บทที่ 136 หญิงก็ร้ายชายก็เลว
ทุกคนในงานมองไปยังแผ่นหลังของเจียงสื้อสื้อพร้อมกับอดสังเวชแทนไม่ได้ ก่อนจะค่อยๆเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์
“ครอบครัวนี้นี่มันเหลือเกินจริงๆ! ลูกด้วยเหมือนกันแท้ๆ แต่ทำไมคนเป็นพ่อถึงปฏิบัติต่างกันราวฟ้ากับเหว?”
“ก็ใช่น่ะสิ ไหนจะน้องสาวนั่นอีก ร้ายเงียบที่แท้ทรู! แม้แต่ลูกในไส้ก็เอามาใช้เป็นเครื่องมือได้ คนแบบนี้ไม่สมควรจะเป็นแม่คนด้วยซ้ำ แถมยังแย่งคู่หมั้นของพี่สาวตัวเองอีก จุ๊จุ๊ ไร้ยางอายซะจริง”
“ฉันว่าคุณชายหลานอะไรนั่นก็ไม่ได้เป็นคนดีอะไรหรอก ตอนนั้นถึงได้แอบแซ่บกับน้องสาวคู่หมั้นตัวเอง”
“ตอนนั้นยังเผลอคิดว่าเป็นคู่กิ่งทองใบหยก ที่ไหนได้ก็แค่ผีเน่ากับโลงผุ เคยเจอคนหน้าไม่อายอยู่หรอกแต่ก็ไม่ถึงขนาดนี้ เห็นแล้วอยากอ้วก”
“ใช่ๆ ต่อไปอย่าคบค้าสมาคมกับสองตระกูลนี้เลย โดยเฉพาะในเรื่องธุรกิจ ความเป็นคนต่ำๆขนาดนี้ขืนร่วมธุรกิจกันมีหวังโดนโกงแหงๆ!”
……
คงไม่ต้องบอกว่าสีหน้าคนตระกูลเจียงกับหลานซือเฉินย่ำแย่ขนาดไหน เสียงวิจารณ์ของคนในงานเล่นเอาพวกเขาแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี
เลี๋ยงห้าวเทียนที่อยู่ในบริเวณนั้นก็เช่นกัน คิดไม่ถึงว่าตระกูลเจียงจะเป็นแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่ความสัมพันธ์ของเจียงสื้อสื้อกับจิ้นเฟิงเฉินที่มีนัยยะลึกซึ้ง เลี๋ยงห้าวเทียนอดโล่งใจไม่ได้ที่เมื่อกี้แม้จะชื่นชอบเจียงสื้อสื้อออกนอกหน้า แต่ยังไม่ได้ทำอะไรที่เกินกว่าเหตุ ไม่งั้นเกรงว่าตัวเขาเองก็คงจบเห่ด้วยเช่นกัน
คิดๆอยู่ เลี๋ยงห้าวเทียนก็รีบเอ่ยปาก “คุณเจียง ผมมาคิดๆดูแล้ว ก่อนหน้านี้ที่ว่าจะร่วมธุรกิจกันก็ช่างมันเถอะ ส่วนลูกสาวของคุณ...ก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแล้วล่ะ ผมมีธุระ คงต้องขอตัวก่อน”
เขาในตอนนี้เพียงแค่อยากเอาตัวเองหลุดพ้นไปจากเรื่องนี้ พูดจบ เลี๋ยงห้าวเทียนก็รีบสาวเท้าเดินจากไป
เจียงเจิ้นโมโหอยู่ลึกๆ แต่ตอนนี้เขาคิดแค่ว่าต้องรีบออกไปจากที่นี่ก่อน ทว่าจิ้นเฟิงเฉินไม่ได้คิดเช่นนั้น เขาหันไปออกคำสั่งกับผู้ช่วย “จับตาดูคนพวกนี้ให้ดี รอจนกว่าตำรวจจะมา ใครก็ตามที่ทำร้ายเจียงสื้อสื้อห้ามปล่อยไปแม้แต่คนเดียว”
ขณะที่พูดประโยคนี้ จิ้นเฟิงเฉินปรายหางตามองเสิ่นซูหลันอย่างหมายหัว ก่อนจะเดินตามเจียงสื้อสื้อออกไป
เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของจิ้นเฟิงเฉินเมื่อครู่ เสิ่นซูหลันก็สั่นไปทั้งร่าง เธอดึงแขนเจียงเจิ้น ก็จะพูดเสียงเบา “คุณคะ คราวนี้จะเอายังไงดี? ฉันคงไม่ต้องติดคุกจริงๆใช่ไหม?”
ตอนนั้นเสิ่นซูหลันก็แค่โมโหอารมณ์ชั่ววูบ ไม่ได้คิดว่าเรื่องมันจะใหญ่โตขนาดนี้...
จากที่หวังว่าจะได้ร่วมธุรกิจกับบริษัทเลี๋ยงซื่อตอนนี้ก็หมดหวังแล้ว ไหนจะถูกผู้คนตราหน้าอีก เจียงเจิ้นสะบัดแขนออกจากมือเธออย่างโมโห “ฉันจะไปรู้ได้ไงว่าต้องทำยังไง? ใครใช้ให้พวกเธอทำอะไรบุ่มบ่าม? ตอนนี้เพิ่งมาคิดได้”
เสิ่นซูหลันอดน้อยใจไม่ได้ ที่โดนตบไม่ต้องไปพูดถึง ตอนนี้เจียงเจิ้นยังจะพูดจาแบบนี้อีก ที่เธอทำไปก็เพื่อตระกูลเราไม่ใช่หรอไง?
