ลูกเขยมังกร นิยาย บท 61

บทที่ 61 《ถึงอลิซ》3

เฉินเฟิงนั่งอยู่บนเก้าอี้เปียโนด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน หลังจากที่แม่จากไป นับจากนั้นเขาก็ไม่ได้แตะต้องเปียโนมาสามปีแล้ว

เมื่อก่อนนี้เขาเล่นเปียโนเพื่อไม่ให้ซูจ้าวชิงผิดหวัง

ตอนนี้ เขาเล่นเปียโน ก็เพื่อผู้หญิงที่ตัวเองชอบ

นิ้วเรียวยาวของเฉินเฟิงแตะบนคีย์บอร์ด สัมผัสความเรียบเย็นจากแป้นดำขาว

นิ้วของเฉินเฟิงขยับกดลงสองสามคีย์ เปียโนพลันส่งเสียงแสบแก้วหูออกมา

เสิ่นจุนเหวินที่ใบหน้านิ่งตึงไม่พูดอะไร ถึงเฉินเฟิงจะดีดไปสองสามคีย์ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะเล่นเปียโนไม่เป็นจริงๆ สักหน่อย เขาอาจจะกำลังปรับเสียงอยู่ก็ได้

แต่เหล่าผู้ชมในห้องถ่ายทอดสดที่ไม่รู้เรื่องเปียโนกลับไม่เข้าใจในจุดนี้ เมื่อเฉินเฟิงเล่นไม่ได้เรื่อง การเยาะเย้ยถากถางจะเริ่มขึ้นอย่างดุเดือด

“ฉันก็บอกอยู่ว่าไอ้กระจอกนี่เล่นเปียโนไม่ได้หรอก ตอนนี้ก็เห็นกันแล้วสิ”

“น่าสมเพชจัง ดูก็รู้แล้วว่าไม่ได้มีอะไรเกี่ยวกับเปียโนเลย รีบๆ ลงไปเถอะ อย่าอยู่ให้ขายขี้หน้าเลย”

“เดี๋ยวฉันออกไปก่อนสักสามนาทีแล้วกัน รอให้ไอ้กระจอกนั่นเลิกเล่นค่อยกลับมา”

“ติ๊งติ๊งติ๊ง....”

ทันทีที่เสียงพูดคุยหยุดลง เฉินเฟิงก็เริ่มบรรเลงขึ้น โน้ตสองสามตัวแรกนั้นฟังดูดาษดื่นมาก ทุกคนต่างฟังไม่ออกว่ามีความโดดเด่นอยู่ตรงไหน

แต่เมื่อนิ้วของเฉินเฟิงขยับพลิ้ว เปียโนบนเวทีก็ราวกับมีชีวิต ทำนองที่งดงามปะทะแก้วหูของผู้คนราวกับพายุ ทำเอาพากันสั่นสะท้าน

คนที่สีหน้าเปลี่ยนไปแรกสุดเลยนั้นก็คือเสิ่นจุนเหวิน ในฐานะผู้ที่เชี่ยวชาญก็ยิ่งรู้ว่าเป็นอย่างไร ในบรรดาคนทั้งหมด ทักษะการเล่นเปียโนของเขาสูงที่สุด ในโน้ตแบบเดียวกันแล้ว ให้คนทั่วไปฟังก็คงรู้สึกได้แค่ว่ามันเพราะ แต่หากจะให้บอกว่าเพราะตรงไหน พวกเขากลับไม่สามารถบอกได้

แต่กับเสิ่นจุนเหวินที่ฝึกฝนเปียโนมากว่าสิบปี กลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าโน้ตที่เฉินเฟิงบรรเลงมีความลื่นไหลเป็นธรรมชาติมาก!

กล่าวก็คือเป็นท่วงทำนองที่สมบูรณ์แบบ ไม่มีช่องว่างระหว่างโน้ตเลยแม้แต่น้อย

แค่เรื่องของการควบคุมจังหวะ เฉินเฟิงก็ทิ้งห่างเขาไปแล้วหลายขุม!

เสี้ยเมิ่งเหยาในขณะนั้นไม่ได้ตกตะลึงน้อยไปกว่าเสิ่นจุนเหวินเลย 《ถึงอลิซ》เหมือนกัน แต่ที่เสิ่นจุนเหวินบรรเลงไปเมื่อครู่ เสี้ยเมิ่งเหยารู้สึกว่าเป็นแค่การทำตามตำราเท่านั้น แม้ว่าจะเพราะ แต่ก็ขาดความลื่นไหลไปสักหน่อย เห็นได้ชัดว่าเสิ่นจุนเหวินไม่ได้ตระหนักถึงความหมายที่แท้จริงของ《ถึงอลิซ》เพียงแค่เล่นไปตามโน้ตเท่านั้น

แต่เมื่ออยู่ในมือของเฉินเฟิง 《ถึงอลิซ》ก็ราวกับจะมีชีวิตจิตวิญญาณ!

เขาไม่เพียงสื่อถึงรัก แต่ตีความอารมณ์รักของชายหนุ่มได้อย่างชัดเจน แม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิง ก็ยังสามารถรู้สึกถึงความคาดหวังอันซับซ้อนท่ามกลางความสิ้นหวังนั้นได้

ริมฝีปากแดงของเสี้ยเมิ่งเหยาเผยอขึ้นเล็กน้อย ชั่วขณะนั้นเธอประหลาดใจ เฉินเฟิงที่ดูเปล่งประกายระยับราวกับราชาแห่งดนตรีบนเวทีนี้ จะเป็นอดีตสามีผู้แสนธรรมดาคนนั้นของเธอจริงๆ อย่างนั้นเหรอ?

