“แทนคะ” สาวสวยคนคุ้นเคยเดินเข้ามาหาแทนคุณที่ร้านสาขาสามของเขา วันนี้ม่านฟ้าจะติดตามแทนคุณกับทีภพ เข้าไปทำสัญญาการซื้อขายสาขาใหม่ด้วยกัน
“เห็นสองคน แต่ทักแค่คนเดียวนี่หมายความว่าไง” ทีภพซึ่งนั่งอยู่ข้างแทนคุณกล่าวทักเพื่อนที่กำลังเดินเข้ามา หญิงสาวหุ่นนางแบบหยุดเดินกะทันหัน แล้วค้อนสายตาไปยังทีภพก่อนที่จะมุ่ยหน้าใส่เขา แทนคุณผู้เห็นเหตุการณ์นั่งอมยิ้ม มองดูท่าทีของทั้งคู่ที่ดูเหมือนจะไม่เป็นมิตรกันเสียเท่าไหร่ เขาและเธอมักจะไม่ลงรอยกันแบบนี้มาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังคงเป็นอยู่และไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แม้ตัวเลขอายุจะมากขึ้นทุกปีก็ตามที
“เอาล่ะๆ ม่านมาก็ดีละ กินไรก่อนไหม” แทนคุณพยายามทำให้บรรยากาศผ่อนคลายขึ้น เมื่อเพื่อนสาวเริ่มมุ่ยหน้าใส่คู่กัด
“แค่เห็นหน้านายคงอิ่มไปแล้วล่ะ” ทีภพพูดยังไม่ทันจบประโยค
“ตึบ” เสียงฝ่ามือของสาวเจ้า เธอฟาดมือลงที่หลังของเขาทันทีที่เดินมาถึงตัว
“ผมเจ็บนะ มือหนักเป็นบ้า “ทีภพถูหลังตัวเองเพื่อคลายความเจ็บ พลันหันไปจับมือของม่านฟ้าขึ้นมาพิจารณาดู
“นี่มือคนใช่ไหม ทำไมมันใหญ่ขนาดนี้” พลางทำหน้าคิดหนัก พร้อมกับทิ้งมือหญิงสาวลง ยั่วยุเธอเพิ่มขึ้น
“นายยังไม่หยุดใช่ไหม” ม่านฟ้ายกมือขึ้นมาพร้อมกับพูดขู่ แทนคุณรีบเอื้อมจับมือม่านฟ้าลงมานั่งข้างๆ เพื่อสงบศึกก่อนที่ทั้งคู่จะเปิดศึกตีกันต่อหน้าเขา
“ทำไมแทนไม่บอกก่อนคะ ว่านายทีก็มาด้วย ม่านจะได้เอาไม้หรรษาติดมือมา” หญิงสาวยังคงหมั่นไส้ เพื่อนอย่างทีภพ ที่แกล้งทีเล่นทีจริงไม่ยอมจบ
“โอเค งั้นเรามาพูดถึงเรื่องร้านใหม่ของแทนกันดีกว่า” ทีภพตัดบทสนทนาทันที เขายังไม่อยากรับรู้รสสัมผัสจาก “ไม้หรรษา” ของเพื่อนสาวในเวลานี้เสียเท่าไหร่นัก เมื่อครั้งยังเรียนมหาวิทยาลัยม่านฟ้ากับทีภพเป็นเพื่อนที่ไม่ค่อยลงรอยกัน และทุกครั้งที่มีการเปิดศึก เธอก็มักจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้เขาอยู่เสมอ จนทำให้หญิงสาวแค้นฝังใจ เธอยอมลงทุนหาซื้อที่ช็อตไฟฟ้าติดมือมาด้วย หากครั้งไหนที่เธอสู้เขาไม่ได้เพียงแค่ยกมันขึ้นมาขู่ เธอก็จะพลิกกลับมาเป็นฝ่ายชนะในทันที และได้ตั้งชื่อมันว่า “ไม้หรรษา”
นันทิชาและพริมเดินเข้ามายังบ้านเก่าหลังโทรมที่มีพื้นที่รอบบ้านไม่กว้างเท่าไหร่นัก ตัวบ้านเป็นไม้ชั้นเดียวดูทรุดโทรมไปมาก เนื่องจากขาดการดูแลมาหลายปี เพราะเธอเองต้องย้ายไปอาศัยหอพักใกล้ที่เรียนและทำงาน แต่ในเมื่อบิดาของเธอใกล้ได้รับอิสรภาพ วันนี้เธอยอมโดดเรียนมาครึ่งวัน เพื่อถือโอกาสเข้ามาทำความสะอาดบ้านเก่าอีกครั้ง
“ทิชา บ้านเธอก็ดูน่ารักดีนะทำความสะอาดอีกหน่อยก็น่าอยู่มากแล้ว” หญิงร่างอวบเอ่ยขึ้น เมื่อย่างเท้าเข้ามาภายในตัวบ้านที่มีแต่ฝุ่นจับหนาเตอะ ข้าวของเครื่องใช้ดูโทรมไปบ้างแต่ก็ยังสามารถใช้งานได้ดี เมื่อเดินออกไปสำรวจรอบบริเวณบ้านพบต้นไม้ขนาดใหญ่ทำให้บ้านดูร่มรื่น ลมพัดเข้ามาเป็นระลอกๆ กระทบกายของทั้งสอง พริมยืนอ้าขาแล้วกางแขนขึ้น จากนั้นสูดอาการบริสุทธิ์เข้าปอดเต็มที่ นันทิชาได้แต่มองการกระทำแปลกๆ ด้วยรอยยิ้มก่อนที่คนร่างอวบจะหันมาหา