เจียงนวลนวลกับหลานซือเฉินที่ยืนอยู่ฝั่งเดียวกันสีหน้าย่ำแย่จนดูไม่ได้
โดยเฉพาะเจียงนวลนวล นังสารเลวเจียงสื้อสื้อทำไมถึงได้โชคดีไปซะทุกครั้ง
เธอสูดหายใจลึกๆ พร้อมกับสาบานในใจ ไม่ว่ายังไงก็จะไม่มีทางปล่อยให้เสียงสื้อสื้อได้อยู่อย่างสงบสุขแน่
……
เวลานี้ผู้คนที่ยืนเสพดราม่าเมื่อครู่ก็ค่อยๆสลายตัวไป ซูชิงหยิงยังคงยืนอยู่ที่เดิม เธอมองแผ่นหลังของจิ้นเฟิงเฉินที่เดินจากไปด้วยสีหน้าดำทะมึน
เป็นอีกครั้ง ที่จิ้นเฟิงเฉินทิ้งเธอเพราะเจียงสื้อสื้อ
เจียงสื้อสื้อมีสิทธิ์อะไร ตกลงมันมีสิทธิ์อะไร ซูชิงหยิงกำมือแน่น แววตาเต็มไปด้วยความไม่ยอมแพ้
……
เจียงสื้อสื้อไม่ใช่คนคอแข็ง เมื่อมาถึงก็กระดกอึกๆ ดื่มได้ไม่ทันไรก็เมา จิ้งเฟิงเฉินคอยดูแลอยู่ข้างๆ
หลังจากดื่มไปหลายแก้ว เจียงสื้อสื้อก็สบายใจขึ้นบ้าง ภาพเหตุการณ์ต่างๆปรากฎขึ้นในสมอง
“จิ้นเฟิงเฉินคุณรู้ไหม? เมื่อก่อนนี้ครอบครัวเรามีความสุขมาก ตอนนั้นคุณพ่อทั้งรักทั้งตามใจฉัน”
ตอนเด็กๆ ตอนที่แม่ของเธอฟางเสว่มั่นยังไม่ป่วย และยังไม่ได้หย่ากับเจียงเจิ้น เจียงสื้อสื้อจำได้ดีว่าเวลานั้นตัวเธอราวกับเป็นเจ้าหญิงของบ้านก็ไม่ปาน
ทุกครั้งหลังเลิกเรียน ทั้งสองคนก็จะมารับเธออย่างพร้อมหน้าพร้อมตา วันหยุดหรือวันเกิดของใครในครอบครัว ทั้งสามคนก็จะร่วมโต๊ะกินข้าวกันอย่างมีความสุข
เจียงเจิ้นยังพูดกับเธอบ่อยๆว่าจะเคียงข้างเธอปกป้องเธอจนวันที่เธอเติบโต คอยมองดูวันที่เธอแต่งงานมีครอบครัว...
ในเวลานั้นเธอกับหลานซือเฉินก็กำลังไปกันได้สวย หลานซือเฉินเองก็เคยพูดว่าหลังจากเรียนจบจะมาสู่ขอเธอทันที
แล้วต่อมาเป็นยังไงล่ะ?
พอคิดถึงเรื่องพวกนี้แล้ว เจียงสื้อสื้อก็อดแสยะยิ้มออกมาไม่ได้
“เขาเคยพูดไว้แท้ๆว่าจะรักฉันกับแม่ตลอดไป แต่สุดท้ายก็ยังนอกใจคุณแม่ วันที่แม่ลูกสองคนนั้นเข้ามาที่บ้านตระกูลเจียง แม่ของฉันก็พาฉันออกจากบ้าน”
หลังจากนั้นมา ชีวิตของเจียงสื้อสื้อก็ราวกับถูกพายุถาโถมใส่เป็นว่าเล่น เธอเลิกกับหลานซือเฉิน ยังไม่ทันจะได้เยี่ยวยาใจที่บอบช้ำเพราะถูกคนรักหักหลัง เธอก็ต้องมารับรู้ว่าแม่กำลังป่วยหนัก ตอนนั้นพวกเธอสองแม่ลูกไม่มีเงินเก็บ และเจียงสื้อสื้อก็ยังเป็นนักศึกษาชั้นปีสี่
เธอออกมาเผชิญกับโลกภายนอกเพื่อหางานทำ ทำงานสองอย่างเพื่อหาเงินรักษาแม่ ทุกๆวันต้องกินอยู่อย่างประหยัดที่สุด แต่เสิ่นซูหลันกับเจียงนวลนวลก็ยังไม่เลิกตามราวี พวกนั้นใช้อำนาจของตัวเองทำให้เธอต้องตกงานอยู่ทุกครั้ง...
“หลายปีมานี้ฉันดิ้นรนจนผ่านมาได้ แต่พวกนั้นก็ยังไม่หยุดระรานฉัน พวกนั้นริอาจจะให้ฉันแต่งกับชายแก่เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง...คนพวกนั้นทำไมถึงได้น่าขยะแขยงถึงขนาดนี้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!