บทที่ 433 รองประธานบริษัท
“รองประธานบริษัท!”
อย่างน้อยแกก็ต้องแต่งตั้งตำแหน่งรองประธานบริษัทให้รั่วเสวี่ยนของฉัน!
หลินเย่นพูดออกมาจากปากอย่างมั่นใจ คำพูดที่พ่นออกมานั้นเกือบจะทำให้เสี้ยเมิ่งเหยาหัวเราะจนหงายท้อง พอเข้ามาก็ขอมาเป็นรองประธานบริษัทซะแล้ว คนเก่งกาจมากความสามารถก็ยังไม่กล้าพูดคำพวกนี้ออกมาเลยมั้ง
“ไม่ได้!”
เสี้ยเมิ่งเหยาปฏิเสธทันควัน อีกอย่างไม่ต้องพูดเลยว่าเธอเองก็ไม่มีสิทธิที่จะแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยประธานบริษัท ถึงแม้ว่าเธอมีสิทธิ ก็ไม่อาจให้ถางรั่วเสวี่ยนที่เพิ่งจะเรียนปริญญาตรีจบมารับตำแหน่งรองประธานบริษัทได้ ถ้าเธอทำอย่างนั้นจริง มันเป็นการให้พนักงานในบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ปต่างไม่พอใจมาก
“ทำไมไม่ได้!” หลินเย่นเริ่มหัวร้อนแล้ว “แกเป็นถึงประธานบริษัท ทำไมของฉันรั่วเสวี่ยนถึงเป็นรองประธานบริษัทไม่ได้?!”
“ไม่มีคำว่าทำไม ไม่ได้ก็คือไม่ได้!” เสี้ยเมิ่งเหยาพูดอย่างเย็นชา เธอมองออกว่า ตั้งแต่เริ่มแรก หลินเย่นต้องการให้ถางรั่วเสวี่ยนมาทำงานในตำแหน่งรองประธานบริษัท แต่ไม่ใช่การที่ให้ถางรั่วเสวี่ยนเข้ามาทำงานในบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ปแค่อย่างเดียว
“พี่เย่น รั่วเสวี่ยนเพิ่งจะเรียนจบ คุณก็จะให้เธอมารับตำแหน่งเป็นถึงรองประธานบริษัท ไม่ดูไม่ดีกระมัง” หลินหลันที่อยู่ข้างๆ ถึงกับทนไม่ไหวแล้ว อีกอย่างการศึกษาของถางรั่วเสวี่ยนก็ไม่มีความพร้อมที่จะเป็นรองประธานบริษัทไปได้ ถึงแม้ว่าเป็นได้ เธอก็ไม่ยินยอมให้ถางรั่วเสวี่ยนทำงานในตำแหน่งรองประธานบริษัทหรอก
เหตุผลก็แสนจะง่ายดาย ถ้าถางรั่วเสวี่ยนเป็นรองประธานบริษัทขึ้นมาจริงๆ งั้นต่อไปหลินเย่นก็จะยกระดับได้เทียบเท่านะสิ งั้นก็ไม่มีวิธีที่จะทำตัวอยู่เหนือกว่าเหมือนวันนี้ได้แล้ว
“ไม่ค่อยดีเหรอ?!” หลินเย่นขมวดคิ้วเข้าหากัน นัยน์ตามีแต่ไอความโกรธเคืองกำลังลุกออกมา “ไม่ค่อยดียังไง? แกไม่เห็นหัวรั่วเสวี่ยนของฉันเลยใช่ไหม?”
“พี่เย่น ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น....” หลินหลันขมวดคิ้วเข้าหากัน อยากจะอธิบายต่อ แต่ยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกหลินเย่นตอกกลับมาอย่างหยาบช้า “ตอแหล แกหมายความว่าอย่างนั้นแหละ!”
“แกไม่เห็นหัวรั่วเสวี่ยนของฉันเลย”
“แกอีกคน เสี้ยเมิ่งเหยา!” หลินเย่นเบนสายตามามองเสี้ยเมิ่งเหยา
สีหน้าของเธอโกรธแค้นอย่างขุ่นเคือง “แกมันลืมบุญคุณที่รดหัวแกแล้ว ตอนนี้เป็นถึงประธานบริษัท สายตาสูงส่ง ก็เลยไม่เห็นหัวญาติจนๆ อย่างพวกเราแล้ว?”