“ถ้าพ่อเธอออกมา เธอจะย้ายมาอยู่ที่นี่จริงหรือ”
“คงอย่างนั้น ฉันไม่อยากให้พ่อต้องอยู่คนเดียว เหนื่อยหน่อยแต่ก็สบายใจ” หญิงร่างบางตอบโดยที่กำลังใช้มือเรียวเล็กจัดข้าวของ ก่อนจะเดินหาไม้ถูพื้นอันเก่าเพื่อมาถูทำความสะอาด
“แต่มันไกลจากที่เรียนและทำงานมากนะ ดูๆ แล้วเดินทางไปทำงานจะเหนื่อยกว่าทำงานเสียอีก” พริมนั่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มบ่นถึงความลำบากแทนเพื่อนสาว
“ไม่เป็นไรหรอก รีบๆ ทำเถอะเสร็จแล้วจะได้กลับไปทำงาน วันนี้เจ้านายใหม่จะเข้ามาด้วยสิ” นันทิชาเอ่ยตัดบทสนทนา สองสาวช่วยกันปัดกวาดเช็ดถูเกือบครึ่งวัน เมื่อเสร็จแล้วสิ่งสกปรกแลดูจางไปมาก อาจจะไม่สะอาดทั้งหมดด้วยเวลาที่จำกัดแต่ก็สะอาดในระดับหนึ่งที่พอจะอยู่อาศัยได้
“ทิชา” เสียงเรียกของพริมทำให้นันทิชาหยุดเดิน แล้วหันมองหน้าเพื่อนรักที่กำลังยืนจ้องบางสิ่งบางอย่างแบบประหลาดใจ
“ดูนั่นสิ นั่นใช่คุณแทนหรือเปล่า” พริมชี้เข้าไปในร้านอาหารที่พวกเธอทำงาน สองสาวหยุดยืนอยู่หน้าร้านครู่หนึ่ง ก่อนมองผ่านประตูร้านที่เปิดอ้าเอาไว้
“ใช่” นันทิชาตอบเมื่อเห็นแน่ชัดแล้วว่าคนที่อยู่ในร้านนั้นคือแทนคุณ ผู้ชายที่ดูน่ากลัวในวันนั้น ซึ่งเขายืนอยู่กับบุคคลแปลกหน้าอีกสองคน
“ผมมาบริหารที่นี่ก็ไม่อยากจะเปลี่ยนอะไรมาก เพราะที่นี่ระบบการจัดการก็ดีมากอยู่แล้ว ต่อไปนี้หากมีอะไรที่พวกคุณอึดอัดใจ ที่พอจะบอกผมได้ผมยินดีนะ” หญิงสาวสองคนก้มศีรษะรับคำเล็กน้อย ก่อนที่ชายหนุ่มเจ้าของร้านคนใหม่เดินออกไป ถึงแม้เขาจะดูหยิ่งไปบ้าง แต่จริงๆ แล้วก็นับได้ว่าเขายังมีมารยาทเดินมาทักทายนั่นอาจเพราะอย่างน้อยพริมเป็นหลานสาวแม่บ้านคนสนิทของเขา
“ทิชา เธอคิดว่าเมื่อกี้คุณแทนจะได้ยินฉันพูดไหม” พริมหันไปถามเพื่อนพร้อมเอามือ รัวตบปากตัวเองเบาๆ
“ไม่รู้สิ แต่ฉันคิดว่าเขาต้องได้ยินบ้างล่ะ” นอกจากคำตอบของนันทิชาจะไม่ช่วยอะไรพริมแล้ว ดูเหมือนจะทำให้พริมกังวลกว่าเดิม
“นี่ นอกจากจะไม่ช่วยแล้วทำไมไม่ปลอบกันบ้าง” พริมบ่นเง้างอน ซึ่งท่าทางของพริมทำให้นันทิชาต้องหลุดหัวเราะออกมา
“นี่ ทิชา คุณแทนมีแฟนแล้ว ฉันไม่สนคุณแทนแล้วก็ได้นะ” นันทิชาหยุดสงสัยเล็กน้อยก่อนหันไปมองเพื่อน
“เธอดูนั่นสิ” พริมชี้มือไปยังทีภพ พร้อมทั้งทำหน้าตาทะเล้น จ้องมองชายหนุ่มแทบจะกลืนกิน
“ตึบ” เสียงฝ่ามือกระทบไหล่ดังขึ้น
“ฉันเจ็บนะ” คนเจ็บมุ่ยหน้าใส่เพื่อนสาวที่หันมาทุบไหล่เธอ
“เมื่อกี้ยังไม่เข็ดใช่ไหม” นันทิชาทำตาถมึงทึงใส่คนหน้างอน พร้อมยกมือขึ้นมาจุ๊ปากเพื่อแสดงการห้ามปรามเพราะบุคคลที่คนอวบกำลังกล่าวถึงนั้นกำลังหันมามองพวกเธออยู่ สองสาวจึงพากันเดินลับเข้าไป ก่อนที่ซุบซิบกันต่ออย่างสนุกสนาน ไม่นานนักเจ้านายคนใหม่และพวกได้เดินทางกลับก่อนที่ร้านจะเปิดทำการเพียงไม่กี่นาที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลิขิตรัก ในกรงแค้น