูหน่วนก็ไม่สามารถจัดการนางได้

"ระวัง มีอาวุธลับ" กู้ชูหน่วนกล่าวเตือนขณะที่ดึงอาวุธลับ

ฮวาอิ่งระวัง ทว่ากลับไม่มีอาวุธลับ

"ระวัง เจ้าจะปล่อยอาวุธลับอีกแล้วหรือ"

ฮวาอิ่งระวังตัว ทว่ากลับไม่มีอาวุธลับใดๆ

เป็นเช่นนี้อยู่หลายครั้ง จนกู้ชูหน่วนหัวเราะขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

"เจ้าช่างโง่เขลาเสียจริง ข้าโกหกเจ้า เจ้าก็ยังเชื่ออีก ฮ่าๆๆ......"

ฮวาอิ่งหรี่ตาลงและดูเหมือนจะตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง

"ระวัง อาวุธลับของข้ามาแล้ว"

ครั้งนี้ฮวาอิ่งไม่เชื่ออีกต่อไป ทว่าอาวุธลับกลับออกมาอย่างต่อเนื่อง

หากเป็นอาวุธลับจริงๆ ก็ว่าไปอย่าง ทว่าอาวุธลับนี้กลับแยกย้ายโดยอัตโนมัติ และพ่นกลิ่นเหม็นเน่าไปตามร่างกายของฮวาอิ่ง

กลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้งตลบอบอวล

ฮวาอิ่งเบิกตากว้างและแทบไม่อยากเชื่อว่ามีสิ่งสกปรกแปดเปื้อนเต็มชุดมังกรของตัวเอง

แท้จริงแล้ว.....

แท้จริงแล้วคือมูลสัตว์

สมควรตายเสียจริง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์