คนคนเดียวกันจะสามารถแต่งต่างกันได้ขนาดนี้ได้ยังไง?

คนอื่นๆ ไม่ได้เข้าใจเรื่องเปียโนเหมือนกับเสิ่นจุนเหวินและเสี้ยเมิ่งเหยา คนส่วนใหญ่ในสตูดิโอไม่เคยสัมผัสเปียโนด้วยซ้ำ แต่มันก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคกับนิยามของคำว่าไพเราะของพวกเขา

เหมือนกับคนทั่วไปคนหนึ่งที่อยากจะประเมินว่าอาหารอร่อยหรือไม่ ก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องมีใบรับรองการปรุงอาหารก่อน

ในการได้ยินของแต่ละคน ล้วนมีความรู้สึกเฉพาะที่ไม่ซ้ำกัน!

ชัดเจนมากว่า《ถึงอลิซ》ของเฉินเฟิงเพราะมาก! อย่างน้อยเหล่าผู้ชมกว่าล้านที่รับชมการทอดถ่ายสดก็คิดเช่นนั้น

คอมเม้นต์ขึ้นทะลักทลาย

“เย*เข้! เขาเล่นเพลงนี้จริงๆ เหรอ? ทำไมฉันรู้สึกว่าเขากำลังแกล้งเล่นเลย มีคนเปิดเพลงต้นฉบับ!”

“งี่เง่า! ทำไมไม่บอกล่ะว่านั่นเป็นเปียโนปลอม”

“โอ้โห เพราะมากเลย ฉันเชื่อในความรักอีกครั้งแล้วล่ะ”

“พอฟังที่เฉินเฟิงเล่นแล้ว ฉันก็รู้สึกว่าที่เสิ่นจุนเหวินเล่นไปเมื่อกี้ก็แค่การผายลมเท่านั้นเอง”

แถมยังเป็นการถ่ายทอดสด ให้คนทั้งบ้านทั้งเมืองเห็นฉากนี้

ไม่ต้องคิดก็ยังรู้ ผ่านวันนี้ไป จะต้องมีคนพูดแน่ว่าเขาเสิ่นจุนเหวินเล่นเปียโนได้แค่ครึ่งๆ กลาง เทียบเด็กส่งอาหารก็ยังไม่ได้

“คบเลย คบเลย!”

“งี่เง่าน่า คนเขาเป็นสามีภรรยากันอยู่แล้ว!เสิ่นจุนเหวินต่างหากที่เป็นมือที่สาม”

“คืนนี้เจ้าเสิ่นโดนตบหน้าฉาดใหญ่เลยนะเนี่ย”

“ใครจะไปนึก ว่าฝีมือการเล่นเปียโนของคนส่งอาหารจะเหนือกว่าศิลปินอินเตอร์ได้ล่ะ”

“ถ้าเข้าเล่นได้อีกรอบ ฉันจะส่งซูเปอร์ร็อคเก็ตให้สิบอัน พูดจริงเลย!”

ในห้องถ่ายทอดสดในขณะนั้น มีคนที่ด่าเฉินเฟิงว่าไร้ความสามารถน้อยมาก ด้วยทักษะการเล่นเปียโนที่ยอดเยี่ยมของเฉินเฟิงเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้99%ของคนบนโลกนี้ไม่กล้าเทียบเคียง

ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย ถ้าจะบอกว่าหากเฉินเฟิงไม่ส่งอาหารแล้วไปเล่นเปียโนแทน ความสำเร็จของเขาก็ไม่น้อยหน้าไปกว่าเสิ่นจุนเหวินตอนนี้เลย

คนคนนี้ ใครจะมีสิทธิ์บอกว่าเขาเป็นคนไร้ประโยชน์กัน?

หลินหลันและซุนกุ้ยฟางแม่ลูกที่กำลังดูการถ่ายทอดสดอยู่ขณะนั้นรู้สึกเหมือนท้องฟ้าจะพังลงมา

ให้ตายพวกเขาก็คิดไม่ถึง ว่าเฉินเฟิงไม่เพียงไปที่อาคารหวงเห้า แต่ยังทำลายหน้าของเสิ่นจุนเหวินอีก

นี่มันไม่เหมือนกับที่พวกเขาคิดไว้เลยนะ

ในใจของหลินหลันเกลียดเฉินเฟิงแทบดิ้นตาย ถ้ารู้ว่าเจ้านั่นเล่นเปียโนได้ แถมยังเล่นได้ดีขนาดนี้ล่ะก็ เขาก็คงจะไม่พูดแบบนั้นกับเสิ่นจุนเหวินหรอก ตอนนี้จบกัน เสิ่นจุนเหวินเสียหน้าแล้ว จะต้องตำหนิเธอแน่

แต่สิ่งที่หลินหลันกังวลยิ่งกว่าในตอนนั้นก็คือ เสิ่นจุนเหวินจะจัดการกับสถานการณ์นี้ยังไง แล้วหนึ่งพันล้านนั้น เธอจะยังได้รับมันรึเปล่า

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร