แผนตื้นๆ ของคนสองคนดูเหมือนจะเป็นผล เพราะนอกจากบิดาของเธอแล้ว แม้แต่คุณกฤษณะก็ไม่เข้ามาวุ่นวายให้ม่านฟ้าต้องอึดอัดใจ งานที่ครึกครื้นดำเนินไปอย่างสนุกสนานจนผ่านไปได้ด้วยดี แทนคุณกับทีภพเดินไปล่ำลาเจ้าของงานอย่างนายดนัยก่อนจะเดินทางกลับตามมารยาทที่ดี
“แทน นายกับม่านกำลังทำอะไรกันอยู่”
ทีภพสังเกตเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นในงาน หากแต่เขาไม่ได้ซักถามทันทีในตอนนั้น แต่เก็บข้อสงสัยเอาไว้และต้องการคำตอบในเวลานี้ สองมือของแทนคุณจับพวงมาลัยรถแน่น สายตาจับจ้องไปยังถนนเส้นตรง เขารู้ดีว่าทีภพต้องการคำตอบจากเรื่องจริง เนื่องจากในงานวันเกิดที่พึ่งเกิดขึ้น ทีภพเดินตามแทนคุณกับม่านฟ้าอยู่ห่างๆ ซึ่งเขาไม่ได้เอ่ยถามถึงเรื่องราวแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นให้คนในงานสงสัยแม้แต่น้อย
“ม่านให้ฉันแกล้งเป็นแฟน”
“แกล้งเป็นแฟน!” เสียงเพื่อนรักดูตกใจไม่น้อย
“จะบ้ากันไปใหญ่ นี่นายกับม่านคิดอะไรกันอยู่” คำว่าแกล้งเป็นแฟนของแทนคุณ ทำให้ทีภพยิ่งไม่เข้าใจกับพฤติกรรมของทั้งสอง เขาและเธออายุย่างเข้าเลขสาม แต่กลับทำตัวเหมือนเด็กๆ
“แล้วทำไมนายไม่รักให้มันจริงๆ ทำไมไม่ตกลงเป็นแฟนกันจริงๆ ให้มันรู้แล้วรู้รอดไป หากพ่อของม่านจับแต่งงาน นายจะทำยังไง”
ทีภพรู้จักนายดนัยเป็นอย่างดี เรื่องการเจ้ากี้เจ้าการจับลูกสาวให้แต่งงานกับคนระดับบนนั้น เขาขึ้นชื่อในหมู่นักธุรกิจมานาน มุกพี่สาวของม่านฟ้าก่อนที่จะลงเอยกับสามีคนปัจจุบันของเธอ ดนัยได้พาไปดูตัวกับใครต่อใครหลายคน พอเห็นเป็นจังหวะที่พอจะส่งเสริมทางธุรกิจกันได้ ก็รีบโอนลูกสาวให้รวดเร็วอย่างกับสายฟ้าฟาด
“เรื่องนั้นฉันยังไม่คิด แต่วันนี้ฉันเห็นม่านร้องไห้ จะให้ฉันอยู่เฉยโดยไม่ช่วยก็คงไม่ได้”
แทนคุณนึกย้อนกลับไปในเวลาที่เขาเห็นน้ำตาของหญิงสาวมันทำให้เขาเจ็บปวด และรู้สึกว่าตัวเองคิดไม่ผิดที่ได้เข้าไปช่วยเหลือเธอ เขาพยายามสลัดปัญหาที่จะตามมาทีหลังทิ้งไป ม่านฟ้าเป็นหญิงที่เพียบพร้อม การที่ได้เห็นเพื่อนสาวทุกข์ระทมเพราะผิดหวังในคู่ครองที่เธอไม่เลือกเป็นสิ่งที่บีบหัวใจเขามากเสียกว่า สายตาของทีภพยังเพ่งมองแทนคุณไม่ละ เป็นแววตาระคนปนสงสัยพร้อมส่ายหัวไปมากับความคิดตื้นๆ ของทั้งคู่
“อ่อ แล้วเรื่องร้านที่ฉันให้นายช่วยดู หากนายพิจารณาว่าร้านไหนผ่านก็โทรบอกฉันด้วยนะ ฉันจะได้รีบทำสัญญา” แทนคุณเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที เขายังไม่พร้อมที่จะคิดทบทวนอะไรมากในเวลานี้ มีเพียงความสบายใจที่ได้ช่วยเพื่อนสาวให้รอดพ้นจากนายกฤษณะเท่านั้น
“อืม เรื่องนั้นไม่มีปัญหา”
“อะไรคะ” นันทิชาถาม ประกายนัยน์ตามองผู้เป็นพ่อด้วยความกังวลใจ
“พ่อใกล้จะออกจากที่นี่แล้วนะ” สิ้นเสียงคำพูดของชายชรา เหตุการณ์เป็นไปตามที่เขาคาดไว้ใบหน้าของสาวน้อยจากที่ดูเป็นกังวลก็จางหาย เผยรอยยิ้มแสดงเด่นชัดขึ้นมา รอยยิ้มของนันทิชาเบ่งบานออกมาจากหัวใจ จนกลั้นน้ำตาไม่ไหวเพราะเธอรอคอยวันนี้มานานแสนนาน เป็นบุคคลเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ในชีวิต
“จริงหรือคะ ทิชาดีใจค่ะ พ่อพูดจริงๆ นะ”
ผู้เป็นพ่อยิ้มพยักหน้าตอบรับ พร้อมกับน้ำตาที่ปริ่มด้วยความปลื้มปีติ ที่ในไม่ช้าเขาจะได้ออกมาใช้ชีวิตอย่างคนปกติเสียที ทั้งสองต่างสอบถาม แสดงความห่วงใยซึ่งกันและกัน ภายในเวลาที่เจ้าหน้าที่กำหนดให้พบนั่นเป็นเพียงเวลาไม่กี่นาทีเท่านั้น หญิงสาวมักจะมาเยี่ยมพ่อ ในเวลาที่เธอว่างตรงกับวันที่กำหนดให้เยี่ยมนักโทษ
ซึ่งก็มีไม่มากนักที่จะว่างตรงกัน ในแต่ละครั้งที่นันทิชามาเยี่ยมพ่อของเธอ มันก็เหมือนกับต่อลมหายใจให้กันและกัน มารดาของเธอเสียชีวิตไปเมื่อสองปีก่อน บ้านเก่าหลังโทรมจึงไม่มีคนอาศัย หากพ่อของเธอออกมาจากเรือนจำ หญิงสาวหวังว่าที่นั่นจะเป็นที่ที่เธอกับพ่อจะไปอยู่ด้วยกัน แม้จะห่างไกลจากที่ทำงานและเรียนก็ตาม.
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลิขิตรัก ในกรงแค้น