“แกลืมแล้วหรือไงเมื่อก่อนครอบครัวของเราช่วยเหลือครอบครัวแกยังไงบ้าง?!”
“ช่วยเหลือครอบครัวฉันเหรอ? ป้าสอง หลายปีที่ผ่านมานั้น คุณมาที่บ้านฉันกี่ครั้งกัน?” เสี้ยเมิ่งเหยาโมโหจนระเบิดอารมณ์ออกมาอีกครั้ง เธอไม่รู้จริงๆ ว่าหลินเย่นเอาความหน้าด้านมาจากไหนถึงได้กล้าพูดคำพูดนี้ออกมา ถ้าเธอจำไม่ผิด เจ็ดปีที่ผ่านมานั้น อย่าพูดถึงการช่วยเหลือแก่ตระกูลเสี้ยของหลินเย่นเลย ขนาดมาที่บ้านตระกูลเสี้ยสักครั้งเธอยังไม่เคยมาด้วยซ้ำ
ครั้งที่แล้วที่เธอถูกเฉินอิงโรทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัสนั้น หลินเย่นก็เคยมาที่โรงพยาบาล แต่ว่าครั้งนั้นแล้ว หลินเย่นก็ไม่ได้มาเยี่ยมเธอ แต่กระชากให้เธอลุกจากเตียงคนไข้ด้วยสภาพที่มึนงง และให้เธอช่วยติดต่อกับหลินจงเหว่ยให้ได้
คนพรรค์นี้ ยังมีหน้ามาพูดว่าช่วยเหลือตระกูลเสี้ยอีก มันช่างตลกสิ้นดี!
“ฉันไม่ได้มาที่บ้านแกหลายครั้งก็ตาม แต่ฉัน...แต่งานของฉันแกเป็นคนเขี่ยฉันให้ออกจากงาน ยอมรับใช่ไหม?” เหมือนว่าตนเองกำลังเสียท่าอยู่ หลินเย่นรีบเปลี่ยนหัวข้อทันที
“คุณถูกไล่ออกจากงานมันเกี่ยวอะไรกับฉัน?” เสี้ยเมิ่งเหยาขมวดคิ้วโก่งเรียว เพราะว่าไม่เข้าใจคำพูดของหลินเย่นว่าทำไมถึงได้พูดคำพูดนี้ออกมาได้
“ไม่เกี่ยวกับแกได้ยังไงกัน ไม่กี่วันนี้ที่แกไปดูตัวมาเรื่องที่แกด่าประธานหวางแกลืมไปแล้วเหรอ?”
“หลินเย่น คุณชักจะทำเกินไปแล้ว!” สีหน้าของหลินหลันเริ่มไม่สู้ดี ถ้าเริ่มให้หลินเย่นพ่นคำพูดมั่วๆ ออกมาป่าวประกาศในบริษัท ชื่อเสียงของเสี้ยเมิ่งเหยาก็คงป่นปี้ การที่เธอมาที่บริษัทในระยะนี้ ก็เพราะว่าเธอกลัวที่สุดที่คนอื่นจะเอาเรื่องที่ผ่านมาแล้วของเสี้ยเมิ่งเหยาออกมาป่าวประกาศ เพราะการหย่าร้างมันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีอะไร อีกอย่างคนที่เสี้ยเมิ่งเหยาหย่าร้างนั้นมันก็เป็นเพียงลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านมาเกาะเมียกินไร้ประโยชน์สิ้นดี
ถ้าให้คนในบริษัทรู้เรื่องที่เสี้ยเมิ่งเหยาเคยใช้ชีวิตอยู่บ้านชายคาเดียวกันกับไอ้ลูกเขยไร้ประโยชน์นั้น มันจะทำให้ศักดิ์ศรีของเสี้ยเมิ่งเหยา ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก
“ฉันทำเกินไปเหรอ? ถ้าไม่ใช่ว่าพวกคุณบีบบังคับฉัน ฉันจะทำเรื่องเกินเลยแบบนี้ไหม!” หลินเย่นหัวเราะแห้งๆ ออกมาครั้งหนึ่ง ก่อนหน้าที่จะมานั้นเธอก็คิดวางแผนที่ดีเอาไว้แล้ว ต้องทำตัวมีมารยาทก่อนจากนั้นค่อยเริ่มขู่ ถ้าเสี้ยเมิ่งเหยาไม่ยอมอ่อนข้อให้ งั้นเธอก็จะเอาไม้แข็งเข้ามาเล่นด้วย เธอไม่เชื่อหรอกว่า เสี้ยเมิ่งเหยาจะนั่งมองคำนินทาที่แพร่กระจายไปในบริษัทอย่างเฉยเมย
“ฉันจะบอกแกให้ เสี้ยเมิ่งเหยา แกไม่ให้รั่วเสวี่ยนเป็นรองประธานบริษัท งั้นตำแหน่งประธานของแกก็อย่าเป็นเลย!” ความร้ายกาจของหลินเย่นเริ่มปรากฏออกมา อาการขู่คุกคามเริ่มมาเรื่อยๆ
“พี่เย่น พูดกันดีๆ การที่ให้รั่วเสวี่ยนมาทำงานเป็นรองประธานบริษัทนั้นมันก็ยากจริงๆ ต้องเริ่มทำงานเป็นหัวหน้าของแผนกก่อน จากนั้นค่อยขยับตำแหน่งขึ้นมาเรื่อยๆ ...” หลินหลันพยายามยิ้มให้อย่างเอาใจ ในใจนั้นมันรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป ถ้ารู้ตั้งแต่แรก เธอก็คงไม่ไปพูดโอ้อวดกับหลินเย่นว่าเสี้ยเมิ่งเหยาเป็นถึงประธานบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ปหรอก
ตอนที่หลินหลันกำลังพูดเกลี้ยกล่อมหลินเย่นอยู่นั้น ยามหลายคนก็มาปรากฏกายขึ้นในห้องทำงาน “ท่านประธานเสี้ย!”
“จะไปเองหรือว่าจะให้ยามลากออกไป?” เสี้ยเมิ่งเหยาทำหน้าไร้อารมณ์ตอนที่เบนสายตามาทางหลินเย่น
“เสี้ยเมิ่งเหยา แกกล้ามาล้อเล่นกับกูเหรอ?!” หลินเย่นโมโหจนแทบจะกระอักเลือดออกมา เดิมทีคิดว่าที่เสี้ยเมิ่งเหยาเรียกยามมาจะเป็นแค่การข่มขู่เท่านั้น แต่ไม่คิดเลยว่า เสี้ยเมิ่งเหยาจะทำตามที่พูดจริงๆ
“เมิ่งเหยา แบบนี้มันไม่ดีมั้ง แกเป็นถึง...”
“ส่งแขก!” ไม่รอให้หลินหลันพูดจบ เสี้ยเมิ่งเหยาก็ออกคำสั่งอันเย็นชาทันที ก่อนหน้านี้เธออาจจะใจดีกับศัตรู แต่ว่าเธอในเวลานี้ คงไม่ทำเรื่องผิดพลาดแบบนั้นให้มันเกิดขึ้นมาอีก
“ทั้งสองท่าน จะไปเองหรือว่าให้เราลากไป” ยามหลายคนนั้นเดินเข้ามาทางด้านหน้าของหลินเย่นและถางรั่วเสวี่ยนด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
คือรำคาญพระเอกแนวนี้มากมีเงินรวยแต่ทำตัวติดดินให้คนดูถูกตัวเอง ดูถูกตัวเองก็ไม่เท่าไรเมียตัวเองต้องมาทนโดนดูถูกไปด้วยเพื่อ..ตระกระความคิดนี้มันยังไง ไม่ต้องอวดรวยก็ได้ แค่รู้จักปรับลุคตัวเอง ให้ไม่ดูติดดินเกินไปจนคนอื่นดูถูกแค่นี้ก็ยากเกินไปรึไง ไม่รำคาญพวกโง่วิ่งมาหาเรื่อง ก็ควรนึกถึกว่าพวกโง่จะหาเรื่องเมียตัวเองด้วยสิ...
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...